พบผลลัพธ์ทั้งหมด 431 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง: การแสดงข้อความเท็จและเจตนาทุจริต
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อโจทก์ โจทก์หลงเชื่อจึงมอบเงินให้จำเลยไป แม้ฟ้องโจทก์จะมิได้ระบุคำว่า "โดยทุจริต" ไว้ก็ตาม แต่คำว่า"บังอาจ" กับข้อความที่ว่า "โจทก์หลงเชื่อจึงมอบเงินให้จำเลยไป" ประกอบกันก็บ่งอยู่แล้วว่าจำเลยกระทำโดยทุจริต ฟ้องโจทก์จึงครบองค์ความผิดฐานฉ้อโกงตาม ป.อ. มาตรา 341
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการฉ้อโกง: การพิจารณาจากคำบรรยายฟ้องและพฤติการณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อโจทก์ โจทก์หลงเชื่อจึงมอบเงินให้จำเลยไป แม้ฟ้องโจทก์จะมิได้ระบุคำว่า "โดยทุจริต" ไว้ก็ตาม แต่คำว่า "บังอาจ" กับข้อความที่ว่า "โจทก์หลงเชื่อจึงมอบเงินให้จำเลยไป" ประกอบกันก็บ่งอยู่แล้วว่าจำเลยกระทำโดยทุจริต ฟ้องโจทก์จึงครบองค์ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการยืมรถยนต์: การใช้รถเพื่อย้ายที่อยู่ไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์
ป. เป็นลูกจ้างของผู้เสียหาย มีหน้าที่เฝ้าดูแลรถยนต์ในร้านของผู้เสียหาย ป. กับพวกรวมทั้งจำเลยใช้รถยนต์ของผู้เสียหายบรรทุกข้าวของส่วนตัวออกจากที่พักในร้านของผู้เสียหายเพื่อย้ายที่อยู่ใหม่ โดยมิได้เอาทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่นของผู้เสียหายไปด้วย เมื่อใช้รถยนต์ของผู้เสียหายเสร็จก็นำไปจอดทิ้งไว้แล้วพวกของป. โทรศัพท์แจ้งให้พี่ชายผู้เสียหายทราบถึงสถานที่ที่ทิ้งรถไว้ เพื่อให้ผู้เสียหายติดตามเอาคืน แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับ ป. และพวกมิได้เอารถยนต์ของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริตจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งธนาคารระงับการจ่ายเช็คเนื่องจากผู้ขายผิดสัญญา สัญญาประมูลอาหารในงานราชทัณฑ์ ไม่ถือเป็นเจตนาทุจริต
จำเลยออกเช็คให้แก่ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ที่ บ.ประมูลเป็นผู้ขายอาหารในงานแสดงผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ผู้เสียหายโดยตกลงกันว่านอกจากผู้ที่ประมูลได้แล้ว บุคคลอื่นจะนำอาหารและเครื่องดื่มมาขายบริเวณงานไม่ได้ เมื่อจัดงานแล้วปรากฏว่ามีบุคคลอื่นมาขายอาหารและเครื่องดื่มในบริเวณงาน บ.จึงขอลดจำนวนเงินที่จะเรียกเก็บตามสัญญาลงแต่ผู้เสียหายไม่ตกลงจำเลยจึงได้สั่งธนาคารมิให้ใช้เงินเพราะจำเลยเห็นว่าผู้เสียหายผิดสัญญา กรณีมีมูลให้จำเลยเชื่อว่าตนมีสิทธิสั่งธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คพิพาทได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3(1)(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์โดยเจตนาทุจริตหลังได้รับแจ้งให้รื้อถอน ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
จำเลยเข้าครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ที่เกิดเหตุโดยเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยมีสิทธิครอบครอง ต่อมาทางราชการได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าที่เกิดเหตุเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ แต่จำเลยไม่ยอมออก การที่จำเลยยังคงอยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ภายหลังจากที่ทางราชการได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่เกิดเหตุแล้ว ถือว่าจำเลยมีเจตนายึดถือครอบครองที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้วจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสองประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ข้อ 11
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทองผ่อนส่งและการพิสูจน์ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ กรณีไม่มีเจตนาทุจริต
จำเลยซื้อทองจากโจทก์โดยวิธีผ่อนส่ง โดยโจทก์จะทำหลักฐานการผ่อนชำระเงินเป็น 2 ฉบับ โจทก์จำเลยเก็บไว้คนละฉบับ แต่โจทก์ให้จำเลยลงชื่อในสัญญารับเป็นตัวแทนไว้โดยจำเลยมิได้เป็นตัวแทนของโจทก์ การปฏิบัติระหว่างโจทก์จำเลยดังนี้ ไม่ใช่เรื่องตัวการตัวแทน แม้จำเลยยังไม่ได้ชำระเงินค่าทองให้โจทก์ ก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยวิสาสะและความเข้าใจโดยปริยายในการใช้ทรัพย์สินของวัดโดยไม่เจตนาทุจริต
วัดเป็นเสมือนหนึ่งสมบัติส่วนกลางซึ่งชาวบ้านใช้สอย ร่วมกันสิ่งใดที่ราษฎรได้กระทำไปเพื่อประโยชน์ร่วมกันแล้ว ย่อมเป็นที่เข้าใจกันว่าทำได้ การจับปลาในสระของวัดเกิดจากอาหารไม่เพียงพอเลี้ยงดูกันสำหรับมื้อ กลางวันในวันเกิดเหตุ จึงปรารภกันทอดแหจับปลาในสระของวัดขึ้นมาประกอบอาหารรับประทานกันด้วยความรู้สึกร่วมกันของทุกคน ณ ที่นั้นว่าพึงทำได้ แม้จำเลยทั้งสองกับ ม. และ ส. ทำกันเพียง 4 คน ก็ทำด้วยความยินยอมพร้อมใจในบรรดาราษฎรในสถานที่นั้นด้วยกันทุกคน เพราะในที่สุดจะได้รับประทานด้วยกัน เป็นการกระทำด้วยความรู้สึกว่าเจ้าอาวาสวัดยินยอมโดยปริยาย ประกอบกับจำเลยทั้งสองกับพวกจับปลาขึ้นมาเพียง6 ตัว และเมื่อถูกพระทักท้วง จำเลยทั้งสองกับพวกก็มิได้ดื้อดึงทำต่อไป พฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่าเป็นการกระทำด้วยวิสาสะคิดว่ามีสิทธิทำได้อาจเป็นเพราะว่าเจ้าอาวาสได้พูดเป็นนัยไว้ก่อนหน้าวันเกิดเหตุให้ใช้ของวัดในกรณีขาดแคลนก็ได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกจึงขาดเจตนาทุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินวัดโดยความยินยอมโดยปริยายและขาดเจตนาทุจริต
วัดเป็นเสมือนสมบัติส่วนกลางซึ่งชาวบ้านใช้สอยร่วมกันและแม้แต่สถานที่ของวัดชาวบ้านก็ร่วมกันใช้ประกอบกิจการต่าง ๆอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมดังกรณีสาธิต การทำปุ๋ยหมักในวันเกิดเหตุการจับปลาในสระของวัดก็เช่นกัน เกิดจากอาหารไม่เพียงพอในการเลี้ยงดูสำหรับมื้อกลางวัน จึงปรารภกันทอดแหจับปลาในสระของวัดขึ้นมาประกอบอาหารด้วยความรู้สึกร่วมกันโดยปริยายว่าเจ้าอาวาสยินยอมให้กระทำได้ดังที่เจ้าอาวาสได้พูดไว้ก่อนหน้าวันเกิดเหตุให้ใช้ของวัดในกรณีขาดแคลนได้ ดังนี้เมื่อจำเลยกับพวกร่วมกันจับปลาขึ้นมาประกอบอาหารรับประทานกัน พฤติการณ์จึงเป็นการกระทำด้วยวิสาสะขาดเจตนาทุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฝากทรัพย์และการยักยอก: เจตนาทุจริตสำคัญในการพิจารณาความผิดฐานยักยอก
ขณะโจทก์ร่วมถูกฟ้องคดีอาญา จำเลยรับฝากทรัพย์สิ่งของและเงินไว้จากโจทก์ร่วมหลังจากโจทก์ร่วมพ้นคดีแล้ว โจทก์ร่วมทวงทรัพย์สินที่ฝากไว้คืนจากจำเลยแต่จำเลยไม่คืนให้ เงินที่โจทก์ร่วมฝากไว้จำเลยผู้รับฝากมีสิทธินำออกใช้อย่างไรก็ได้หากจำต้องคืนแก่โจทก์ให้ครบตามจำนวนเท่านั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตการที่จำเลยนำเงินที่รับฝากนั้นออกใช้หรือไม่คืนให้ เมื่อถูกทวงถามจึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอก ส่วนทรัพย์สินอื่นเมื่อโจทก์ร่วมทวงถามแล้ว จำเลยไม่คืนให้โดยเจตนาทุจริต จึงเป็นความผิดฐานยักยอก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2513/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งหน้าที่กรรมการตรวจคะแนนเลือกตั้ง และการขาดเจตนาทุจริต ทำให้ไม่ความผิดฐานทุจริตการเลือกตั้ง
มีการทุจริตโดยมีการทอดบัตรเลือกตั้งจำนวนหนึ่งลงไปใน หีบบัตรเลือกตั้งในหน่วยลงคะแนนที่จำเลยรับผิดชอบอยู่ แต่ตาม พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดฯ ได้แบ่งหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจนับคะแนนออกเป็น 5 ฝ่าย ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 แต่เพียงผู้เดียวเป็นผู้ตรวจบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง ส่วนจำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 ไม่ปรากฏว่าได้เข้าไปช่วยเหลือจำเลยที่ 2ทำหน้าที่หรือรู้เห็นการกระทำของจำเลยที่ 2 ด้วย จึงฟัง ไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 กระทำผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ส่วนการทำรายงานแสดงผลการนับคะแนนซึ่งเป็นหน้าที่ของกรรมการตรวจคะแนนทุกคนนั้น เมื่อมีการแบ่งหน้าที่ทำกันและจำเลยที่ 3ถึงที่ 8 ไม่อาจทราบได้ว่ามีผู้ไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งและทอดบัตรเลือกตั้งเป็นจำนวนเท่าใด การทำรายงานแสดงผลการนับคะแนน ย่อมทำไปตามที่ปรากฏจากบัญชีผู้เลือกตั้งและบัตรเลือกตั้งที่ผู้ใช้สิทธิทอด แม้จะปรากฏว่ารายงานแสดงผลการนับคะแนนไม่ตรงต่อความเป็นจริงก็ไม่อาจฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ถึงที่ 8มีเจตนาทุจริตร่วมกับจำเลยที่ 2 ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานดำเนินการเลือกตั้ง มีหน้าที่เป็นหัวหน้าควบคุมดูแลการเลือกตั้งประจำหน่วยลงคะแนน ซึ่งเป็นหน้าที่ทั่ว ๆ ไปเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยเรียบร้อยหาได้มีหน้าที่ตรวจบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งไม่ จำเลยที่ 9ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คะแนนมีหน้าที่แต่เพียงขีดคะแนนลงบนแผ่นป้ายกระดานดำในตอนที่มีการนับคะแนนเท่านั้นมิได้มีหน้าที่อื่นเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 9 เข้าไปช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 ด้วย จำเลยที่ 1และจำเลยที่ 9 จึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 2