พบผลลัพธ์ทั้งหมด 230 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบในส่วนขาดทุนเมื่อลูกหนี้หลบหนี และห้างหุ้นส่วนเหลือวิสัยที่จะดำเนินกิจการต่อไปได้
จำเลยเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ซื้อเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ร.โดยให้ว. นำไปขายผ่อนส่งเพื่อแบ่งกำไรกัน เมื่อ ว.รับเครื่องไฟฟ้าทั้งหมดไปแล้วว.มิได้นำไปขายผ่อนส่งแต่กลับนำไปจำนำและไม่นำเงินมาชำระให้แก่โจทก์และจำเลย โจทก์ต้องชำระค่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่ห้าง ฯ ร.ส่วนว. ได้หลบหนีไปไม่สามารถติดตาม เรียกร้องให้ชำระหนี้ได้ ถือได้ว่ามีเหตุทำให้ห้างหุ้นส่วนเหลือวิสัยที่จะดำเนินต่อไปได้อีกตาม ป.พ.พ.มาตรา 1057(3).
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนไม่มี เจ้าหนี้ไม่มี คงเหลือ ว. เป็นลูกหนี้แต่ไม่สามารถที่จะติดตามเรียกร้องให้ชำระหนี้ได้เพราะหลบหนี ส่วนที่ขาดทุนทั้งหมดก็คือเงินทดรองค่าซื้อเชื่อเครื่องไฟฟ้าที่โจทก์ได้ชำระแก่ห้าง ฯ ร. ไปเพื่อจัด การค้าของห้าง การที่จะให้ดำเนินการชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนเสียก่อนย่อมไม่เป็นประโยชน์ เพราะคงไม่ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้นจากที่โจทก์จำเลยนำสืบไว้แล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดชดใช้ส่วนขาดทุนให้แก่โจทก์ไปทีเดียวได้.
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนไม่มี เจ้าหนี้ไม่มี คงเหลือ ว. เป็นลูกหนี้แต่ไม่สามารถที่จะติดตามเรียกร้องให้ชำระหนี้ได้เพราะหลบหนี ส่วนที่ขาดทุนทั้งหมดก็คือเงินทดรองค่าซื้อเชื่อเครื่องไฟฟ้าที่โจทก์ได้ชำระแก่ห้าง ฯ ร. ไปเพื่อจัด การค้าของห้าง การที่จะให้ดำเนินการชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนเสียก่อนย่อมไม่เป็นประโยชน์ เพราะคงไม่ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้นจากที่โจทก์จำเลยนำสืบไว้แล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดชดใช้ส่วนขาดทุนให้แก่โจทก์ไปทีเดียวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ชื่อสกุลในชื่อห้าง ทำให้หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดต้องรับผิดเสมือนหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด
คำว่า"ชื่อ" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1081 และ1082 ย่อมหมายถึง ชื่อสกุลด้วย เมื่อจำเลยที่ 4 ที่ 5 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดยอมให้ใช้ชื่อสกุลของตนระคนเป็นชื่อห้าง จำเลยที่ 4 ที่ 5 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเสมือนเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดใช้ชื่อสกุลในชื่อห้างฯ ต้องรับผิดเสมือนหุ้นส่วนไม่จำกัด
คำว่า"ชื่อ"ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1081 และ1082 ย่อมหมายถึง ชื่อสกุลด้วย เมื่อจำเลยที่ 4 ที่ 5 ซึ่ง เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดยอมให้ใช้ ชื่อสกุลของตน ระคนเป็นชื่อ ห้าง จำเลยที่ 4 ที่ 5 จึงต้อง รับผิดต่อ โจทก์ซึ่ง เป็นบุคคลภายนอกเสมือนเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5897/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียนฟ้องบุคคลภายนอก ต้องแสดงชื่อตนในกิจการจึงมีอำนาจฟ้อง
ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนที่ไม่ได้จดทะเบียน จะฟ้องบุคคลภายนอกโดยอ้างสิทธิในกิจการซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนมิได้
โจทก์และ ส. กับพวกนำเงินไปเปิดบัญชีไว้ที่ธนาคารเพื่อดำเนินกิจการร่วมกันโดยไม่ได้จดทะเบียนห้างหุ้นส่วน ส.เอาเงินของห้างหุ้นส่วนจ่ายให้จำเลยเพื่อแลกเช็คพิพาทจากจำเลย แล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ดังนี้ แม้การรับแลกเช็คนั้นจะเป็นกิจการของห้างหุ้นส่วน แต่เมื่อไม่ปรากฏชื่อของโจทก์ในกิจการนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย
โจทก์และ ส. กับพวกนำเงินไปเปิดบัญชีไว้ที่ธนาคารเพื่อดำเนินกิจการร่วมกันโดยไม่ได้จดทะเบียนห้างหุ้นส่วน ส.เอาเงินของห้างหุ้นส่วนจ่ายให้จำเลยเพื่อแลกเช็คพิพาทจากจำเลย แล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ดังนี้ แม้การรับแลกเช็คนั้นจะเป็นกิจการของห้างหุ้นส่วน แต่เมื่อไม่ปรากฏชื่อของโจทก์ในกิจการนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5897/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนห้างหุ้นส่วนที่ไม่จดทะเบียนฟ้องบุคคลภายนอกไม่ได้หากชื่อไม่ปรากฏในกิจการ
ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนที่ไม่ได้จดทะเบียน จะฟ้องบุคคลภายนอกโดยอ้างสิทธิในกิจการซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนมิได้ โจทก์และ ส. กับพวกนำเงินไปเปิดบัญชีไว้ที่ธนาคารเพื่อดำเนินกิจการร่วมกันโดยไม่ได้จดทะเบียนห้างหุ้นส่วน ส.เอาเงินของห้างหุ้นส่วนจ่ายให้จำเลยเพื่อแลกเช็คพิพาทจากจำเลยแล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ดังนี้ แม้การรับแลกเช็คนั้นจะเป็นกิจการของห้างหุ้นส่วน แต่เมื่อไม่ปรากฏชื่อของโจทก์ในกิจการนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3657/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินร่วมกัน, เลิกห้างหุ้นส่วน, ภาระจำยอม, และการไม่มีอำนาจฟ้อง
สัญญาเข้าหุ้นส่วนได้ทำที่บริษัทต.มีข้อความว่าบริษัทต.โจทก์และ ส. ตกลงเข้าหุ้นกันทำการค้าเกี่ยวกับที่ดินเพื่อหากำไรโดยได้มอบให้โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินหนึ่งแปลง และให้จำเลยที่ 1ซื้อที่ดินพิพาท แม้จำเลยที่ 1 ได้ลงชื่อในสัญญานั้นโดยไม่ได้ประทับตราสำคัญบริษัท ต. แต่ใต้ลายมือชื่อของจำเลยที่ 1มีข้อความอยู่ภายในวงเล็บว่า บริษัทต.โดยจำเลยที่ 1 กำกับไว้ด้วย เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินมาแล้วในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บริษัท ต.ได้ให้ใส่ชื่อจ.กรรมการคนหนึ่งของบริษัทต.เป็นผู้ซื้อและเป็นเจ้าของในโฉนดร่วมกับโจทก์ด้วย ครั้นเมื่อขายที่ดินดังกล่าวแล้วโจทก์และบริษัท ต. ต่างได้รับส่วนแบ่งกำไรไป มิใช่จำเลยที่ 1 รับส่วนแบ่งกำไรไปเป็นส่วนตัวแสดงว่าบริษัท ต. ยอมรับเอาสัญญาและยอมผูกพันตามสัญญาดังกล่าวแล้วการที่จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 2 ตามสัญญาแบ่งขายที่ดิน จึงถือว่าจำเลยที่ 1 ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 2ในฐานะตัวแทนของหุ้นส่วนระหว่างโจทก์กับบริษัท ต. แม้ในสัญญาแบ่งขายที่ดินจะระบุชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ซื้อแต่เพียงผู้เดียวก็เป็นการกระทำตามหน้าที่ที่จำเลยที่ 1 ได้มอบหมายจากสัญญาเข้าหุ้นส่วน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3522/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของหุ้นส่วนผู้จัดการ: การร้องทุกข์ในนามส่วนตัวหรือไม่ในนามห้างหุ้นส่วน
โจทก์ร่วมร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยโดยอ้างว่า จำเลยยักยอกเอาเงินของโจทก์ร่วมไป เป็นการร้องทุกข์ในนามของตนเองไม่มีข้อความตอนใดที่แสดงว่า โจทก์ร่วมในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ได้ร้องทุกข์แทนห้าง ดังนี้ ถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ไว้โดยชอบโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2109/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกพันตามสัญญาซื้อลดตั๋วเงินของห้างหุ้นส่วน โดยหุ้นส่วนผู้จัดการลงนามแทน แม้ไม่มีตราสำคัญ
จำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 1นำตั๋วสัญญาใช้เงินไปขายลดแก่โจทก์ในนามจำเลยที่ 1 โดยไม่ประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 ในสัญญาขายลดตั๋วเงิน มีจำเลยที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันไว้ด้วยจำเลยที่ 1 ได้รับเงินไปจากโจทก์ตามสัญญาแล้ว และเมื่อครบกำหนดตามตั๋วสัญญาใช้เงิน จำเลยที่ 1ใช้เงินแก่โจทก์บางส่วน ดังนี้ แสดงว่าจำเลยที่ 2 ลงชื่อในสัญญาขายลดตั๋วเงินดังกล่าวในฐานะกระทำการแทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องผูกพันตามสัญญานั้น จำเลยที่ 3 ผู้ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4451/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ถือหุ้นรู้เห็นยินยอมการทำบัญชีเท็จ ไม่เป็นผู้เสียหาย และไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ห้างหุ้นส่วนฯ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยทำนองเดียวกันว่า โจทก์รู้เห็นยินยอมให้บริษัทที่โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นและจำเลยเป็นกรรมการทำบัญชี 2 ชุดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ยอมเสียภาษีอันเป็นการกระทำผิดกฎหมายโจทก์ย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีนี้ได้ และเหตุที่ไม่ได้แบ่งเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเนื่องจากต้องนำเงินไปใช้ขยายกิจการของบริษัท ผู้ถือหุ้นซึ่งรวมทั้งโจทก์มิได้ขาดประโยชน์อันควรได้แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดตามฟ้อง เช่นนี้ ถือว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
จำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริษัททำบัญชีเท็จว่าบริษัทขาดทุนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ชำระภาษีอันเป็นการกระทำผิดกฎหมายโดยโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรู้เห็นยินยอม การทำบัญชีดังกล่าวจึงไม่เป็นการหลอกลวงให้โจทก์ขาดประโยชน์อันควรได้ ไม่เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนฯ มาตรา 42
จำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริษัททำบัญชีเท็จว่าบริษัทขาดทุนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ชำระภาษีอันเป็นการกระทำผิดกฎหมายโดยโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรู้เห็นยินยอม การทำบัญชีดังกล่าวจึงไม่เป็นการหลอกลวงให้โจทก์ขาดประโยชน์อันควรได้ ไม่เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนฯ มาตรา 42
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4451/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ถือหุ้นรู้เห็นยินยอมทำบัญชีเท็จ ไม่เป็นผู้เสียหาย และไม่ขาดประโยชน์อันควร จึงไม่ผิดตาม พ.ร.บ. ห้างหุ้นส่วนฯ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยทำนองเดียวกันว่า โจทก์รู้เห็นยินยอมให้บริษัทที่โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นและจำเลยเป็นกรรมการทำบัญชี 2 ชุดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ยอมเสียภาษีอันเป็นการกระทำผิดกฎหมายโจทก์ย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีนี้ได้ และเหตุที่ไม่ได้แบ่งเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเนื่องจากต้องนำเงินไปใช้ขยายกิจการของบริษัทผู้ถือหุ้นซึ่งรวมทั้งโจทก์มิได้ขาดประโยชน์อันควรได้แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดตามฟ้องเช่นนี้ ถือว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220
จำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริษัททำบัญชีเท็จว่าบริษัทขาดทุนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ชำระภาษีอันเป็นการกระทำผิดกฎหมายโดยโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรู้เห็นยินยอม การทำบัญชีดังกล่าวจึงไม่เป็นการหลอกลวงให้โจทก์ขาดประโยชน์อันควรได้ ไม่เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนฯ มาตรา 42
จำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริษัททำบัญชีเท็จว่าบริษัทขาดทุนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ชำระภาษีอันเป็นการกระทำผิดกฎหมายโดยโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรู้เห็นยินยอม การทำบัญชีดังกล่าวจึงไม่เป็นการหลอกลวงให้โจทก์ขาดประโยชน์อันควรได้ ไม่เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนฯ มาตรา 42