พบผลลัพธ์ทั้งหมด 312 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยเรื่องสาธารณสมบัติของแผ่นดินนอกประเด็นข้อพิพาท และการบังคับคดีตามคำพิพากษา
ปัญหาว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิสูจน์กันในทางพิจารณา และไม่ใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ศาลจะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองโดยที่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ไม่ได้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทั้งที่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคดีปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนถึงแม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1963/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องบังคับภารจำยอมต้องเป็นเจ้าของที่ดิน โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องหากที่ดินครอบครองเป็นสาธารณสมบัติ
ภารจำยอมเป็นทรัพย์สิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 4 ลักษณะ 4ฉะนั้นผู้ที่จะฟ้องบังคับภารจำยอมจำต้องเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้น โจทก์ไม่ใช้เจ้าของที่ดินที่โจทก์ครอบครองเพราะเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้เปิดทางที่โจทก์เดินมาในที่ดินของจำเลยซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดแม้โจทก์จะใช้ทางดังกล่าวโดยสงบเปิดเผยเป็นเวลา 10 ปี แล้วก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3133/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ไม่ต้องขึ้นทะเบียน: สิทธิครอบครองและการรักษาประโยชน์สาธารณะ
สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันนั้น กฎหมายไม่บังคับว่าต้องขึ้นทะเบียน เพราะจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ย่อมเป็นไปตามสภาพของที่ดินนั้นเองว่าเป็นทรัพย์สินเพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันหรือไม่ ที่พิพาทเป็นหนองน้ำสาธารณะซึ่งไม่อาจออกหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิครอบครองที่พิพาทและตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 117,122 บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอ (ปัจจุบันคืนนายอำเภอ) ที่จะต้องรักษาดูแลที่ดินลำน้ำอันเป็นสาธารณประโยชน์ไม่ให้ผู้ใดทำให้เสียหายหรือกีดกันเอาเป็นอาณาประโยชน์แต่เฉพาะตัว จำเลยที่ 3 ในฐานะนายอำเภอจึงมีอำนาจสั่งให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ปักป้ายที่สาธารณะตลอดจนปักหลักแนวเขตที่พิพาทได้ การกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2965/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการครอบครองที่ดินและสัญญาเช่า: การพิสูจน์ว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ที่ดินที่โจทก์ยกให้แก่ทางราชการซึ่งต่อมาทางราชการมีโครงการจัดสรรสำหรับราษฎรอยู่อาศัยร่วมกันเป็นคนละแปลงกับที่ดินพิพาทที่ดินพิพาทจึงไม่ใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทจัดสรรสำหรับราษฎรอาศัยร่วมกัน และเมื่อจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทกับโจทก์ จำเลยจะเถียงว่าโจทก์ไม่มีสิทธิให้เช่าที่ดินพิพาทหาได้ไม่โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในห้องแถวบนที่ดินป่าสงวน: สิทธิระหว่างเอกชนย่อมมีผลผูกพัน แม้ที่ดินเป็นสาธารณสมบัติ
แม้ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507มาตรา 14 บัญญัติห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองหรืออยู่อาศัยในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ก็เป็นบทบัญญัติที่ใช้บังคับระหว่างรัฐกับราษฎร เป็นผลให้ราษฎรที่เข้ายึดถือครอบครองหรืออยู่อาศัยไม่ได้สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งไม่อาจอ้างสิทธิใด ๆ ใช้ยันรัฐได้แต่ในระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกันเมื่อจำเลยเป็นผู้ปลูกสร้างห้องแถวพิพาทบนที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ จำเลยก็มีสิทธิยึดถือและใช้สอยห้องแถวพิพาท กับมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับห้องแถวพิพาทโดยมิชอบ รวมทั้งมีสิทธิที่จะจำหน่ายห้องแถวพิพาทในสถานะเช่นเดียวกับเจ้าของเมื่อโจทก์ได้ซื้อห้องแถวพิพาทจากจำเลย และจำเลยได้ยอม รับสิทธิของโจทก์โดยได้ทำหนังสือสัญญาเช่าห้องแถวพิพาท จากโจทก์ สัญญาเช่าจึงใช้บังคับได้มีผลผูกพันจำเลย เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าและโจทก์ได้บอกเลิก สัญญาเช่าแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย ทั้งสองออกจากห้องแถวพิพาทและเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระ จากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377-1378/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติ: ประกาศสงวนที่ดินย้อนหลังมีผลผูกพัน แม้ไม่มีพระราชกฤษฎีกา
การที่ทางราชการอำเภอจันทึกได้ประกาศสงวนหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าไว้เพื่อใช้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 30 ตุลาคม 2478 นั้นแม้ในภายหลังได้มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 ซึ่ง มาตรา 4 และ มาตรา 5 บัญญัติว่าการหวงห้ามที่ดินดังกล่าวต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกา ก็หามีผลลบล้างถึงที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประกาศดังกล่าวอยู่ก่อนแล้วไม่ ประกาศของอำเภอจันทึกลงวันที่ 30 ตุลาคม 2478 มีข้อความตอนท้ายของประกาศยกเว้นมิให้ที่ดินที่เป็นสิทธิของราษฎรอยู่ก่อนแล้วกลายสภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประกาศ ดังกล่าว ผู้โอนขายที่พิพาทแก่โจทก์ ที่ 1 ได้ที่พิพาทมาโดยการจับจอง เมื่อ พ.ศ. 2493 ส่วน โจทก์ ที่ 2 ได้ที่พิพาทมาโดยการจับจองเมื่อ พ.ศ. 2497 ที่พิพาททั้งสองแปลงมิได้เป็นสิทธิของราษฎรซึ่ง มีมาตั้งแต่ก่อนทางราชการได้ประกาศสงวนที่ดินใน พ.ศ. 2478 จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305 โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิในที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างอาคารชั่วคราวบนที่สาธารณะ แม้รื้อถอนได้ง่าย ก็ยังถือเป็นการก่อสร้างตามกฎหมายควบคุมอาคาร
ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 4 คำว่า อาคารหมายความถึง ตึก บ้าน เรือน โรง ร้าน แพ คลังสินค้า สำนักงาน และ สิ่ง ที่ก่อสร้างขึ้นอย่างอื่น ซึ่งบุคคลอาจเข้าอยู่ หรือเข้าใช้สอยได้ ดังนั้น เพิงที่จำเลยปลูกขึ้นอยู่อาศัยและ ทำการค้าขายด้วยนั้น แม้จะใช้วัสดุค้ำหลังคาไว้อันมีลักษณะ เป็นการชั่วคราวสามารถรื้อถอนได้โดยง่ายก็ตามก็มีสภาพเป็นอาคารตาม ความหมายที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ส่วนคำ ว่าก่อสร้างนั้น หมายถึง สร้างอาคารขึ้นใหม่ทั้งหมด เมื่อพระราชบัญญัติดังกล่าวให้คำนิยามไว้ โดยเฉพาะแล้ว ย่อมจะนำเอาความหมายตามพจนานุกรมมาใช้แก่คดีนี้ ไม่ได้การที่จำเลยสร้างอาคารขึ้นใหม่ทั้งหมดจึงเป็นการก่อสร้างอาคาร แม้จะเป็นการชั่วคราวก็ไม่อาจกระทำได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานนอกประเด็นข้อพิพาท ศาลมีสิทธิไม่อนุญาตได้ แม้จะเป็นประเด็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ศาลไม่ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบในประเด็นดังกล่าวเพราะจะเป็นการนำสืบนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3808/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินให้เป็นถนนสาธารณะโดยปริยาย ทำให้ที่ดินตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้ต่อมาจะมีการโอนสิทธิ
บ.อุทิศที่ดินพิพาทให้เป็นถนนสาธารณะเพื่อให้ประชาชนใช้ร่วมกันโดยปริยาย ที่ดินพิพาทจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันแม้ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแลถนนสาธารณสมบัติของแผ่นดินยังไม่ได้ทำถนนในที่ดินพิพาท และบ.ได้ไปขอออก น.ส.3 ที่ดินพิพาทในนามของตนอีก ก็ไม่ทำให้ที่ดินพิพาทกลับเป็นของ บ.การที่ บ. โอนที่ดินพิพาทให้ป.และ ป.โอนให้โจทก์หาทำให้ ป. และโจทก์ ผู้รับโอนมีสิทธิดีกว่าบ. ผู้โอนไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเหนือที่ดินสาธารณสมบัติ: การรบกวนสิทธิและอำนาจฟ้องคดี
ที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน มิใช่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ข้อหาบุกรุก
ในส่วนทางแพ่งนั้น แม้ที่พิพาทจะเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนที่จำเลยกับพวกจะนำเอาเสาปูนซีเมนต์เข้าไปปักและอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ในระหว่างโจทก์จำเลย สิทธิของโจทก์ซึ่งมีอยู่เหนือที่พิพาทย่อมดีกว่าจำเลยการที่จำเลยที่ 1 กับพวกนำเอาเสาปูนซีเมนต์ไปปักในที่พิพาทดังกล่าวแล้วข้างต้น จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้เพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 ได้
คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การนำสืบข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องย่อมกระทำได้ ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเกิดจากการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบศาลมีอำนาจยกข้อเท็จจริงนี้ขึ้นวินิจฉัยในคดีส่วนแพ่งได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น
ในส่วนทางแพ่งนั้น แม้ที่พิพาทจะเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนที่จำเลยกับพวกจะนำเอาเสาปูนซีเมนต์เข้าไปปักและอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ในระหว่างโจทก์จำเลย สิทธิของโจทก์ซึ่งมีอยู่เหนือที่พิพาทย่อมดีกว่าจำเลยการที่จำเลยที่ 1 กับพวกนำเอาเสาปูนซีเมนต์ไปปักในที่พิพาทดังกล่าวแล้วข้างต้น จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้เพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 ได้
คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การนำสืบข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องย่อมกระทำได้ ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเกิดจากการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบศาลมีอำนาจยกข้อเท็จจริงนี้ขึ้นวินิจฉัยในคดีส่วนแพ่งได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น