พบผลลัพธ์ทั้งหมด 771 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าเฉพาะตัว การกระทำร่วมกัน และความรับผิดทางอาญา
จำเลยที่ 1 และผู้ตายชกต่อยกัน จำเลยที่ 3 เข้าไปเตะที่กลางหลังผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 2 เข้าไปตบหน้าผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายเสียหลักล้มแล้วจำเลยที่ 1 เข้ากระทืบที่ร่างผู้ตายตรงบริเวณลำคอหลายครั้งจนกระทั่งผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ เมื่อทางนำสืบของพยานโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2และที่ 3 มีเจตนาร่วมกันไปฆ่าผู้ตายแต่แรก ประกอบกับจำเลยทั้งสามไม่ได้ใช้อาวุธทำร้ายผู้ตายแต่อย่างใด อีกทั้งการกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ล้วนแต่มิได้ก่อให้เกิดบาดแผลแก่ผู้ตายถึงขนาดจะเป็นเหตุแห่งความตายได้ ส่วนที่ผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากจำเลยที่ 1 กระทืบที่ลำตัวและคอผู้ตาย เป็นการกระทำและเป็นเจตนาที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 ที่ต้องการให้ผู้ตายถึงแก่ความตายซึ่งจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่อาจคาดหมายหรือเล็งเห็นมาก่อนว่าจำเลยที่ 1อาจฆ่าผู้ตาย จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีเจตนาร่วมกันเป็นตัวการฆ่าผู้ตาย ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อนเหตุทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นระหว่างเดินทางไปด้วยกัน น่าเชื่อว่าเหตุทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นทันทีทันใด จึงต้องสันนิษฐานให้เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดว่าจำเลยทั้งสามไม่มีเจตนาร่วมกันทำร้ายผู้ตาย แต่เป็นกรณีที่ต่างคนต่างทำร้ายผู้ตายเป็นการเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงต้องรับผิดเฉพาะการกระทำของตน ซึ่งเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 295 ประกอบมาตรา 83 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 654/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากขวดน้ำอัดลม: ศาลฎีกาชี้พฤติการณ์ทำร้ายด้วยอาวุธอันตรายถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยที่4ใช้ขวดน้ำอัดลมขนาดใหญ่ที่ทำจากวัสดุแข็งและมีน้ำอัดลมบรรจุอยู่บางส่วนอันทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น อาวุธตีทำร้ายผู้ตายบริเวณศรีษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญหลายครั้งแม้ขณะที่ผู้ตายล้มลงหมดสติไปแล้วก็ยังตีซ้ำอีกถึง3ถึง4ครั้งจนเป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลที่หน้าผากและศรีษะภาวะสมองไม่ทำงานจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงไม่รู้สึกตัวไม่ตอบสนองต่อความเจ็บปวดหัวใจล้มเหลวและถึงแก่ความตายหลังจากเกิดเหตุเพียงเล็กน้อยพฤติการณ์ของจำเลยที่4ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่4ตีทำร้ายผู้ตายโดยเจตนาฆ่า ก่อนที่ผู้ตายกับกลุ่มของจำเลยที่4จะมีเรื่องทะเลาะโต้เถียงท้าทายให้ออกมาชกต่อยกันจนพวกของจำเลยที่4ออกมาชกต่อยผู้ตายแล้วเกิดการชุลมุนต่อสู้จนผู้ตายถูกจำเลยที่4ใช้ขวดน้ำอัดลมขนาด1ลิตรตีทำร้ายถึงแก่ความตายผู้ที่ก่อเหตุให้เกิดพฤติการณ์ดังกล่าวก็คือผู้ตายกรณีจึงมีเหตุสมควรลดโทษจำเลยที่4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4521/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการชักอาวุธจ้องยิง แม้พลาดเป้าแต่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยชักอาวุธปืนออกมาแล้วจ้องไปทางโจทก์ร่วมโดยนิ้วมือของจำเลยอยู่ที่ไกปืนพร้อมที่จะยิงได้ทันที แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าโจทก์ร่วมหากแต่ผู้ตายเข้าแย่งอาวุธปืนจากมือของจำเลยเสียในทันใด กระสุนปืนที่ออกจากลำกล้องจึงเฉไปไม่ถูกโจทก์ร่วมถือได้ว่ากระสุนปืนที่ลั่นพลาดไปถูกผู้ตายจนถึงแก่ความตายนั้น จำเลยได้กระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตายตาม ป.อ. มาตรา 60 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา288 ประกอบด้วยมาตรา 60 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าไม่พอฟัง พยานหลักฐานไม่เชื่อมโยง จำเลยปฏิเสธ และไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ศาลฎีกายกฟ้อง
คำเบิกความของผู้เสียหายได้ความเพียงว่า บ. ซึ่งนั่งคร่อมซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยจอดอยู่ริมถนนเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ขับรถผ่านหน้าไปในระยะห่างเพียง2เมตรแต่กระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหายแม้จำเลยจะขับรถจักรยานยนต์ตามผู้เสียหายไปแต่ไม่ปรากฏว่าตามไปในลักษณะใดอีกทั้งเมื่อผู้เสียหายจอดรถแล้ววิ่งย้อนกลับมาตามทางเดิมจำเลยกับพวกก็ยังขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านเลยไปโดยมิได้ติดตามยิงผู้เสียหายอีกจึงอาจเป็นว่า บ.ยิงขู่ผู้เสียหายเท่านั้นประกอบกับเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ที่บ้านจำเลยในวันเกิดเหตุโดยจำเลยมิได้หลบหนีและให้การปฏิเสธตลอดมาพยานโจทก์จึงไม่พอฟังว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3931/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน: การยิงต่อเนื่องโดยมีเจตนาฆ่าแต่ละบุคคล
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสองและผู้ตายรวม 4 นัด นัดแรกยิงผู้เสียหายที่ 1 เพราะผู้เสียหายที่ 1 ต่อว่าจำเลยที่นำเอาอาวุธปืนออกมาขู่ ครั้นผู้เสียหายที่ 2 ส่งเสียงร้องหวีดเพราะตกใจที่เห็นจำเลยยิงผู้เสียหายที่ 1 จำเลยก็ยิงผู้เสียหายที่ 2 เป็นนัดที่ 2 เมื่อผู้ตายยกมือไหว้และขอร้องอย่ายิงจำเลยก็ยิงผู้ตายเป็นนัดที่ 3 ก่อนไปจำเลยเห็นผู้เสียหายที่ 2 ที่ถูกยิงยังไม่ตายจึงได้ยิงซ้ำอีก 1 นัดแสดงว่าการยิงปืนแต่ละนัดตามประสงค์และจุดมุ่งหมายของจำเลยได้แยกออกจากกันว่าการยิงนัดใดจำเลยยิงผู้เสียหายทั้งสองและผู้ตายคนใด เจตนาฆ่าจึงแยกออกจากกันได้เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4808/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและการป้องกันตัว: การรับสารภาพและข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นสู่การพิจารณา
ภายหลังจากจำเลยชกต่อยผู้ตายล้มลงที่พื้นแล้ว จำเลยเข้าไปกระทืบที่ศีรษะและตามลำตัวผู้ตายอย่างรุนแรงและใช้มีดปาดคอผู้ตายด้วย เป็นเหตุให้ผู้ตายมีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่งที่สำคัญคือ ม้ามซึ่งอยู่บริเวณช่องท้องแตกมีเลือดตกในช่องท้อง 1,700 ซี.ซี. และผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทืบผู้ตายที่บริเวณท้องซึ่งเป็นที่ตั้งอวัยวะสำคัญของร่างกายอย่างรุนแรง อีกทั้งขณะทำร้ายจำเลยก็พูดแสดงเจตนาว่าจะทำร้ายผู้ตายให้ตาย ในชั้นสอบสวนจำเลยได้ให้การรับสารภาพฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาชั้นพิจารณาจำเลยก็ให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดี พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาฟังได้ว่า จำเลยทำร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า
จำเลยฎีกาว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวตาม ป.อ. มาตรา 68 การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมายนั้น คดีนี้จำเลยรับสารภาพและไม่ได้สืบพยานข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้น ฎีกาของจำเลยข้อนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225
จำเลยฎีกาว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวตาม ป.อ. มาตรา 68 การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมายนั้น คดีนี้จำเลยรับสารภาพและไม่ได้สืบพยานข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้น ฎีกาของจำเลยข้อนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4808/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง แม้มีการป้องกันตัวเบื้องต้น ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษา
ภายหลังจากจำเลยชกต่อยผู้ตายล้มลงที่พื้นแล้วจำเลยเข้าไปกระทืบที่ศีรษะและตามลำตัวผู้ตายอย่างรุนแรงและใช้มีดปาดคอผู้ตายด้วยเป็นเหตุให้ผู้ตายมีบาดแปลตามร่างกายหลายแห่งที่สำคัญคือม้ามซึ่งอยู่บริเวณช่องท้องแตกมีเลือดตกในช่องท้อง1,700ซี.ซี.และผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทืบผู้ตายที่บริเวณท้องซึ่งเป็นที่ตั้งอวัยวะสำคัญของร่างกายอย่างรุนแรงอีกทั้งขณะทำร้ายจำเลยก็พูดแสดงเจตนาว่าจะทำร้ายผู้ตายให้ตายในชั้นสอบสวนจำเลยได้ให้การรับสารภาพฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาชั้นพิจารณาจำเลยก็ให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดีพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า จำเลยฎีกาว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อนจำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมายนั้นคดีนี้จำเลยรับสารภาพและไม่ได้สืบพยานข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อนจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้นฎีกาของจำเลยข้อนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195ประกอบด้วยมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3631/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า vs. ทำร้ายร่างกาย: การลงโทษซ้ำซ้อนในคดีอาญา
เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาฆ่าและลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายแล้วการกระทำอันเดียวกันนี้เองจำเลยไม่มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายอีกบทหนึ่งคงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายเพียงบทเดียวเท่านั้นปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้ผลเกิดกับผู้อื่น ก็ถือเป็นความผิดฐานฆ่าโดยเจตนา
จำเลยได้นำน้ำส้มผสมยาฆ่าแมลงไปถวายพระภิกษุผู้เสียหาย โดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้จำเลยจะมีเจตนา ฆ่าเฉพาะผู้เสียหาย แต่เมื่อผลแห่งการกระทำเกิดขึ้นแก่ ผู้ตายโดยพลาดไปก็ต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 60 ด้วย จำเลยมีความผิดตามมาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 60
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้พลาดเป้าหมายไปยังผู้ตาย ก็ถือเป็นความผิดฐานฆ่าโดยเจตนา
จำเลยได้นำน้ำส้มผสมยาฆ่าแมลงไปถวายพระภิกษุผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแม้จำเลยจะมีเจตนาฆ่าเฉพาะผู้เสียหายแต่เมื่อผลแห่งการกระทำเกิดขึ้นแก่ผู้ตายโดยพลาดไปก็ต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา60ด้วยจำเลยมีความผิดตามมาตรา289(4)ประกอบด้วยมาตรา80และมาตรา289(4)ประกอบด้วยมาตรา60