พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการพิสูจน์สัญชาติ: ผู้เข้ามาอ้างเป็นคนไทยมีสิทธิร้องต่อศาล แม้ไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิ/หน้าที่
ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 43 นั้นผู้ใดเข้ามาในราชอาณาจักรอ้างตนว่าเป็นคนไทย ผู้นั้นย่อมร้องขอพิสูจน์สัญชาติต่อศาลได้ โดยไม่จำต้องมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของผู้นั้นแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องร้องขอคุ้มครองสิทธิในสัญชาติ: การพิสูจน์สัญชาติก่อนฟ้องคดี
โจทก์ถือหนังสือเดินทางที่พนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ฮ่องกงออกให้เป็นคนสัญชาติจีน เมื่อโจทก์เดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยเพื่อขออยู่ชั่วคราว กองตรวจคนเข้าเมืองก็อนุญาต แต่ก่อนถึงวันครบกำหนด โจทก์ก็ยื่นฟ้องกรมตำรวจกับหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองเป็นจำเลย อ้างว่าโจทก์เป็นคนไทยโดยกำเนิด ขอให้จำเลยระงับคำสั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทย ทั้งนี้ โดยโจทก์ให้เหตุผลว่ากลัวจะถูกส่งออกนอกประเทศไทย เมื่อครบกำหนดวันที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ ซึ่งแท้จริงแล้วทางจำเลยยังมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่จะอยู่ในประเทศไทยและโจทก์ไม่มีหลักฐานใด แสดงว่าก่อนยื่นฟ้องคดีนี้โจทก์ได้เคยร้องต่อจำเลยว่าโจทก์เป็นคนไทย ไม่ได้ยื่นขอพิสูจน์สัญชาติต่อศาลหรือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนี้ โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยต่อศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีต้องเกิดจากข้อพิพาทที่ชัดเจน การฟ้องก่อนดำเนินการตามกฎหมายเพื่อพิสูจน์สัญชาติจึงไม่ชอบ
โจทก์ถือหนังสือเดินทางที่พนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ฮ่องกงออกให้ ระบุว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติจีน เมื่อโจทก์เดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยเพื่อขออยู่ชั่วคราวกองตรวจคนเข้าเมืองก็อนุญาต แต่ก่อนถึงวันครบกำหนด โจทก์ก็ยื่นฟ้องกรมตำรวจกับหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองเป็นจำเลยอ้างว่าโจทก์เป็นคนไทยโดยกำเนิด ขอให้จำเลยระงับคำสั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทย ทั้งนี้ โดยโจทก์ให้เหตุผลว่ากลัวจะถูกส่งออกนอกประเทศไทยเมื่อครบกำหนดวันที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ ซึ่งแท้จริงแล้วทางจำเลยยังมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่จะอยู่ในประเทศไทยและโจทก์ไม่มีหลักฐานใดแสดงว่าก่อนยื่นฟ้องคดีนี้โจทก์ได้เคยร้องต่อจำเลยว่าโจทก์เป็นคนไทย ไม่ได้ยื่นขอพิสูจน์สัญชาติต่อศาลหรือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนี้ โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยต่อศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะสัญชาติและการเนรเทศ: คำสั่งเนรเทศชอบด้วยกฎหมายแม้ภายหลังมีการแก้ไขกฎหมายสัญชาติ
โจทก์เกิดในประเทศไทย บิดาเป็นคนต่างด้าวและโจทก์ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ต่อมาจำเลยสั่งเนรเทศโจทก์ก่อนพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499 มาตรา 7 ใช้บังคับ คำสั่งเนรเทศดังกล่าวย่อมเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
ก่อนมีพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) ให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นบุคคลมีสัญชาติไทย ซึ่งขณะฟ้องโจทก์ยังคงเป็นบุคคลขาดสัญชาติไทยอยู่ แม้ว่าต่อมาได้มีพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499 มาตรา 7 ใช้บังคับแล้วก็ดีปัญหาที่ว่า โจทก์จะได้สัญชาติไทยกลับคืนมาหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งโจทก์ฟ้องเพื่อขอแสดงว่าเป็นคนมีสัญชาติไทยเพื่อจะให้ยกเลิกคำสั่งเนรเทศเท่านั้น
ก่อนมีพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) ให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นบุคคลมีสัญชาติไทย ซึ่งขณะฟ้องโจทก์ยังคงเป็นบุคคลขาดสัญชาติไทยอยู่ แม้ว่าต่อมาได้มีพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499 มาตรา 7 ใช้บังคับแล้วก็ดีปัญหาที่ว่า โจทก์จะได้สัญชาติไทยกลับคืนมาหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งโจทก์ฟ้องเพื่อขอแสดงว่าเป็นคนมีสัญชาติไทยเพื่อจะให้ยกเลิกคำสั่งเนรเทศเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญชาติหญิงไทยสมรสกับชาวจีน: ไม่ถือเป็นคนต่างด้าวหากไม่สมัครใจถือสัญชาติจีน
ตามกฎหมายจีนว่าด้วยสัญชาติฉบับลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1929 หญิงต่างประเทศสมรสกับคนสัญชาติจีน ยังหาได้เข้าถือสัญชาติจีนทีเดียวไม่ นอกจากทำคำร้องยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอถือเอาสัญชาติจีนและได้รับอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยจีนด้วย จึงจะมีสัญชาติจีนตามสามีได้
หญิงไทยแต่งงานกับชายสัญชาติจีนยังไม่ขาดจากสัญชาติไทย เพราะยังมิได้ขอเข้าถือเอาสัญชาติจีนตามสามีแม้จะขอใบสำคัญประจำคนต่างด้าวไว้ ย่อมไม่เป็นการรับใบสำคัญตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนต่างด้าวและไม่ขาดจากสัญชาติไทยตาม มาตรา 16ทวิ พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่2) พ.ศ. 2496 เพราะกฎหมายฉบับนี้ถูกยกเลิกโดย พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499แล้ว และเป็นกรณีไม่มีการสมัครใจ จึงไม่มีความผิดฐานไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำคนต่างด้าว (อ้างฎีกาที่ 1576 - 1590 / 2498)
หญิงไทยแต่งงานกับชายสัญชาติจีนยังไม่ขาดจากสัญชาติไทย เพราะยังมิได้ขอเข้าถือเอาสัญชาติจีนตามสามีแม้จะขอใบสำคัญประจำคนต่างด้าวไว้ ย่อมไม่เป็นการรับใบสำคัญตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนต่างด้าวและไม่ขาดจากสัญชาติไทยตาม มาตรา 16ทวิ พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่2) พ.ศ. 2496 เพราะกฎหมายฉบับนี้ถูกยกเลิกโดย พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499แล้ว และเป็นกรณีไม่มีการสมัครใจ จึงไม่มีความผิดฐานไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำคนต่างด้าว (อ้างฎีกาที่ 1576 - 1590 / 2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญชาติไทยไม่สิ้นสุดจากการสมรสกับชาวจีนและการถือใบสำคัญคนต่างด้าว
ตามกฎหมายจีนว่าด้วยสัญชาติฉบับลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1929 หญิงต่างประเทศสมรสกับคนสัญชาติจีน ยังหาได้เข้าถือสัญชาติจีนทีเดียวไม่ นอกจากทำคำร้องยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอถือเอาสัญชาติจีนและได้รับอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยจีนด้วย จึงจะมีสัญชาติจีนตามสามีได้
หญิงไทยแต่งงานกับชายสัญชาติจีนยังไม่ขาดจากสัญชาติไทยเพราะยังมิได้ขอเข้าถือเอาสัญชาติจีนตามสามีแม้จะขอใบสำคัญประจำคนต่างด้าวไว้ย่อมไม่เป็นการรับใบสำคัญตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวและไม่ขาดจากสัญชาติไทยตามมาตรา 16 ทวิ พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่2) พ.ศ.2496 เพราะกฎหมายฉบับนี้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2499 แล้ว และเป็นกรณีไม่มีการสมัครใจ จึงไม่มี ความผิดฐานไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำคนต่างด้าว
(อ้างฎีกาที่ 1576ถึง1590/2498)
หญิงไทยแต่งงานกับชายสัญชาติจีนยังไม่ขาดจากสัญชาติไทยเพราะยังมิได้ขอเข้าถือเอาสัญชาติจีนตามสามีแม้จะขอใบสำคัญประจำคนต่างด้าวไว้ย่อมไม่เป็นการรับใบสำคัญตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวและไม่ขาดจากสัญชาติไทยตามมาตรา 16 ทวิ พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่2) พ.ศ.2496 เพราะกฎหมายฉบับนี้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2499 แล้ว และเป็นกรณีไม่มีการสมัครใจ จึงไม่มี ความผิดฐานไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำคนต่างด้าว
(อ้างฎีกาที่ 1576ถึง1590/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387-388/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญชาติโดยการเกิดและการแปลงชาติของบิดา ไม่กระทบสัญชาติไทยของบุตร และคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.
จำเลยที่ 2 มีมารดาเป็นไทยและเกิดในประเทศไทยย่อมมีสัญชาติเป็นไทยแม้จะมีบิดาเป็นคนต่างด้าว และถ้าหากบิดาของจำเลยที่ 2 ได้แปลงชาติเป็นไทยแล้วขณะที่จำเลยที่ 2 สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็ไม่ถือว่าจำเลยมีบิดาเป็นคนต่างด้าวขณะที่ทำการสมัคร จะขอให้เพิกถอนการเลือกตั้งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723-737/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสียสัญชาติจากการสมรสกับชาวต่างชาติและสถานะคนต่างด้าว: การพิสูจน์สัญชาติของคู่สมรสและการแจ้งสถานะ
การที่จำเลยแต่งงานกับคนต่างด้าว (จีน) อันจะทำให้จำเลยศูนย์เสียสัญชาติตาม ม.4 แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2456 นั้น โจทก์จะต้องสืบให้แน่ชัดว่า ข้อเท็จจริงที่ว่า ในขณะที่แต่งงานกฎหมายสัญชาติของคู่แต่งงานของจำเลยบัญญัติ ให้จำเลยมีสัญชาติของสามี มิฉะนั้นศาลไม่ถือว่าจำเลยศูนย์เสียสัญชาติเพราะการแต่งงาน
แม้เมื่อจำเลยแต่งงานกับคนต่างด้าวแล้วเข้าใจผิดว่าตนศูนย์เสียสัญชาติและไปรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมา ก็ไม่ทำให้จำเลยกลายเป็นคนต่างด้าว อันจะต้องต่อใบสำคัญเมื่อหมดอายุ
การที่จำเลยไปรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หากจะเป็นกรณีเข้า ม.5 แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2496 ซึ่งบัญญัติ ให้จำเลยกลายเป็นคนต่างด้าว ก็เป็นเรื่องต้องถือว่าจำเลยเพิ่งเป็นคนต่างด้าวเมื่อใช้ พ.ร.บ.สัญชาติ พงศ. 2496 ซึ่ง จำเลยจะต้องไปแจ้งความเพื่อขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจากเจ้าพนักงานใน 30 วัน จำเลยไม่ไปจัดการดังกล่าวก็ย่อมมีผิด แต่ข้อนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องมา จึงลงโทษจำเลยยังไม่ได้
แม้เมื่อจำเลยแต่งงานกับคนต่างด้าวแล้วเข้าใจผิดว่าตนศูนย์เสียสัญชาติและไปรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมา ก็ไม่ทำให้จำเลยกลายเป็นคนต่างด้าว อันจะต้องต่อใบสำคัญเมื่อหมดอายุ
การที่จำเลยไปรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หากจะเป็นกรณีเข้า ม.5 แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2496 ซึ่งบัญญัติ ให้จำเลยกลายเป็นคนต่างด้าว ก็เป็นเรื่องต้องถือว่าจำเลยเพิ่งเป็นคนต่างด้าวเมื่อใช้ พ.ร.บ.สัญชาติ พงศ. 2496 ซึ่ง จำเลยจะต้องไปแจ้งความเพื่อขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจากเจ้าพนักงานใน 30 วัน จำเลยไม่ไปจัดการดังกล่าวก็ย่อมมีผิด แต่ข้อนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องมา จึงลงโทษจำเลยยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723-737/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสูญเสียสัญชาติจากการสมรสกับชาวต่างชาติ และผลของการไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
การที่จำเลยแต่งงานกับคนต่างด้าว(จีน) อันจะทำให้จำเลยศูนย์เสียสัญชาติตาม มาตรา4 แห่ง พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2456 นั้นโจทก์จะต้องสืบให้แน่ชัดว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าในขณะที่แต่งงานกฎหมายสัญชาติของคู่แต่งงานของจำเลยบัญญัติให้จำเลยมีสัญชาติของสามี มิฉะนั้นศาลไม่ถือว่าจำเลยสูญเสียสัญชาติเพราะการแต่งงาน
แม้เมื่อจำเลยแต่งงานกับคนต่างด้าวแล้วเข้าใจผิดว่าตนสูญเสียสัญชาติและไปรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมาก็ไม่ทำให้จำเลยกลายเป็นคนต่างด้าว อันจะต้องต่อใบสำคัญเมื่อหมดอายุ
การที่จำเลยไปรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวหากจะเป็นกรณีเข้า มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2496 ซึ่งบัญญัติให้จำเลยกลายเป็นคนต่างด้าวก็เป็นเรื่องต้องถือว่าจำเลยเพิ่งเป็นคนต่างด้าวเมื่อใช้พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2496 ซึ่งจำเลยจะต้องไปแจ้งความเพื่อขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจากเจ้าพนักงานใน 30 วัน จำเลยไม่ไปจัดการดังกล่าวก็ย่อมมีผิดแต่ข้อนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องมา จึงลงโทษจำเลยยังไม่ได้
แม้เมื่อจำเลยแต่งงานกับคนต่างด้าวแล้วเข้าใจผิดว่าตนสูญเสียสัญชาติและไปรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมาก็ไม่ทำให้จำเลยกลายเป็นคนต่างด้าว อันจะต้องต่อใบสำคัญเมื่อหมดอายุ
การที่จำเลยไปรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวหากจะเป็นกรณีเข้า มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2496 ซึ่งบัญญัติให้จำเลยกลายเป็นคนต่างด้าวก็เป็นเรื่องต้องถือว่าจำเลยเพิ่งเป็นคนต่างด้าวเมื่อใช้พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2496 ซึ่งจำเลยจะต้องไปแจ้งความเพื่อขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจากเจ้าพนักงานใน 30 วัน จำเลยไม่ไปจัดการดังกล่าวก็ย่อมมีผิดแต่ข้อนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องมา จึงลงโทษจำเลยยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงตนเป็นคนต่างด้าวแล้ว ไม่สามารถขอพิสูจน์สัญชาติไทยภายหลังได้
คนเข้าเมืองซึ่งยอมแสดงตนเป็นคนต่างด้าวและทำใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวไปแล้วต่อมาภายหลังจะร้องขอให้ศาลพิสูจน์สัญชาติตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองอีกไม่ได้ เพราะไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับ พ.ร.บ. คนเข้าเมืองแต่อย่างใด ถ้าหากประสงค์จะขอให้ศาลแสดงสัญชาติก็ชอบที่จะฟ้องผู้โต้แย้งสิทธิเป็นคดีมีข้อพิพาท(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2498)