พบผลลัพธ์ทั้งหมด 90 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมซื้อขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ เป็นการแสดงเจตนาลวงและเป็นโมฆะ
ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกันมานานถึง 2 ปีเศษแล้วแต่ปรากฏว่าภรรยาและบุตรผู้ขายยังคงอยู่และทำกินในที่ดินที่ทำสัญญาซื้อขายตลอดมา โดยผู้ซื้อมิได้เกี่ยวข้องทำอะไรในที่ดิน และยังปรากฏว่าบุตรเขยผู้ขายได้ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินที่ทำสัญญาซื้อขาย พฤติการณ์ต่างๆ ดังกล่าวเป็นเครื่องแสดงให้เห็นได้ว่าการทำสัญญาซื้อขายเป็นการแสดงเจตนาลวง มิใช่มีเจตนาซื้อขายต่อกันจริงจัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้: นิติกรรมโมฆะและสิทธิในการยึดทรัพย์
ลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำนิติกรรมต่อกรมการอำเภอขายนาพิพาทของตน 2 แปลงให้แก่บุคคลภายนอกโดยสมรู้เจตนาลวงเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้ยึดทรัพย์ ดังนี้ถือว่านิติกรรมนั้นเกิดจากเจตนาลวงจึงตกเป็นโมฆะเสียเปล่าตาม ป.พ.พ. ม.118 และ 133 โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะยึดนาพิพาท 2 แปลงมาขายทอดตลาดได้โดยไม่ต้องฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 329/2480.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากที่เป็นโมฆะ: เจตนาลวงและการไม่ได้รับเงินจริง
แม้ตามหนังสือสัญญาจะกล่าวว่าเป็นสัญญาขายฝากเครื่องสียนต์ก็ตามแต่ระบุว่าเมื่อมาไถ่ต้องคิดดอกเบี้ยให้ ก็เห็นเจตนาว่ามิได้ทำโอนกรรมสิทธิขายฝากกันจริงและผู้ขายฝากก็ไม่เคยครอบครองทรัพย์นั้นเลย ทั้งมิได้จ่ายเงินให้กันจริงด้วยแล้ว พฤติการณ์เหล่านี้แสดงว่าไม่มีการขายฝากกันเป็นการกระทำเพื่อแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากที่ปรากฏเจตนาลวง: การทำสัญญาโดยมิได้โอนกรรมสิทธิ์และไม่มีการชำระเงิน
แม้ตามหนังสือสัญญาจะกล่าวว่าเป็นสัญญาขายฝากเครื่องสียนต์ก็ตามแต่ระบุว่าเมื่อมาไถ่ต้องคิดดอกเบี้ยให้ ก็เห็นเจตนาว่ามิได้ทำโอนกรรมสิทธิขายฝากกันจริงและผู้ขายฝากก็ไม่เคยครอบครองทรัพย์นั้นเลย ทั้งมิได้จ่ายเงินให้กันจริงด้วยแล้ว พฤติการณ์ เหล่านี้แสดงว่าไม่มีการขายฝากกัน เป็นการกระทำเพื่อแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 965/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมโมฆะจากการหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์: สัญญาซื้อขายที่ไม่เจตนาจริง
ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกันเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ที่ดินถูกยึดใช้ค่าปรับ มิได้ตั้งใจซื้อขายกันจริงจัง สัญญานั้นเป็นโมฆะ ในกรณีเช่นนี้คู่ความนำพะยานบุคคลมาสืบกันล้างเอกสารได้ ในคดีแพ่งทรัพย์สินที่พิพาทมีราคาไม่เกิน 2000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คู่ความฎีกาได้ฉะเพาะแต่ปัญหาข้อกฎหมาย และในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนี้ศาลฎีกาต้องฟ้องข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยงานแล้วจากพะยานหลักฐานในสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาลวงในการโอนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สัญญา และผลกระทบต่อการยึดทรัพย์
พฤตติการณ์ที่ถือว่าเป็นการแสดงเจตนาลวงสัญญาทางพระราชไมตรีคนในบังคับอังกฤษร้องขัดทรัพย์ ฎีกาได้ฉะเพาะปัญหาข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลวงด้วยสมรู้และนิติกรรมอำพราง: ผลกระทบต่อบุคคลภายนอกผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริต
ขายรถยนตร์ให้โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ซื้อจะได้กรรมสิทธิต่อเมื่อชำระราคาครบแล้วต่อมาผู้ขายกลับยอมให้ผู้ซื้อไปโอนใส่ชื่อเป็นเจ้าของก่อนชำระราคาดังนี้ ภายหลังผู้ซื้อไปขายรถให้แก่โจทก์ ๆ รับซื้อไว้โดยสุจริต ดังนี้โจทก์ยอมได้รถเป็นกรรมสิทธิ ผู้ขายเดิมจะอ้างข้อตกลงในสัญญาซื้อขายยันต่อโจทก์ซึ่งบุคคลภายนอก หาได้ไม่ กรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายหลอกลวงเพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาท สัญญาเป็นโมฆะ
สัญญาที่ทำขึ้นว่าเป็นการซื้อขายกันแต่แท้ที่จริงไม่มีการให้เงินราคากันเลยและคู่กรณีทำขึ้นเพื่อจะลวงบุคคลภายนอกเช่นนี้เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินโดยเจตนาลวงเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน การสมยอมและการแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะ
เจตนาลวง สมยอม ขัดทรัพย์ พฤตติการณ์อย่างไรเป็นการโอนให้กันโดยสมยอมหรือการแสดงเจตนาลวง บิดาได้โอนทรัพย์ให้บุตร์เมื่อถูกฟ้องแล้ว บุตร์ได้ทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์นั้นต่อ ๆ มาในหมู่วงษ์ญาติ แลมิได้วางเงินแก่กันเลย แสดงให้เห็นว่าเป็นการสมรู้กัน แสดงเจตนาเพื่อลวงผู้อื่นอันเป็นโมฆะตามมาตรา 118
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3440-3441/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลวงในการซื้อขายที่ดิน สิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์ และผลของการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทซึ่งติดจำนองไว้กับธนาคาร จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไปชำระหนี้ไถ่จำนองให้แก่ธนาคารแทนโจทก์ โจทก์จึงจดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยมิได้มีเจตนาที่จะซื้อขายกันอย่างแท้จริง และจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็มิได้มีเจตนาเป็นเจ้าของแต่มีเจตนายกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ดังนั้นตามรูปคดีของโจทก์ หาใช่เป็นเรื่องนิติกรรมอำพรางไม่ เพราะนิติกรรมอำพรางตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคสองนั้น จะต้องมีนิติกรรม 2 นิติกรรม โดยบุคคลทั้งสองฝ่ายแสร้งแสดงเจตนาทำนิติกรรมอันหนึ่งอำพรางนิติกรรมอีกอันหนึ่งซึ่งมีเจตนาแท้จริงมุ่งผูกนิติสัมพันธ์กัน แต่ตามคำฟ้องโจทก์คงมีเพียงนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาทเท่านั้น หาได้มีนิติกรรม 2 นิติกรรมอำพรางกันอยู่ไม่ ส่วนการที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไปชำระหนี้ให้แก่ธนาคารผู้รับจำนองแทนโจทก์ ก็ไม่ใช่นิติกรรมที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำกับโจทก์ ประเด็นแห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวอ้างว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 แสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งตกเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคหนึ่ง ผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งจะยกขึ้นกล่าวอ้างเมื่อใดก็ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 172 โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องเพิกถอนเสียเมื่อใดก็ได้ แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้เกินกว่า 10 ปีก็ตาม สิทธิที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวของโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
สำหรับประเด็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้หรือไม่นั้น ปัญหานี้แม้ศาลล่างทั้งสองยังมิได้วินิจฉัยแต่คู่ความได้สืบพยานกันเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อมิให้คดีล่าช้าศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 1373 ว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ ซึ่งพยานโจทก์ก็ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีเหตุผลใดที่ต้องร่วมกันกับโจทก์แสดงเจตนาลวงในการทำนิติกรรมดังกล่าว ส่วนที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำบันทึกว่า จะไม่ขายที่ดินให้แก่บุคคลอื่นนอกจากโจทก์และบุคคลในครอบครัวเท่านั้น และจะโอนกรรมสิทธิ์คืนให้ต่อเมื่อโจทก์ชำระเงินค่าไถ่จำนองให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ก่อนแล้วนั้น ก็เป็นเพียงคำมั่นที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 บอกกล่าวและกำหนดเวลาให้โจทก์ซื้อที่ดินคืน แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตาม คำมั่นดังกล่าวจึงเป็นอันไร้ผลไป ตาม ป.พ.พ. มาตรา 454 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาท
สำหรับประเด็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้หรือไม่นั้น ปัญหานี้แม้ศาลล่างทั้งสองยังมิได้วินิจฉัยแต่คู่ความได้สืบพยานกันเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อมิให้คดีล่าช้าศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 1373 ว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ ซึ่งพยานโจทก์ก็ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีเหตุผลใดที่ต้องร่วมกันกับโจทก์แสดงเจตนาลวงในการทำนิติกรรมดังกล่าว ส่วนที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำบันทึกว่า จะไม่ขายที่ดินให้แก่บุคคลอื่นนอกจากโจทก์และบุคคลในครอบครัวเท่านั้น และจะโอนกรรมสิทธิ์คืนให้ต่อเมื่อโจทก์ชำระเงินค่าไถ่จำนองให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ก่อนแล้วนั้น ก็เป็นเพียงคำมั่นที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 บอกกล่าวและกำหนดเวลาให้โจทก์ซื้อที่ดินคืน แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตาม คำมั่นดังกล่าวจึงเป็นอันไร้ผลไป ตาม ป.พ.พ. มาตรา 454 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาท