พบผลลัพธ์ทั้งหมด 94 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2960/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทเดิม การตั้งปัญหาและวินิจฉัยเรื่องแย่งการครอบครองเป็นอธิษฐานขัดต่อกฎหมาย
ปัญหาว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองที่ดินแปลงพิพาทส่วนของโจทก์แล้วหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริง มิใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ดังนี้ เมื่อประเด็นในชั้นอุทธรณ์มีเพียงว่าที่ดินแปลงพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของบิดามารดาโจทก์จำเลย หรือเป็นทรัพย์ของจำเลยซึ่งได้มาโดยหักร้างถางป่า และเรื่องค่าเสียหาย เท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์ตั้งปัญหาขึ้นเองว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองที่ดินแปลงพิพาทในส่วนของโจทก์หรือไม่ และวินิจฉัยว่าจำเลยได้แย่งการครอบครอง โจทก์หมดสิทธิในที่ดินแปลงพิพาทส่วนของโจทก์เพราะมิได้ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในหนึ่งปีนั้น จึงเป็นการขัดต่อกฎหมายและเป็นคำวินิจฉัยที่มิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1629/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช่าและการวินิจฉัยนอกประเด็น รวมถึงค่าฤชาธรรมเนียม
คู่ความท้ากันขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นเดียวว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวพิพาทหรือไม่ เมื่อศาลฟังว่าจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทจากโจทก์โจทก์ก็ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานผิดสัญญาได้โดยไม่จำต้องหยิบยกประเด็นที่ว่าโจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาทหรือไม่ขึ้นวินิจฉัย ข้อวินิจฉัยของศาลดังกล่าวไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นมาตรา 167 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติให้ศาลสั่งลงไว้ในคำพิพากษาไม่ว่าคู่ความจะมีคำขอหรือไม่และมาตรา 161ก็บัญญัติให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามคำท้าที่โจทก์ไม่ติดใจเรียกให้จำเลยรับผิดตามคำขอท้ายฟ้องข้ออื่นนั้นคำว่าข้ออื่นมิได้หมายความถึงค่าฤชาธรรมเนียมด้วย ศาลจึงต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม
ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นมาตรา 167 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติให้ศาลสั่งลงไว้ในคำพิพากษาไม่ว่าคู่ความจะมีคำขอหรือไม่และมาตรา 161ก็บัญญัติให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามคำท้าที่โจทก์ไม่ติดใจเรียกให้จำเลยรับผิดตามคำขอท้ายฟ้องข้ออื่นนั้นคำว่าข้ออื่นมิได้หมายความถึงค่าฤชาธรรมเนียมด้วย ศาลจึงต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1108/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนด และจำเลยไม่โต้แย้ง ถือเป็นการสละข้อต่อสู้ การวินิจฉัยนอกประเด็นเป็นเหตุให้คำพิพากษาไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า จำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์อันเป็นเหตุจะทำให้โจทก์ถอนคืนการให้ทรัพย์ตามฟ้องหรือไม่ ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่า โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยโดยมีค่าตอบแทนหรือไม่ ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ จำเลยก็มิได้โต้แย้งคัดค้านว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้นั้นไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วนตามที่จำเลยต่อสู้ไว้ จึงต้องถือว่าข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าโจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยโดยมีค่าตอบแทนจำเลยได้สละเสียแล้ว ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นยอมให้จำเลยนำสืบและรับวินิจฉัยให้จึงเป็นการรับฟังและวินิจฉัยนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละประเด็นข้อพิพาท การวินิจฉัยนอกประเด็น และอำนาจศาลในการลดค่าเสียหาย
ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นปรากฏว่า คู่ความได้สละประเด็นตามคำฟ้องและคำให้การที่มีอยู่ คงโต้เถียงกันแต่เพียงประเด็นเดียวว่า จำเลยส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์แล้วหรือไม่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยยังมิได้ส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์ จำเลยก็ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์ ส่วนค่าเสียหายถ้าสูงเกินไปศาลมีอำนาจลดลงได้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าตามสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกราคารถยนต์ที่เช่าซื้อได้อีก จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละประเด็นข้อพิพาทและการวินิจฉัยนอกประเด็น ศาลฎีกาชี้ว่าการวินิจฉัยนอกประเด็นเป็นเหตุให้คำพิพากษาไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นปรากฏว่า คู่ความได้สละประเด็นตามคำฟ้องและคำให้การที่มีอยู่ คงโต้เถียงกันแต่เพียงประเด็นเดียวว่า จำเลยส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์แล้วหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยยังมิได้ส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์ จำเลยก็ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์ ส่วนค่าเสียหายถ้าสูงเกินไปศาลมีอำนาจลดลงได้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าตามสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกราคารถยนต์ที่เช่าซื้อได้อีก จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบไม่ถูกต้อง ศาลวินิจฉัยนอกประเด็น เสียค่าเสียหายไม่ได้
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานและกำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบ โดยมิได้กำหนดประเด็นค่าเสียหายไว้ซึ่งเป็นการกำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบขาดตกบกพร่องเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของตนโดยการคัดค้านหรือโต้แย้ง เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งทักท้วงประเด็นและหน้าที่นำสืบก็ต้องเป็นไปตามที่ศาลกำหนด
การที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นเรื่องค่าเสียหายไว้ แต่กลับพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเกี่ยวกับค่าเสียหายให้ จึงเป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นที่กำหนดไว้ไม่ชอบด้วยมาตรา 183 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และแม้ปัญหาข้อนี้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในฎีกาและมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
การที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นเรื่องค่าเสียหายไว้ แต่กลับพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเกี่ยวกับค่าเสียหายให้ จึงเป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นที่กำหนดไว้ไม่ชอบด้วยมาตรา 183 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และแม้ปัญหาข้อนี้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในฎีกาและมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1274/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอื่น และการวินิจฉัยนอกประเด็นเกี่ยวกับรูปแบบพินัยกรรม
โจทก์ฟ้องว่าพินัยกรรมของ อ. ซึ่งยกทรัพย์มรดกให้จำเลยเป็นพินัยกรรมปลอม ให้จำเลยแบ่งมรดกของ อ.ให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง ปรากฏว่าอีกคดีหนึ่งซึ่งจำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ อ. ตามพินัยกรรม และโจทก์คัดค้านว่าเป็นพินัยกรรมปลอมนั้น คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างว่า มิใช่พินัยกรรมปลอมคำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความในคดีนี้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 ดังนั้น ในคดีนี้โจทก์จะกล่าวอ้างว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมปลอมหาได้ไม่
แม้พินัยกรรมจะมิได้ลงชื่อผู้พิมพ์พินัยกรรมตามมาตรา 1671ก็ตาม หาก อ. ผู้ทำพินัยกรรมเป็นผู้จัดพิมพ์พินัยกรรมเองก็ไม่จำต้องลงชื่อระบุว่าเป็นผู้พิมพ์พินัยกรรมตามมาตราดังกล่าว ทั้งพินัยกรรมที่มิได้ลงชื่อผู้พิมพ์ก็หาทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะไม่ เพราะมาตรา 1705หาได้บัญญัติให้พินัยกรรมที่ทำไม่ถูกต้องตามมาตรา 1671เป็นโมฆะด้วยไม่
คดีมีประเด็นว่าพินัยกรรมตามที่จำเลยอ้างเป็นพินัยกรรมปลอมหรือไม่ ไม่มีข้อเท็จจริงโต้เถียงกันว่าจำเลยเป็นผู้เขียนหรือผู้พิมพ์พินัยกรรมหรือไม่แต่อย่างใดการที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อเท็จจริงซึ่งคู่ความมิได้นำสืบและมิใช่ประเด็นแห่งคดี โดยฟังว่าจำเลยเป็นผู้พิมพ์พินัยกรรม แล้วนำมาวินิจฉัยปรับเป็นข้อกฎหมายว่าจำเลยต้องห้ามมิให้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมพินัยกรรมตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1653,1705ย่อมเป็นการชี้ขาดตัดสินคดีนอกฟ้องนอกประเด็น แม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่เกิดจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ
แม้พินัยกรรมจะมิได้ลงชื่อผู้พิมพ์พินัยกรรมตามมาตรา 1671ก็ตาม หาก อ. ผู้ทำพินัยกรรมเป็นผู้จัดพิมพ์พินัยกรรมเองก็ไม่จำต้องลงชื่อระบุว่าเป็นผู้พิมพ์พินัยกรรมตามมาตราดังกล่าว ทั้งพินัยกรรมที่มิได้ลงชื่อผู้พิมพ์ก็หาทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะไม่ เพราะมาตรา 1705หาได้บัญญัติให้พินัยกรรมที่ทำไม่ถูกต้องตามมาตรา 1671เป็นโมฆะด้วยไม่
คดีมีประเด็นว่าพินัยกรรมตามที่จำเลยอ้างเป็นพินัยกรรมปลอมหรือไม่ ไม่มีข้อเท็จจริงโต้เถียงกันว่าจำเลยเป็นผู้เขียนหรือผู้พิมพ์พินัยกรรมหรือไม่แต่อย่างใดการที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อเท็จจริงซึ่งคู่ความมิได้นำสืบและมิใช่ประเด็นแห่งคดี โดยฟังว่าจำเลยเป็นผู้พิมพ์พินัยกรรม แล้วนำมาวินิจฉัยปรับเป็นข้อกฎหมายว่าจำเลยต้องห้ามมิให้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมพินัยกรรมตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1653,1705ย่อมเป็นการชี้ขาดตัดสินคดีนอกฟ้องนอกประเด็น แม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่เกิดจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบ, เอกสารประกอบคำให้การ, และหน้าที่ตามสัญญา การวินิจฉัยนอกประเด็น
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขประเด็นหน้าที่นำสืบใหม่และระบุว่าหากศาลพิจารณาเห็นว่าไม่ควรแก้ไขให้ถือตามประเด็นเดิม จำเลยก็จะถือคำร้องฉบับนี้เป็นคำร้องคัดค้านการกำหนดประเด็น เพื่อประโยชน์ในการอุทธรณ์ฎีกานั้น เป็นแต่เพียงการแสดงความประสงค์ของจำเลยไว้ล่วงหน้า ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่ง ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งของศาลตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)
เอกสารท้ายคำให้การย่อมถือเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การด้วย เมื่อเอกสาร ล.1 ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความเป็นอย่างเดียวกับสำเนาสัญญาการจำหน่ายแก๊สปิโตรเลี่ยม ท้ายคำให้การจำเลย ดังนั้น แม้โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสาร ล.1 ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะหยิบยกเอาข้อความในเอกสาร ล.1 ซึ่งเป็นประเด็นและพยานหลักฐานในสำนวนขึ้นมาเป็นข้อวินิจฉัยได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
เอกสารท้ายคำให้การย่อมถือเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การด้วย เมื่อเอกสาร ล.1 ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความเป็นอย่างเดียวกับสำเนาสัญญาการจำหน่ายแก๊สปิโตรเลี่ยม ท้ายคำให้การจำเลย ดังนั้น แม้โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสาร ล.1 ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะหยิบยกเอาข้อความในเอกสาร ล.1 ซึ่งเป็นประเด็นและพยานหลักฐานในสำนวนขึ้นมาเป็นข้อวินิจฉัยได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของกรมที่ดินจากเจ้าหน้าที่ประมาทเลินเล่อในการรับมอบอำนาจปลอม และการวินิจฉัยนอกประเด็นฟ้อง
ในคดีละเมิด โจทก์บรรยายฟ้องเพื่อแสดงว่าจำเลยที่ 2(กรมที่ดิน) ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายร่วมกับจำเลยที่ 1ต่อโจทก์ คงมีตามฟ้องข้อ 3 ข้อเดียวว่า ศ.มอบโฉนดที่ดินไว้กับจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดิน ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการจำเลยที่ 2 ที่ 3 ยอมรับหนังสือมอบอำนาจปลอมที่ว่า ศ.มอบอำนาจให้ ม.มีอำนาจขายกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ โดยมิได้สอบถาม ศ.เจ้าของที่ดินให้ทราบเหตุผลว่า เหตุใดจึงกลายเป็นมอบอำนาจให้ ม. มีอำนาจขายกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ ทั้งๆ ที่ ศ.มามอบโฉนดให้แก่จำเลยที่ 3 ด้วยตนเอง ดังนี้คดีจึงมีประเด็นเพียงว่า จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 3 หรือไม่เท่านั้น ซึ่งศาลชั้นต้นก็ได้วินิจฉัยชี้ขาดมาแล้วว่า จำเลยที่ 3 มิได้ประมาทเลินเล่อ ทั้งคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 3 ก็ได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อเป็นดังนี้จำเลยที่ 2 จึงไม่ควรรับผิดต่อโจทก์ เพราะการกระทำของจำเลยที่ 3 แต่อย่างใด ฉะนั้นการที่ศาลอุทธรณ์ได้ยกเอาเหตุแห่งการปฏิบัติหน้าที่ราชการที่กระทำไปโดยความบกพร่องของเจ้าหน้าที่หมวดคำขอ ซึ่งเป็นผู้รับโฉนดไว้จาก ศ.เพื่อทำการแบ่งแยก แต่แล้วกลับมอบให้ธ.ไป จนเป็นเหตุให้ท.กับพวกสมคบกันนำใบมอบอำนาจไปจดทะเบียนการซื้อขายและขายฝากต่อๆ ไปจนสำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ผู้นั้นควรจะได้มอบโฉนดให้แก่ ศ.รับไปด้วยตนเองหรือเรียกเอาใบรับโฉนดที่ออกให้แก่ ศ.กลับคืนมาไว้เป็นหลักฐานก็ดี และการที่ศาลอุทธรณ์ยกเอาเหตุแห่งการปฏิบัติหน้าที่ราชการของ ป.และ ว.เจ้าหน้าที่หมวดรักษาทะเบียน โดยความบกพร่องในการตรวจสอบลายเซ็นชื่อของ ศ.ในใบมอบอำนาจปลอมขึ้นอ้าง เพื่อให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ก็ดีจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่โจทก์บรรยายฟ้องมาทั้งสิ้น เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีมรดกตามพินัยกรรม: ประเด็นการครอบครองและการวินิจฉัยนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกมรดกตามพินัยกรรม จำเลยสู้ว่าจำเลยครอบครองมรดกนั้นอยู่โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 10 ปี นับแต่เจ้ามรดกตาย และเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมฉบับสุดท้ายยกที่พิพาทให้แก่จำเลยแล้ว เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมโดยตรง การที่ศาลอุทธรณ์ไปวินิจฉัยเรื่องสิทธิฟ้องร้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374 จึงเป็นเรื่องนอกประเด็น
ที่พิพาทเป็นที่ยังไม่มีโฉนด โจทก์อ้างว่าที่พิพาทรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว แต่โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาเพียงใดหรือไม่ ยังไม่ปรากฏฝ่ายจำเลยก็โต้เถียงว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทมาเป็นเวลากว่า 40ปี แล้ว จึงมีประเด็นว่าที่พิพาทรายนี้ฝ่ายโจทก์หรือฝ่ายจำเลยเป็นผู้ครอบครองหลังจากเจ้ามรดกตายแล้ว จึงมีข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังจากพยานหลักฐานต่อไป
ที่พิพาทเป็นที่ยังไม่มีโฉนด โจทก์อ้างว่าที่พิพาทรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว แต่โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาเพียงใดหรือไม่ ยังไม่ปรากฏฝ่ายจำเลยก็โต้เถียงว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทมาเป็นเวลากว่า 40ปี แล้ว จึงมีประเด็นว่าที่พิพาทรายนี้ฝ่ายโจทก์หรือฝ่ายจำเลยเป็นผู้ครอบครองหลังจากเจ้ามรดกตายแล้ว จึงมีข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังจากพยานหลักฐานต่อไป