พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2107/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัว: ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนหากเห็นว่าจำเลยไม่สามารถส่งมอบได้ตามสัญญา
ก่อนมีคำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(4) ถ้าศาลเห็นว่าแม้จะได้ความตามคำร้องก็ไม่มีผลตามคำร้อง ศาลสั่งยกคำร้องได้ โดยไม่ต้องไต่สวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองชั่วคราวห้ามขุดแร่ป้องกันความเสียหาย - ศาลใช้ดุลพินิจวางประกันเหมาะสม
การที่จำเลยได้ขุดหาแร่ในที่พิพาท และยังขุดหาอยู่ต่อมา ซึ่งหากจำเลยขุดต่อไปอาจเป็นการเสียหายแก่โจทก์นั้นนับว่ามีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวโดยการสั่งห้ามมิให้จำเลยเข้าไปขุดแร่หรือเข้าไปกระทำการใดๆ ในที่ดินพิพาทอีกจนกว่าคดีจะเสร็จได้ และที่ศาลสั่งให้โจทก์วางประกันค่าเสียหายเพียง 50,000 บาท นับเป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว จำเลยอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนี้ได้ในระหว่างพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาให้ชำระเงินบำเหน็จตาม พ.ร.บ.การประมง มีผลเป็นการลงโทษทางอาญา ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจกำหนดจำนวนเงิน
การที่ศาลพิพากษาให้ผู้กระทำความผิดจ่ายเงินบำเหน็จตามมาตรา 71 พระราชบัญญัติการประมงมีผลเท่ากับเป็นการลงโทษทางอาญาแก่ผู้กระทำความผิด ชอบที่ศาลจะใช้ดุลพินิจกำหนดโทษหรืออีกนัยหนึ่งกำหนดเงินบำเหน็จได้ตามควรแก่กรณีคำสั่งกระทรวงเกษตรซึ่งวางระเบียบการจ่ายเงินบำเหน็จเป็นคำสั่งที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติการประมงฯจึงไม่มีทางแปลไปได้ว่าเป็นบทบังคับศาลพิพากษาให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินบำเหน็จไปตามจำนวนที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1278/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยร่วมไม่อาจต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายจากนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และ 2 โดยตรง ศาลมีดุลพินิจเรื่องค่าทนาย
โจทก์จ้างเหมาให้จำเลยที่ 2 สร้างคานเรือโดยมีจำเลยที่ 1 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 2 ต่อโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ก่อสร้างให้เสร็จตามสัญญาจ้างเหมา โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ใช้ค่าเสียหายตามสัญญาค้ำประกัน และศาลเรียกจำเลยที่ 2 เข้ามาในคดีด้วยตามคำขอของจำเลยที่ 1 มีผู้อื่นขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยโดยอ้างว่าเป็นผู้รับเหมางานช่วงจากจำเลยที่ 2 อาจถูกไล่เบี้ยได้ ศาลอนุญาต ดังนี้เมื่อฝ่ายจำเลยแพ้คดี ศาลจะพิพากษาให้จำเลยร่วมพลอยต้องร่วมใช้ค่าเสียหายอันเกิดแต่นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2ด้วยหาได้ไม่ แต่จำเลยร่วมอาจต้องร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ด้วย
ค่าทนายความอันเป็นส่วนหนึ่งของค่าฤชาธรรมเนียมนั้น ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายที่แพ้คดีรับผิดชดใช้ให้แก่ฝ่ายที่ชนะหรือไม่เพียงใดย่อมเป็นเรื่องที่ศาลจะใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวง คดีที่โจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งมีพนักงานอัยการเป็นทนายให้ เมื่อชนะคดี ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายที่แพ้คดีใช้ค่าทนายให้ก็ได้
ค่าทนายความอันเป็นส่วนหนึ่งของค่าฤชาธรรมเนียมนั้น ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายที่แพ้คดีรับผิดชดใช้ให้แก่ฝ่ายที่ชนะหรือไม่เพียงใดย่อมเป็นเรื่องที่ศาลจะใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวง คดีที่โจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งมีพนักงานอัยการเป็นทนายให้ เมื่อชนะคดี ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายที่แพ้คดีใช้ค่าทนายให้ก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำร้องคัดค้านการจัดการมรดกที่ยื่นหลังนัดไต่สวน: ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจ
การที่ผู้ร้องคัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านในกรณีขอเป็นผู้จัดการมรดก ภายหลังจากศาลได้เริ่มสืบพยานผู้ร้องไปแล้วนั้น ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะเห็นสมควรรับคำร้องคัดค้านหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนผู้จัดการมรดก: ศาลใช้ดุลพินิจเมื่อยังไม่มีเหตุเลินเล่อหรือทุจริต
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1731 ให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาว่ามีเหตุที่สมควรจะถอนผู้จัดการมรดกเพียงใดหรือไม่ ถ้าศาลเห็นว่ามีเหตุสมควรก็สั่งถอนได้ หรือถ้าศาลเห็นว่ายังไม่มีเหตุสมควรศาลจะยังไม่สั่งถอนก็ได้
พฤติการณ์เท่าที่ปรากฏยังไม่สมควรจะถอนผู้จัดการมรดก
พฤติการณ์เท่าที่ปรากฏยังไม่สมควรจะถอนผู้จัดการมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตร: พิจารณาความอุปการะเลี้ยงดูเด็กเป็นสำคัญ แม้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยปกติต้องให้อยู่ในปกครองของบิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1537 แต่ถ้าศาลเห็นว่ามีกรณีส่อแสดงว่าถ้าให้อำนาจปกครองอยู่แก่บิดาจะทำให้เด็กไม่ได้รับความอุปการะตามสมควรก็ดี หรือเด็กจะได้รับความทุกข์ลำบากก็ดี หรือมีเหตุอันไม่สมควรอื่นใดก็ดี ศาลจะให้อำนาจปกครองอยู่แก่มารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) ก็ได้
เมื่อศาลสอบถามและโจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกัน ก็ฟังข้อเท็จจริงตามที่แถลงรับกันนั้นได้ ไม่จำต้องสืบพยานต่อไป
เมื่อศาลสอบถามและโจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกัน ก็ฟังข้อเท็จจริงตามที่แถลงรับกันนั้นได้ ไม่จำต้องสืบพยานต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดีและการใช้ดุลพินิจศาลเมื่อมีการถอนการยึดทรัพย์หลังแพ้คดีในชั้นอุทธรณ์
จำเลยแพ้คดีในศาลชั้นต้น โจทก์ขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลย ในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชนะ จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ถอนการยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 251 ศาลสั่งอนุญาตและให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย และค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี นั้นเป็นการที่ชอบ เพราะโจทก์เป็นผู้แพ้คดี โจทก์ต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมไปจนกว่าศาลฎีกาจะได้มีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น และเรื่องความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สภาพห้องพิสูจน์เจตนาเช่า การค้าเป็นหลัก ศาลไม่จำเป็นต้องสืบพยานเพิ่มเติม
สภาพของห้องเป็นพยานสำคัญว่า ใช้เป็นเคหะหรือไม่ศาลเผชิญสืบแล้ว จำเลยขอสืบพยานบุคคลว่า ตามสภาพเป็นการเช่าเพื่ออยู่อาศัยนั้นเป็นแต่ความเห็น ศาลมีอำนาจงดเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานแม้มีการยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจตามเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรม
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพะยาน โดยเห็นว่าไม่ได้ยื่นก่อนกำหนดวันสืบพยาน 3 วัน ฝ่ายนั้นจึงยื่นคำร้องแสดงเหตุผลต่าง ๆ ขอให้ศาลสั่งรับบัญชีพยานเพื่อสืบพยานของคนต่อไปนั้น ถือได้ว่าเป็นการ
โต้แย้งคำสั่งตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226 (2) แล้ว.
จำเลยยื่นบัญชีระบบพยานช้าไปเพียววันเดียว โดยมิได้จงใจฝ่าฝืน แต่เป็นเรื่องรู้เท่าไม่ถึงการ เพียงเท่านี้จะปรับ
ลงโทษถึงกับยอมให้จำเลยมีโอกาสสืบพยานทีเดียว เป็นการรุนแรงไป เมื่อโจทก์ไม่เสียเปรียบ ก็พอถือได้ว่ากรณีมี
เหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87(2).
แม้จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านในข้อกฎหมายเพียงว่า การยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลย ไม่ผิดต่อกฎหมายเท่านั้น
แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าการยื่นบัญชีระพยานของจำเลยยังไม่ถูกต้องตาม ก.ม.ก็ดี เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นกรณี
มีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยาน
หลักฐานของจำเลยได้ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87 (2) ไม่ถือว่าเป็นการเกินคำขอ./
โต้แย้งคำสั่งตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226 (2) แล้ว.
จำเลยยื่นบัญชีระบบพยานช้าไปเพียววันเดียว โดยมิได้จงใจฝ่าฝืน แต่เป็นเรื่องรู้เท่าไม่ถึงการ เพียงเท่านี้จะปรับ
ลงโทษถึงกับยอมให้จำเลยมีโอกาสสืบพยานทีเดียว เป็นการรุนแรงไป เมื่อโจทก์ไม่เสียเปรียบ ก็พอถือได้ว่ากรณีมี
เหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87(2).
แม้จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านในข้อกฎหมายเพียงว่า การยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลย ไม่ผิดต่อกฎหมายเท่านั้น
แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าการยื่นบัญชีระพยานของจำเลยยังไม่ถูกต้องตาม ก.ม.ก็ดี เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นกรณี
มีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยาน
หลักฐานของจำเลยได้ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87 (2) ไม่ถือว่าเป็นการเกินคำขอ./