คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ส่วนได้เสีย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 231 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนผู้จัดการมรดกเมื่อไม่มีทรัพย์สินเหลือและผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสีย
การที่ผู้คัดค้านร้องขอให้ถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกโดยอ้างว่าเจ้ามรดกจำหน่ายทรัพย์สินจนหมดสิ้นก่อนตายไม่มีทรัพย์มรดกเหลืออีกและผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดกนั้นถือว่าคดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1727วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1705/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: ผู้มีส่วนได้เสียเฉพาะทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดีเท่านั้นที่ต้องได้รับแจ้งการขายทอดตลาด
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่2มิได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยคนอื่นๆด้วยจำเลยคนอื่นจึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องแจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยเหล่านั้นทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา306จำเลยที่2ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยอาศัยเหตุดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4830/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเอาประกันภัยของบุคคลที่มีส่วนได้เสียในทรัพย์สิน และข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย
ผู้มีสิทธิเอาประกันภัยนั้นมิได้จำกัดเพียงเฉพาะผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่เอาประกันภัยเท่านั้น ผู้ที่มีความสัมพันธ์อยู่กับทรัพย์หรือสิทธิหรือผลประโยชน์หรือรายได้ใด ๆ ซึ่งถ้ามีวินาศภัยเกิดขึ้นจะทำให้ผู้นั้นต้องเสียหายและความเสียหายที่ผู้นั้นจะได้รับสามารถประมาณเป็นเงินได้แล้ว ผู้นั้นย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่อาจเอาประกันภัยได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 863 โจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการที่จะนำสินค้าไปมอบให้แก่ผู้ซื้อ โจทก์จึงมีสิทธิเอาประกันภัยสินค้าไว้กับจำเลย โดยมิต้องคำนึงถึงว่า กรรมสิทธิ์ในสินค้าดังกล่าวจะโอนไปยังผู้ซื้อแล้วหรือไม่
จำเลยให้การรับว่า โจทก์เอาประกันภัยสินค้าตามกรมธรรม์ประกันภัยจริง แต่ปฏิเสธไม่ยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยให้การต่อสู้เกี่ยวกับข้ออ้างของโจทก์ข้อนี้แต่เพียงว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยเพราะสินค้าที่โจทก์อ้างว่าเสียหายนั้น ไม่ใช่สินค้าที่โจทก์เอาประกันภัยไว้กับจำเลย โดยมิได้กล่าวว่าสินค้าที่โจทก์อ้างว่าเสียหายนั้นไม่ใช่สินค้าที่โจทก์เอาประกันภัยไว้กับจำเลยอย่างไรเพราะเหตุใด จึงเป็นคำให้การที่ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างดังกล่าวของโจทก์รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา177 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะนำสืบตามคำให้การในส่วนนี้
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 879 วรรคแรก ความทุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงตามความในบทบัญญัติดังกล่าวจะต้องเป็นของผู้เอาประกันภัยเองหรือเป็นของผู้รับประโยชน์จึงจะทำให้ผู้รับประกันภัยพ้นความรับผิดถ้าเป็นความทุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของบุคคลอื่น ๆ แม้จะเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์เช่นลูกจ้าง แต่ไม่ได้ความว่าเกิดจากการกระทำหรือการได้ใช้จ้างวานหรือสนับสนุนของโจทก์ ก็ไม่ทำให้ผู้รับประกันภัยพ้นความรับผิด เหตุที่สินค้าเสียหายเกิดขึ้นขณะที่ลูกจ้างของโจทก์ทำหน้าที่ควบคุมเรือ ซึ่งเกิดระเบิดขึ้นที่ห้องเครื่องยนต์ โดยไม่ได้ความว่าสการระเบิดและการที่เรือจมเกิดจากการกระทำของโจทก์ หรือการได้จ้างวานหรือการสนับสนุนของโจทก์ จำเลยผู้รับประกันภัยจึงไม่พ้นความรับผิด เหตุที่สินค้าเสียหายเกิดขึ้นขณะที่ลูกจ้างของโจทก์ทำหน้าที่ควบคุมเรือซึ่งเกิดระเบิดขึ้นที่ห้องเครื่องยนต์ โดยไม่ได้ความว่าการระเบิดและการที่เรือจมเกิดจากการกระทำของโจทก์หรือการได้จ้างวานหรือการสนับสนุนของโจทก์ จำเลยผู้รับประกันภัยจึงไม่พ้นความรับผิด
ตามกรมธรรม์ประกันภัย จำกัดความรับผิดของผู้รับประกันภัยว่า... ต้องไม่ถือว่าการประกันภัยนี้ขยายไปคุ้มครองการสูญเสีย การเสียหายหรือค่าใช้จ่ายอันมีต้นเหตุอย่างใกล้ชิดกับความล่าช้านั้น ข้อความดังกล่าวมีความหมายถึงความล่าช้าที่เป็นเหตุโดยตรงให้สินค้าที่เอาประกันภัยไว้เสียหายเท่านั้น แต่เหตุที่สินค้าเสียหายครั้งนี้เนื่องจากการระเบิดในห้องเครื่องยนต์ของเรือ หาใช่เกิดจากความล่าช้าในการขนส่งไม่ จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 300/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในคดีบังคับคดีและการเพิกถอนการขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ของห้างจำเลยที่ 2 โดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้างจำเลยที่ 2 และได้เข้าร่วมประมูลซื้อทรัพย์รายนี้ แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการขายทอดตลาดดังนี้เท่ากับผู้ร้องอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง แต่ในคำร้องและฎีกาของผู้ร้องมิได้ยืนยันว่าผู้ร้องจะเป็นผู้เข้ามาสู้ราคาต่อไปอีกแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุที่จะต้องเพิกถอนการขายทอดตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2803/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเข้าเป็นจำเลยร่วมของผู้มีส่วนได้เสียในคดีขับไล่ เมื่อมีการโต้แย้งสิทธิโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นภรรยาของ ท. ซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินของโจทก์เพื่อปลูกบ้านพักและทำสวน ระหว่างสัญญาเช่า ท. ถึงแก่กรรมโจทก์อนุญาตให้จำเลยพร้อมบริวารอาศัยอยู่ต่อไปจนครบสัญญาเช่าจึงบอกกล่าวให้จำเลยและบริวารขนย้ายครอบครัวพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท แต่จำเลยเพิกเฉยจึงขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไป จำเลยให้การว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรเขยของจำเลยได้ตกลงเช่าที่ดินดังกล่าวกับโจทก์ต่อจากสามีจำเลยเพื่อใช้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม จำเลยไม่ได้เช่าที่ดินจากโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง ต่อมา ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยร่วมอ้างว่า ผู้ร้องเช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์ต่อจากสามีจำเลย จำเลยเป็นบริวารของผู้ร้อง ดังนี้ คำฟ้องโจทก์และคำให้การจำเลยมีข้อโต้เถียงเป็นประเด็นพิพาทถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งมีข้อต่อสู้ว่าโจทก์จะขับไล่ผู้ร้องด้วย ถือได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี มีสิทธิร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชี้แจงข่าวเพื่อปกป้องตนเองจากข้อกล่าวหา ไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329
เมื่อมีข่าวหนังสือพิมพ์พาดพิงถึงโจทก์จำเลย จำเลยจึงชี้แจงข่าวดังกล่าวเป็นการกระทำเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามทำนองคลองธรรม ไม่เป็นหมิ่นประมาท หนังสือพิมพ์ลงข่าวการให้สัมภาษณ์ของ ส. ว่ามีการทุจริตทำให้ทางราชการเสียหาย ส.จึงได้นำเรื่องไปแจ้งให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทราบ เป็นเหตุให้ ส. กับโจทก์และพวกถูกตั้งกรรมการสอบสวนฐานนำความลับของทางราชการไปเปิดเผย และได้กล่าวพาดพิงถึงจำเลยด้วย จำเลยจึงให้สัมภาษณ์ต่อนักข่าวหนังสือพิมพ์ว่ามีข้าราชการเสนอให้ปลดโจทก์เพราะมีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงถือว่าเป็นการพูดชี้แจงข่าวให้เหตุผลที่จำเลยไม่สามารถปกป้องโจทก์ได้โดยสุจริตใจ เพื่อป้องกันตนและส่วนได้เสียของตนที่ถูก ส.พูดพาดพิงถึง เป็นวิสัยของปกติชนย่อมกระทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329(1)(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4784/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมดสิทธิบังคับคดี – ไม่มีส่วนได้เสีย – ตั้งผู้ชำระบัญชี
แม้โจทก์จะเป็นหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว โจทก์เพียงแต่ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีไว้แต่หาได้แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยที่ 1 ไม่กลับปล่อยเวลาล่วงเลย 10 ปี จึงได้ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยทื่ 1โดยอ้างว่าบริษัทจำเลยที่ 1 ถูกนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครขีดชื่อบริษัทออกเสียจากทะเบียน ดังนี้ ขณะที่โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1นั้น โจทก์หมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 แล้ว เพราะล่วงพ้นกำหนดเวลาที่โจทก์จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 โจทก์จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในขณะยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัท จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิร้องขอตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1251 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4526/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องสอดเพื่อคุ้มครองสิทธิจากครอบครองปรปักษ์ต้องมีส่วนได้เสียในประเด็นที่ฟ้อง และมีคำขอบังคับ
คำร้องสอดอ้างว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทบางส่วนโดยการครอบครองปรปักษ์ จึงร้องขอเข้ามาเพื่อให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิ์ของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) จึงเป็นคำฟ้องผู้ร้องสอดจึงต้องเสียค่าขึ้นศาล โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท แต่คำร้องสอดไม่ได้กล่าวอ้างถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทเลยว่า ผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียอย่างไรบ้างทั้งไม่มีคำขอบังคับมาด้วย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะให้ผู้ร้องสอดเข้ามาในคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4235/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นจำเลยร่วมต้องมีส่วนได้เสียในคดีนี้ ศาลฎีกาพิพากษายืนคำสั่งไม่ให้ผู้ร้องเข้าเป็นจำเลยร่วม
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตเข้าเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยที่ 2 เป็นการยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2) ซึ่งต้องปรากฏว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีจึงจะมีสิทธิเข้าเป็นจำเลยร่วมได้ คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามสัญญากู้ยืมเงิน ให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันอันเป็นการให้รับผิดตามบุคคลสิทธิปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ส่วนจำเลยที่ 2ให้การเกี่ยวกับผู้ร้องแต่เพียงว่า แต่เดิมจำเลยที่ 1 ติดต่อขอกู้เงินผู้ร้อง แต่ผู้ร้องไม่ให้กู้จำเลยที่ 1 จึงหลอกลวงผู้ร้องว่าจะกู้เงินโจทก์ ขอให้ผู้ร้องติดต่อจำเลยที่ 2 ให้ออกหนังสือค้ำประกันต่อโจทก์ โดยนำเงินฝากประจำของผู้ร้องเป็นหลักประกันแทน ไม่มีข้อความใดในคำฟ้องหรือคำให้การของจำเลยที่ 2ที่พาดพิงว่าผู้ร้องจะต้องรับผิดร่วมกับบุคคลใดต่อบุคคลใด หรือแทนบุคคลใดทั้งในปัจจุบันและอนาคต หากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 2ร่วมกับหรือแทนจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ คำพิพากษาก็หามีผลผูกพันไปถึงผู้ร้องหรือว่าผู้ร้องจะต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2โดยถูกยึดเงินฝากประจำที่นำมาเป็นหลักประกันแต่อย่างใดไม่จำเลยที่ 2 จะมีสิทธิยึดเงินฝากประจำของผู้ร้องหรือไม่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 จะต้องว่ากล่าวเอาแก่ผู้ร้องต่อไปเป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งผลแห่งคำพิพากษาหรือข้อเท็จจริงที่ศาลฟังในคดีนี้ย่อมจะไม่ผูกพันผู้ร้อง ฉะนั้น ผู้ร้องย่อมจะมีสิทธิต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ในคดีนั้น ไม่มีเหตุผลหรือความเป็นธรรมอย่างไรที่ผู้ร้องจะต้องเข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีนี้ ผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีนี้ จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ที่จะเข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3448/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดก: ผู้คัดค้านไม่มีส่วนได้เสียในฐานะเจ้าของที่ดินที่อ้างสิทธิ จึงไม่มีสิทธิคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดก
คดีร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ประเด็นแห่งคดีมีเพียงว่าสมควรจะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้องขอหรือไม่เท่านั้นส่วนประเด็นที่ว่าที่ดินเป็นทรัพย์มรดกหรือไม่ เมื่อผู้คัดค้านอ้างว่าเป็นของตนก็ชอบที่จะไปดำเนินการขออายัดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และดำเนินการทางทะเบียนให้เรียบร้อยต่อไป ผู้คัดค้านมิได้มีส่วนได้เสียจึงไม่มีสิทธิคัดค้านในการที่ศาลจะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก
of 24