พบผลลัพธ์ทั้งหมด 100 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างฐานดื่มสุราขณะปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นการกระทำผิดร้ายแรง ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
ระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกำหนดโทษฐานดื่มสุราใน ขณะปฏิบัติหน้าที่ของยามไว้ให้มีโทษถึงให้ออกหรือไล่ออก อันเป็นโทษสูงสุด แสดงว่าจำเลยประสงค์ให้การฝ่าฝืนระเบียบข้อนี้เป็นกรณีที่ร้ายแรง ทั้งผู้ว่าจ้างบริษัทจำเลยให้รักษาความปลอดภัยก็ประสงค์ให้ยามปราศจากการมึนเมาอย่างแท้จริง จึงกำหนดไว้ในสัญญาว่ายามที่ปฏิบัติหน้าที่จะต้องงดเว้นการดื่มสุราหรือเสพของมึนเมา 4 ชั่วโมง ก่อนถึงเวลาปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้ การที่โจทก์ทั้งสองดื่มสุราในเวลาปฏิบัติหน้าที่ซึ่งอาจทำให้ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดหรือบกพร่องได้โดยง่าย เพราะขาดสติสัมปชัญญะ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ทั้งแก่บริษัทจำเลยผู้เป็นนายจ้างของโจทก์ และแก่ผู้ที่ว่าจ้างบริษัทจำเลยให้รักษาความปลอดภัยให้ จึงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม แม้มีมูลความผิดบ้าง แต่ไม่ร้ายแรงถึงขนาดเลิกจ้างได้
โจทก์ลูกจ้างเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อมีกรณีขัดแย้งกับจำเลยซึ่งเป็นนายจ้าง เกี่ยวกับการจัดซื้อสินค้าซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวแม้จะมีข้อความบางตอนไม่เหมาะสมในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาจะมีถึงผู้บังคับบัญชารวมทั้งไม่สมควรที่จะให้ทนายความมาเกี่ยวข้องตอบโต้หนังสือแทน ในการทำงานระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชากับผู้บังคับบัญชาก็ตาม ก็ยังไม่มีเหตุสมควรที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ได้ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49
การเลิกจ้างแม้จะมีมูลความผิดหรือมีความผิดอยู่บ้างแต่หากยังไม่สมควรที่นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างได้แล้ว การที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างต้องถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
การเลิกจ้างแม้จะมีมูลความผิดหรือมีความผิดอยู่บ้างแต่หากยังไม่สมควรที่นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างได้แล้ว การที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างต้องถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3839/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้าง การสั่งไล่ออกถือเป็นการเลิกจ้างได้ แม้ไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร และการประเมินความร้ายแรงของการไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
การไล่ลูกจ้างออกจากงานอันถือว่าเป็นการเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานนั้นไม่จำต้องมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร การที่กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างพูดกับลูกจ้างว่า"มึงทำหมา ๆ อย่างนี้กูไล่มึงออก"ประกอบกับหลังจากพูดไล่ลูกจ้างออกจากงานแล้ว นายจ้างยังไปแจ้งความที่ สถานีตำรวจกล่าวหาลูกจ้างว่าไม่ยอมออกไปจากห้องพักคนงานและ ลูกจ้างได้หยุดงานทั้งยังทวงถามให้นายจ้างคิดค่าชดเชยและค่าจ้างให้ด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่านายจ้างได้เลิกจ้างลูกจ้างแล้ว
กิจการและลักษณะงานของนายจ้าง มิใช่กิจการต้องเสี่ยงภยันตรายอันอาจจะเกิดขึ้นได้ง่าย การทำงานต้องทำติดต่อกันทั้งกลางวันและกลางคืน ประตูหน้าต่าง ไฟฟ้าและน้ำต้องเปิดใช้ตลอดเวลา การที่ลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างไม่ปิดประตูหน้าต่าง ไฟฟ้าและน้ำในโรงงานเพียงชั่วระยะเวลาเดียวจึงยังไม่เพียงพอที่จะถือว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรงในอันที่นายจ้างจะไม่จ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้าง
กิจการและลักษณะงานของนายจ้าง มิใช่กิจการต้องเสี่ยงภยันตรายอันอาจจะเกิดขึ้นได้ง่าย การทำงานต้องทำติดต่อกันทั้งกลางวันและกลางคืน ประตูหน้าต่าง ไฟฟ้าและน้ำต้องเปิดใช้ตลอดเวลา การที่ลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างไม่ปิดประตูหน้าต่าง ไฟฟ้าและน้ำในโรงงานเพียงชั่วระยะเวลาเดียวจึงยังไม่เพียงพอที่จะถือว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรงในอันที่นายจ้างจะไม่จ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเนื่องจากลูกจ้างไม่ลงชื่อรับทราบคำเตือน การกระทำดังกล่าวไม่ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบอย่างร้ายแรง
โจทก์กระทำผิดระเบียบโดยมาทำงานสาย จำเลยได้ออกคำเตือนเป็นหนังสือให้โจทก์ลงชื่อรับทราบ แต่โจทก์ขัดขืนและโต้เถียงกับผู้จัดการของจำเลย ดังนี้จำเลยมีวิธีการแจ้งให้โจทก์ทราบคำเตือนโดยวิธีอื่นได้ เช่น แจ้งด้วยวาจาหรือปิดประกาศคำเตือนให้ทราบการขัดขืนไม่ยอมลงชื่อรับทราบคำเตือนจึงมิใช่การฝ่าฝืนคำสั่งระเบียบข้อบังคับเป็นการร้ายแรง แม้โจทก์ได้โต้เถียงกับผู้จัดการด้วยก็ไม่ได้ความว่าเป็นเรื่องอื่นนอกเหนือจากผู้จัดการจะให้โจทก์ลงชื่อรับทราบคำเตือนจึงจะปรับการกระทำของโจทก์ขึ้นเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งระเบียบข้อบังคับเป็นการร้ายแรงหาได้ไม่ จำเลยไม่มีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2943/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่า: การตัดสายห้ามล้อรถยนต์ ไม่ถึงขั้นร้ายแรงพอที่จะเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
การที่จำเลยตัดสายห้ามล้อรถยนต์เพื่อมิให้โจทก์ออกจากบ้านยังห่างไกลต่อการที่จะฟังว่า จำเลยได้ทำร้ายโจทก์ และแม้โจทก์จำเลยทะเลาะกันเป็นประจำก็ฟังไม่ได้ว่าเป็นการร้ายแรงอันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามมาตรา 1516(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างต้องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ หากไม่มีระบุเหตุร้ายแรง ต้องตักเตือนก่อน
ลูกจ้างมาทำงานสายและประพฤติไม่สมควรต่อผู้บังคับบัญชาแต่ไม่มีในข้อบังคับว่าเป็นกรณีฝ่าฝืนระเบียบร้ายแรงที่จะให้ออกโดยไม่ต้องตักเตือนก่อน นายจ้างต้องใช้ค่าชดเชยแก่ลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปไม้สักโดยไม่ได้รับอนุญาต: ความร้ายแรงและการลงโทษ
จำเลยตั้งโรงงานใช้เครื่องจักรแปรรูปไม้สักเพื่อการค้าโดยมิได้รับอนุญาตนับว่าการกระทำของจำเลยร้ายแรงมากเป็นการทำลายทรัพยากรที่สำคัญของประเทศชาติศาลไม่รอการลงโทษแก่จำเลยเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำผิดเช่นนี้ขึ้นอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่าจากพฤติกรรมประพฤติชั่วร้ายแรง: การตีความเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1500(2)
บรรยายฟ้องว่าจำเลยประพฤติชั่วติดยาเสพติดและประพฤติตัวเป็นนักเลงอันธพาล ไม่ทำมาหากิน ไม่ยอมทำนาเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัวและ หาความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัวอยู่เสมอ และได้กลั่นแกล้งโจทก์และลูก ๆ โดยการไม่ยอมให้เข้าทำนาเพื่อถึงฤดูทำนา ฯลฯ" เช่นนี้ อย่างน้อยก็ตีความได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500(2) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พฤติการณ์ทำร้ายร่างกายร้ายแรง ร่วมด้วยการวางแผนลวงร่วมประเวณีก่อนลงมือ และทิ้งผู้เสียหายในป่า ชี้ชัดถึงเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยใช้ไม้กลมโตเท่าข้อมือ ยาวราว 1 แขนตีผู้เสียหายที่บริเวณหน้าหลายครั้ง จนใบหน้าช้ำบวมเขียวตั้งแต่ขอบตาทั้งสองข้างถึงบริเวณขากรรไกรและคอ โหนกแก้มมีแผลขนาด 1.05 x 0.5 เซนติเมตร จมูกฉีก สมองกระเทือนอย่างแรง ขากรรไกรล่างหักและขาดออกจากกัน (เฉพาะกระดูและฟันล่าง) สอบไปนานประมาณ 4 ชั่วโมง แพทย์ผู้ตรวจให้ความเห็นว่า ถ้ารักษาช้าไปสักวันสองวันอาจจะตายได้ เช่นนี้ จำเลยย่อมเล็งผลได้ว่าจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่า
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจ เมื่อจดทะเบียนแล้ว ในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่าผู้เสียถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่า เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจ เมื่อจดทะเบียนแล้ว ในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่าผู้เสียถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่า เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่า: คำพูดกระทบกระแทกไม่ถึงขั้นเป็นเหตุให้ถือว่าเป็นการกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยาอย่างร้ายแรง
การที่จำเลยพูดกับเพื่อนถึงโจทก์ซึ่งเป็นภรรยาว่า "กูเบื่อแล้วของไม่ดี ของเก่าแล้ว กูไม่เอาแล้ว" โดยพูดเมื่อโจทก์และบิดามารดาไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่กินเป็นสามีภรรยากับโจทก์แล้ว ดังนี้ เป็นเพียงคำพูดกระทบกระแทก ไม่ถึงกับเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง และถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรง