คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจวินิจฉัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 100 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดเว้นการตรวจสถานที่เกิดเหตุของศาล: ศาลฎีกาตัดสินว่าการพิจารณาเรื่องการตรวจสถานที่เกิดเหตุเป็นอำนาจในการวินิจฉัยข้อเท็จจริง ไม่ใช่ข้อกฎหมาย
เกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุโจทก์ว่าเกิดที่แห่งหนึ่ง จำเลยว่าเกิดที่อีกแห่งหนึ่ง จำเลยจึงขอร้องให้ศาลไปเผชิญสืบศาลชั้นต้นสั่งว่าข้อเท็จจริงในสำนวนของทั้งสองฝ่ายเป็นการที่ศาลเข้าใจดีแล้วไม่จำเป็นต้องออกไปตรวจดูที่เกิดเหตุฉนั้นในข้อที่ศาลจะไปเผชิญสืบสถานที่เกิดเหตุหรือไม่นี้จึงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงไม่ใช้ข้อ ก.ม. เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา ม. 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีแพ่งที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาด
ความผิดฐานลักทรัพย์เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยข้อเท็จจริงโจทก์จะฎีกาข้อเท็จจริงหาได้ไม่ ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา ม. 219
แต่ในกรณีที่ศาลฎีกาจะพิพากษาในคดีส่วนแพ่งคือจะสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาไม้รายพิพาทได้หรือไม่นั้น เมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าไม้รายพิพาทเป็นของโจทก์ และศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยชี้ข้อเท็จจริงให้แน่นอนลงไปว่า ไม้เป็นของโจทก์หรือผู้ใดแล้วเช่นนี้ศาลฎีกาก็ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้ว่าไม้รายพิพาทเป็นของฝ่ายใด และจำเลยจำต้องรับผิดชดใช้ให้เพียงใดหรือไม่
ในเรื่องคดีอาญาปนแพ่งนั้น การพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคดีอาญา (ป.วิ.อาญา ม. 46) แต่ต้องถือตามบทบัญญัติแห่ง ก.ม. ว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งด้วย (ป.วิ.อาญา ม. 47)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาในคดีอาญาปนแพ่ง: วินิจฉัยสิทธิในทรัพย์สินได้แม้ศาลอุทธรณ์ยังไม่ชี้ขาด
ความผิดฐานลักทรัพย์เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยข้อเท็จจริงโจทก์จะฎีกาข้อเท็จจริงหาได้ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
แต่ในกรณีที่ศาลฎีกาจะพิพากษาในคดีส่วนแพ่งคือจะสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาไม้รายพิพาทได้หรือไม่นั้นเมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าไม้รายพิพาทเป็นของโจทก์ และศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยชี้ข้อเท็จจริงให้แน่นอนลงไปว่าไม้เป็นของโจทก์หรือผู้ใดแล้วเช่นนี้ศาลฎีกาก็ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้ว่าไม้รายพิพาทเป็นของฝ่ายใด และจำเลยจำต้องรับผิดชดใช้ให้เพียงใดหรือไม่
ในเรื่องคดีอาญาปนแพ่งนั้น การพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญา(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46) แต่ต้องถือตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งด้วย (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้ศาลอุทธรณ์ยังไม่วินิจฉัยเด็ดขาด
ความผิดฐานลักทรัพย์เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยข้อเท็จจริงโจทก์จะฎีกาข้อเท็จจริงหาได้ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
แต่ในกรณีที่ศาลฎีกาจะพิพากษาในคดีส่วนแพ่งคือจะสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาไม้รายพิพาทได้หรือไม่นั้นเมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าไม้รายพิพาทเป็นของโจทก์ และศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยชี้ข้อเท็จจริงให้แน่นอนลงไปว่าไม้เป็นของโจทก์หรือผู้ใดแล้วเช่นนี้ศาลฎีกาก็ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้ว่าไม้รายพิพาทเป็นของฝ่ายใด และจำเลยจำต้องรับผิดชดใช้ให้เพียงใดหรือไม่
ในเรื่องคดีอาญาปนแพ่งนั้น การพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญา(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46) แต่ต้องถือตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งด้วย (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการฟ้องคดีสัญชาติ: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยประเด็นความสงบเรียบร้อยของประชาชนได้ แม้ไม่ใช่ข้อพิพาท
ผู้ร้องจะร้องขอให้ศาลแสดงว่าผู้ร้องมีสัญชาติไทยอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทไม่ได้เพราะมิใช่เป็นเรื่องที่จะต้องใช้สิทธิทางศาล (อ้างฎีกาที่ 1317/2495)
สิทธินำคดีมาร้องฟ้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นใหม่ & การคุ้มครองสัญญาเช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
คดีฟ้องขับไล่ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกการเช่า พิพากษายกฟ้อง ในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยได้รับคำบอกเลิกสัญญาแล้ว และมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงในประเด็นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดไว้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พนะราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯได้เพราะไม่มีกฎหมายอะไรห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นลดหย่อนผ่อนโทษ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในชั้นต้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 249,335(13) กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยให้การต่อสู้ว่าทำโดยป้องกันตัวศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 251 จำเลยอุทธรณ์ว่าทำโดยป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ ดังนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาชี้ขาดว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันตัวตามกฎหมาย แต่จำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะให้ลงโทษจำเลยเพียงกึ่งหนึ่งตามมาตรา 55 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีไถ่ถอนที่ดินขายฝากเกิน 2,000 บาท ไม่เป็นคดีต้องห้ามฎีกา ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้
คดีโจทก์ฟ้องขอไถ่ที่นาซึ่งขายฝากแก่จำเลยไว้เป็นราคา 2200 บาทจำเลยแก้ว่า ตามสัญญาขายฝากเมื่อพ้นกำหนด 7 ปี ให้ที่เป็นกรรมสิทธิแก่จำเลย โจทก์ได้ขอไถ่ถอนเมื่อพ้นกำหนดแล้ว จึงไม่มีอำนาจถอน ดังนี้ เป็นคดีพิพาทเรื่องการไถ่ถอน ซึ่งกำหนดเป็นราคาเงินได้เกินกว่า 2,000 บาท ไม่เป็นคดต้องห้ามฎีกาตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางเกินคำขอ การวินิจฉัยอำนาจศาลฎีกาในคดีอาญา
ฟ้องโจทก์ว่า จำเลยใช้เครื่องมือผิดกฎหมายกระทำผิด มิได้ระบุเจาะจงไปว่า เป็นสิ่วของกลางในคดีและไม่มีคำขอให้ริบทรัพย์ดังนี้ศาลสั่งริบสิ่วนั้นไม่ได้ เกินคำขอ
การริบของกลางเป็นโทษทางอาญาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดคัดค้าน ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2486

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยค่าบำเหน็จนำจับ และข้อจำกัดในการบังคับคดีตามสัญญา
ในกรณีที่จำเลยอุทธรณ์ขอลดค่าบำเหน็จนำจับนั้นศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ในเรื่องบำเหน็จนำจับถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โจทก์ฟ้องเรื่องบำเหน็จนำจับโดยกล่าวว่าเจ้าพนักงานสัญญาจะจ่ายเงินให้แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร ท้ายฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ตามแต่ศาลจะเห็นสมควรนั้น ถือว่าเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลไม่บังคับให้จำเลยใช้
of 10