พบผลลัพธ์ทั้งหมด 157 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีล้มละลาย แม้การทวงถามหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากมีหลักฐานลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
พระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8(9) เป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หาใช่บทบังคับให้โจทก์ต้องบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ก่อนฟ้องไม่ เมื่อโจทก์นำสืบได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามที่โจทก์ฟ้อง แม้การทวงถามจะไม่ชอบด้วยมาตรา 8(9) โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องคดีล้มละลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีล้มละลาย แม้การทวงถามหนี้ไม่ชอบตามกฎหมาย หากพิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
พระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8(9) เป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หาใช่บทบังคับให้โจทก์ต้องบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ก่อนฟ้องไม่เมื่อโจทก์นำสืบได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามที่โจทก์ฟ้อง แม้การทวงถามจะไม่ชอบด้วยมาตรา 8(9) โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องคดีล้มละลาย ข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาบุคคลล้มละลาย: ทรัพย์สินเพียงพอชำระหนี้ ไม่ถือเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว
จำเลยมีทรัพย์สินเป็นห้องชุดจำนวน 135 ห้อง มีราคาประมาณ200,000,000 บาท ถึง 300,000,000 บาท จำเลยเป็นหนี้โจทก์เพียง 1,400,000 บาทเศษ และเป็นหนี้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประมาณ 110,000,000 บาท นอกจากนี้จำเลยได้นำเงินสดจำนวน1,834,000 บาท มาแสดงต่อหน้าศาล แสดงว่าจำเลยมีทรัพย์สินเพียงพอที่จะชำระหนี้ให้โจทก์ได้ ย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 849/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหนังสือทวงหนี้ที่จ่าหน้าซองผิดเขต แต่ผู้รับอยู่ในภูมิลำเนา และการสันนิษฐานว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
แม้หนังสือทวงถามที่ส่งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยจะจ่าหน้าซองจดหมายผิดจากเขตดุสิตเป็นเขตพญาไท แต่มีคนในบ้านดังกล่าวรับไว้แทนจำเลยทั้งสองครั้ง เชื่อว่าหนังสือทวงถามได้ถูกส่งไปยังภูมิลำเนาที่อยู่ของจำเลยและจำเลยได้รับหนังสือทวงถามแล้วเมื่อจำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่า2 ครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน และจำเลยไม่ชำระหนี้ ย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 8(9) การที่จำเลยไม่สืบพยานหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าจำเลยอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมดจำเลยจึงเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6442/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและการล้มละลายเมื่อมีหนี้สินล้นพ้นตัว
การที่จำเลยขายหุ้นหรือทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดินให้บุคคลทั่วไป โดยตกลงทยอยซื้อคืนเป็นงวดรายเดือนและให้กำไรเป็นเงินสองเท่า เป็นการซื้อหรือทำสัญญาที่มุ่งจะขายคืนเพื่อต้องการกำไรเป็นสองเท่าโดยไม่ต้องร่วมในการขาดทุน หาใช่เป็นการซื้อหุ้นเพื่อร่วมลงทุนในกิจการด้วยประสงค์จะแบ่งกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำในรูปของเงินปันผล ซึ่งจะต้องร่วมในการขาดทุนด้วย ดังบริษัททั่วไป หรือทำสัญญาเพื่อมุ่งจะได้บ้านและที่ดินจากจำเลยไม่ ดังนั้นการขายหุ้นและทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดินของจำเลยก็คือการรับเงินโดยผู้กู้ยืมจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนหรือตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ให้กู้ยืมอันเป็นการกู้ยืมเงินตามความหมายใน พ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ. 2527 และเป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน พนักงานอัยการโจทก์ดำเนินคดีเองโดยมิได้แต่งตั้งทนายความศาลย่อมไม่กำหนดค่าทนายความให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5609/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโดยชอบด้วยกฎหมาย การมีหนี้สินล้นพ้นตัว และการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
ฟ้องโจทก์บรรยายว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยแสดงแบบยื่นรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง และยื่นแบบแสดงรายการการค้าไว้ต่ำกว่ายอดรายรับขั้นต่ำซึ่งเจ้าพนักงานประเมินภาษีการค้าได้กำหนดไว้ เจ้าพนักงานประเมินจึงได้หมายเรียกจำเลยให้นำบัญชีพร้อมเอกสารประกอบการลงบัญชีปี 2515 ถึง 2523มา ตรวจสอบภาษี จำเลยไม่มาพบและไม่นำบัญชีมาให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบ เจ้าพนักงานประเมินอาศัยอำนาจตามมาตรา 87,87 ทวิแห่ง ป. รัษฎากร ทำการประเมินเรียกเก็บภาษีใหม่พร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5,469,805.71 บาทจำเลยไม่มีทรัพย์ใดที่จะยึดมาชำระหนี้ได้ โจทก์ได้ทวงถามจำเลยให้ชำระแล้วสองครั้งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน จำเลยไม่ชำระจำเลยจึงมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ส่วนรายละเอียดต่าง ๆตามฎีกาของจำเลยนั้น โจทก์อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม โจทก์มีทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารมายืนยันว่าจำเลยได้รับหมายเรียกจากเจ้าพนักงานประเมินของโจทก์และโจทก์ได้แจ้งกำหนดรายรับขั้นต่ำให้จำเลยทราบแล้ว พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อ ส่วนจำเลยมิได้นำสืบหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่นข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า เจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินภาษีจำเลยโดยชอบด้วย ป.รัษฎากร มาตรา 19,21 และจำเลยเป็นหนี้ค่าภาษีโจทก์ตามการประเมินดังกล่าว การประเมินภาษีการค้าและภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีประจำปี 2519 เจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งจำนวนเงินภาษีที่ประเมินไปยังจำเลยแล้ว อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ.มาตรา 173 นับแต่วันที่แจ้งดังกล่าวจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปีสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในหนี้ค่าภาษีอากรปี 2519 จึงไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายจากหนี้สินล้นพ้นตัว การส่งคำบอกกล่าวโดยชอบ และการพิสูจน์ทรัพย์สิน
หนี้เงินกู้ตามสัญญาที่จำเลยที่ 1 ทำไว้ต่อโจทก์กำหนดระยะเวลาชำระคืนและมีข้อสัญญาว่าทั้งนี้ไม่เป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะเรียกร้องให้ชำระหนี้ทั้งหมดคืนก่อนกำหนด การที่ทนายโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยที่ 1 บอกเลิกสัญญากู้และทวงถามให้ชำระหนี้ รวม 2 ครั้งโดยส่งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 และมีผู้รับไว้แทนจึงเป็นการส่งโดยชอบ สัญญากู้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นอันเลิกกันหนี้ของโจทก์จึงถึงกำหนดชำระแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์จึงตก เป็นผู้ผิดนัด การที่จำเลยทั้งสองมีหนี้ที่ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ รวมจำนวนถึง 637,431.30 บาท จำเลยที่ 1 เบิกความว่ามีอาชีพทำตะเกียบ ส่งประเทศไต้หวันตลอดจนมีทรัพย์สินหลายรายการและกำไรที่จะได้รับจากอาชีพที่ทำอยู่เกินกว่าที่เป็นหนี้โจทก์ จำเลยที่ 2เบิกความว่ามีแผงลอย 2 แผงสำหรับขายของที่ตลาดถ้า โอนไปจะได้เงินประมาณ 150,000 บาท แต่เป็นเพียงคำกล่าวอ้างของจำเลยลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนให้เชื่อ ว่าเป็นความจริง คดีฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4118/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความในคดีล้มละลาย แม้จำเลยอ้างหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ข้อสันนิษฐานหนี้สินล้นพ้นตัวมีผล
เมื่อมีคำพิพากษาให้จำเลยร่วมรับผิดชำระหนี้ 1,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย คดีถึงที่สุด คำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายจำเลยจะโต้เถียงว่าไม่ได้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาหรือเป็นหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ ต้องถือว่าเป็นหนี้ที่แท้จริงและถูกต้อง เมื่อไม่สามารถบังคับคดีเนื่องจากสืบหาทรัพย์สินของจำเลยไม่พบ และโจทก์ได้มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ไม่น้อยกว่าสองครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า30 วัน จำเลยไม่ชำระจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อจำเลยไม่นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่น้อยกว่า 50,000 บาทเป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอนและจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ทั้งไม่มีเหตุอื่นที่ไม่สมควรให้จำเลยล้มละลาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3219/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจากหนี้สินล้นพ้นตัว โดยมีหนี้ถึงที่สุดและข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย
โจทก์มีหนังสือทวงถามจำเลยที่ 2 ซึ่งต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันจำนวนเงินไม่น้อยกว่าห้าหมื่นบาท จำนวนสองครั้งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน จำเลยได้รับหนังสือทวงถามแล้วไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่า เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 8(9) และเมื่อฟังประกอบหลักฐานอื่นว่า จำเลยที่ 2 ยังเป็นหนี้โจทก์ในคดีอื่นซึ่งถึงที่สุดโดยจำเลยที่ 2 มิได้โต้แย้งถึงความอยู่และแท้จริงของหนี้ดังกล่าว จึงนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาฟังประกอบดุลพินิจเพื่อมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 เด็ดขาดได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2536/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ล้มละลาย: การพิสูจน์ความสามารถในการชำระหนี้และการสันนิษฐานว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว
จำเลยเป็นหนี้โจทก์เกินกว่าห้าหมื่นบาทตามคำพิพากษาตามยอมในคดีแพ่ง ต่อมาจำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้สองครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน จำเลยไม่ชำระหนี้ ต้องด้วยหลักเกณฑ์ข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวเมื่อจำเลยนำสืบไม่ได้ว่า จำเลยมีรายได้ตามที่อ้างและเป็นเจ้าหนี้บุคคลอื่นอยู่หลายราย ซึ่งจำเลยอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมด และรูปคดีไม่มีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลาย ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 จึงต้องพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด.