พบผลลัพธ์ทั้งหมด 297 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์วางแผนหลบหนีบ่งชี้เจตนา
จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า แล้วขึ้นซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ที่มีผู้ขับรออยู่ขับหลบหนีไป แสดงให้เห็นว่า มีการวางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จำเลยจึงมี ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙(๔)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การวางแผนหลบหนีหลังก่อเหตุเป็นหลักฐานสำคัญ
จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า แล้วขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีผู้ขับรออยู่ขับหลบหนีไป เป็นการวางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์วางแผนหลบหนีหลังก่อเหตุเป็นหลักฐานสำคัญ
จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า แล้วขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีผู้ขับรออยู่ขับหลบหนีไป แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาจากการขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และประเด็นการหลบหนีไม่ช่วยเหลือ
จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บ จำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมายังที่เกิดเหตุทราบว่าจำเลยเป็นคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุ และมีผู้อื่นนำส่งผู้บาดเจ็บไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว แม้ต่อมาจำเลยหลบหนีไปก็จะถือว่าจำเลยไม่ได้ให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ตายและผู้บาดเจ็บกับไม่ได้แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันทีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบของผู้ขับรถประมาท การหลบหนี และการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บ จำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมายังที่เกิดเหตุทราบว่าจำเลยเป็นคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุ และมีผู้อื่นนำส่งผู้บาดเจ็บไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว แม้ต่อมาจำเลยหลบหนีไป รูปคดีก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยไม่ได้ให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ตายและผู้บาดเจ็บ ทั้งไม่ได้แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4025/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวต่อเนื่อง: การทำร้ายร่างกายและการหลบหนีจากเหตุโต้เถียง
โจทก์ร่วมและจำเลยโต้เถียงกัน จำเลยชกโจทก์ร่วมแล้วหนีไปขึ้นรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ห่างประมาณ 3 เมตร เพื่อขับหนี โจทก์ร่วมตามไปเกาะประตูรถ จำเลยจึงทำร้ายโจทก์ร่วมอีกแม้วิธีการทำร้ายจะแตกต่างกัน แต่ก็เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องด้วยเจตนาเดียวกันจากสาเหตุเดิมที่โต้เถียงกันข้างต้น จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5626/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อาวุธปืนยิงผู้ต้องสงสัยหลบหนี ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการฆ่าโดยเจตนา ไม่เป็นการป้องกันตัว
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจร่วมกับพวกอีกสองคน แต่งกายนอกเครื่องแบบไปตรวจค้นตัวผู้ตายและสิ่งของในเพิงที่พักพบกัญชาหนักประมาณ 200 กรัม จึงจับกุมผู้ตายใส่กุญแจมือไว้ทั้งสองข้าง และแจ้งข้อหา ผู้ตายจะสวมใส่เสื้อ จำเลยถอดกุญแจมือให้ผู้ตายข้างหนึ่ง ผู้ตายฉวยโอกาสนั้นกระโดดออกจากเพิงวิ่งหนีไปจำเลยวิ่งตามและใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทางด้านหลัง กระสุนปืนถูกผู้ตายที่แก้มก้นด้านซ้าย ตัดลำไส้ใหญ่ ตัดเส้นโลหิตแดงที่ไปเลี้ยงขาซ้ายขาด ทำให้โลหิตตกในเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเช่นนี้ แสดงว่า จำเลยยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าผู้ตายในลักษณะที่ผู้ตายวิ่งหนีมือเปล่า และไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3894/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร: การกระทำที่เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลบหนีถือเป็นการพรากจากผู้ดูแลหรือไม่
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 284 และ 318 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม มาตรา 318 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าเป็นความผิด 2 กระทง และแก้บทกฎหมายทั้ง 2 มาตราดังกล่าว โดยระบุวรรคเสียให้ชัดเจน แต่คงให้ลงโทษจำคุกจำเลยรวมแล้วมีกำหนด 4 ปี ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเล็กน้อย โดยยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีคดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก
การที่ผู้เสียหายกระโดดลงจากเรือนหนีไปเกิดเพราะจำเลยเป็นต้นเหตุให้หนี ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของผู้เสียหายเองและยังหลบหนีไปไม่ไกลจะถือว่าขณะนั้นผู้เสียหายไม่ได้อยู่ในความปกครองของโจทก์ร่วมไม่ได้ และการที่ต่อจากนั้น จำเลยเข้าไปจับผมผู้เสียหายดึงไปทั้งขู่ไม่ให้ร้อง และพาผู้เสียหายไปที่ทุ่งนาห่างบ้านเกิดเหตุประมาณ 1 เส้น เพื่อกระทำอนาจารและพยายามข่มขืนผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดา หรือผู้ดูแลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม
การที่ผู้เสียหายกระโดดลงจากเรือนหนีไปเกิดเพราะจำเลยเป็นต้นเหตุให้หนี ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของผู้เสียหายเองและยังหลบหนีไปไม่ไกลจะถือว่าขณะนั้นผู้เสียหายไม่ได้อยู่ในความปกครองของโจทก์ร่วมไม่ได้ และการที่ต่อจากนั้น จำเลยเข้าไปจับผมผู้เสียหายดึงไปทั้งขู่ไม่ให้ร้อง และพาผู้เสียหายไปที่ทุ่งนาห่างบ้านเกิดเหตุประมาณ 1 เส้น เพื่อกระทำอนาจารและพยายามข่มขืนผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดา หรือผู้ดูแลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2179/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถบรรทุก, หลบหนีไม่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ, ไม่รอการลงโทษ, พฤติการณ์ร้ายแรง
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกขนาดหนักด้วย ความประมาทแซง ขึ้นหน้ารถยนต์บรรทุกที่จอดอยู่ข้างหน้าล้ำ เข้าไปในเขตช่องทาง เดินรถด้าน ตรงข้าม ทั้งที่มีรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ กำลังแล่นสวนทางมา เป็น เหตุให้เกิดภัยพิบัติแก่ชีวิต ผู้โดยสารและทรัพย์สิน นอกจาก จะถือ เป็นพฤติการณ์แห่งการกระทำที่ร้ายแรงแล้ว การที่จำเลย กลับขับรถหลบ หนีไปโดย ไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บและ ไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ยังแสดงออก ซึ่ง การกระทำที่ไร้ มนุษยธรรม ด้วย ส่วนที่จำเลยได้ รีบติดต่อ นายจ้างให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นที่พอใจแก่ผู้เสียหายทุกคน ก็เป็นเพียงความประสงค์เพื่อยุติข้อพิพาททางแพ่งของฝ่ายนายจ้าง หาใช่เป็นการกระทำด้วยความสำนึกในความรับผิดชอบของจำเลยไม่ จึงไม่มีเหตุผลพอ ที่จะให้รอการลงโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามปล้นทรัพย์, ครอบครองอาวุธปืน, และการริบรถยนต์ที่ใช้ในการหลบหนี
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดตั้งแต่เริ่มครอบครองเป็นกรรมหนึ่ง และเมื่อได้พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยผิดกฎหมายก็เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง จึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด การที่จำเลยได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางไปพยายามปล้นทรัพย์ ก็เป็นเพียงยานพาหนะไปมาและพาจำเลยกับพวกหลบหนีให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ