พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมของเจ้าของรถและนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้าง แม้ขับรถนอกเส้นทางสัมปทาน
การที่จำเลยที่ 3 ยอมรับเอาทั้งรถยนต์โดยสารและคนขับของจำเลยที่ 4 มาไว้และร่วมในกิจการเดินรถโดยสารประจำทางขนส่งผู้โดยสาร ด้วยการให้ใช้สีของรถ ตรา และชื่อในนามของบริษัทจำเลยที่ 3 ให้ปรากฏแก่คนทั้งหลายว่าใช้ในกิจการของตน ทั้งในนามและฐานะที่เป็นรถของบริษัทจำเลยที่ 3 โดยมีผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ในการนี้พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 3มีฐานะร่วมเป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นคนขับรถประจำรถคันดังกล่าวด้วย การที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุไปส่งผู้โดยสารแล้วเกิดเหตุขึ้น แม้จะเป็นการขับไปนอกเส้นทางสัมปทานก็ยังถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ขับรถในกิจการในทางการที่จ้างของนายจ้าง จำเลยที่ 3 จะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้าง ข้ออ้างของจำเลยที่ 3 ที่ว่าจำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 4 นำรถไปใช้นอกเส้นทางสัมปทานโดยจำเลยที่ 3 ไม่มีส่วนรู้หรือได้รับอนุญาตจากขนส่งจังหวัดเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและขัดต่อพระราชบัญญัติการขนส่งนั้น เป็นเรื่องภายในและเฉพาะตัวระหว่างจำเลยด้วยกัน จะนำมาใช้ยันเพื่อปัดความรับผิดต่อบุคคลภายนอกโดยสิ้นเชิงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2850/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาประเด็นใหม่ & ความรับผิดเจ้าของรถกรณีผู้ขับเป็นคนเดียวกัน
ข้อที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ หรือต่อสู้ไว้แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นและจำเลยมิได้คัดค้าน นั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดฐานะเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถยนต์โดยประมาททำให้โจทก์เสียหาย ถึงแม้ในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนขับก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 พ้นฐานะจากการเป็นผู้ครอบครองรถ เพียงแต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถอีกฐานหนึ่งด้วยเท่านั้น กรณีไม่ใช่เรื่องโจทก์นำสืบไม่สมฟ้องจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
การกล่าวในอุทธรณ์เพียงว่า ค่าเสียหายที่โจทก์นำสืบและศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาสูงเกินไป โดยมิได้กล่าวรายละเอียดให้ชัดแจ้งว่า ค่าเสียหายรายการใดที่สูงเกินไปเพราะเหตุใด เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดฐานะเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถยนต์โดยประมาททำให้โจทก์เสียหาย ถึงแม้ในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนขับก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 พ้นฐานะจากการเป็นผู้ครอบครองรถ เพียงแต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถอีกฐานหนึ่งด้วยเท่านั้น กรณีไม่ใช่เรื่องโจทก์นำสืบไม่สมฟ้องจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
การกล่าวในอุทธรณ์เพียงว่า ค่าเสียหายที่โจทก์นำสืบและศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาสูงเกินไป โดยมิได้กล่าวรายละเอียดให้ชัดแจ้งว่า ค่าเสียหายรายการใดที่สูงเกินไปเพราะเหตุใด เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2850/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาห้ามเรื่องอายุความและกรรมสิทธิ์รถที่ไม่ยกขึ้นในศาลล่าง และยืนตามศาลอุทธรณ์เรื่องความรับผิดของเจ้าของรถ
ข้อที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ หรือต่อสู้ไว้แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นและจำเลยมิได้คัดค้านนั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดฐานะเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถยนต์โดยประมาททำให้โจทก์เสียหาย ถึงแม้ในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนขับก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 พ้นฐานะจากการเป็นผู้ครอบครองรถเพียงแต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถอีกฐานะหนึ่งด้วยเท่านั้นกรณีไม่ใช่เรื่องโจทก์นำสืบไม่สมฟ้องจำเลยที่ 1ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
การกล่าวในอุทธรณ์เพียงว่า ค่าเสียหายที่โจทก์นำสืบ และ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาสูงเกินไป โดยมิได้กล่าวรายละเอียดให้ชัดแจ้งว่า ค่าเสียหายรายการใดที่สูงเกินไปเพราะเหตุใด เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดฐานะเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถยนต์โดยประมาททำให้โจทก์เสียหาย ถึงแม้ในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนขับก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 พ้นฐานะจากการเป็นผู้ครอบครองรถเพียงแต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถอีกฐานะหนึ่งด้วยเท่านั้นกรณีไม่ใช่เรื่องโจทก์นำสืบไม่สมฟ้องจำเลยที่ 1ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
การกล่าวในอุทธรณ์เพียงว่า ค่าเสียหายที่โจทก์นำสืบ และ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาสูงเกินไป โดยมิได้กล่าวรายละเอียดให้ชัดแจ้งว่า ค่าเสียหายรายการใดที่สูงเกินไปเพราะเหตุใด เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2399/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถเมื่อผู้อื่นขับรถชนบุคคลอื่น จำเป็นต้องแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับกับเจ้าของรถ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า หญิงไม่ทราบชื่อขับรถยนต์ของจำเลยชนโจทก์โดยประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้จำเลยร่วมรับผิดกับหญิงไม่ทราบชื่อใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าหญิงไม่ทราบชื่อนั้นมีฐานะความสัมพันธ์กับจำเลยอย่างไร เช่นมีฐานะเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยและกระทำไปในทางการที่จ้างหรือในกิจการแทนจำเลย ดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2399/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของรถ กรณีคนขับรถทำละเมิด จำเป็นต้องแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคนขับกับเจ้าของรถ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า หญิงไม่ทราบชื่อขับรถยนต์ของจำเลยชนโจทก์โดยประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้จำเลยร่วมรับผิดกับหญิงไม่ทราบชื่อใช้ค่าเสียหายให้โจทก์โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าหญิงไม่ทราบชื่อนั้นมีฐานะความสัมพันธ์กับจำเลยอย่างไร เช่นมีฐานะเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยและกระทำไปในทางการที่จ้างหรือในกิจการแทนจำเลยดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1882/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง: การเพิ่มเจ้าของรถและผู้รับประกันภัยใหม่เข้าในคำฟ้องเดิมที่เกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิด
เดิมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยจากจำเลยที่ 1 ส.ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถคันดังกล่าวมาตามทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อโจทก์ขอให้ใช้ค่าเสียหาย ต่อมาโจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุร่วมกับจำเลยที่ 1 และเป็นผู้เอาประกันภัย ส.เป็นลูกจ้างของจำเลยที่1กับห้างหุ้นส่วนจำกัดส.แม้คำฟ้องที่ยื่นภายหลังจะกล่าวอ้างพาดพิงไปถึงห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แต่โจทก์ยังขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามข้อหาเดิม กรณีจึงเป็นเรื่องเพิ่มเติมข้อเท็จจริงฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ คำฟ้องเดิมและที่ยื่นภายหลังเกี่ยวข้องกัน โจทก์ชอบที่จะขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถต่อการละเมิดของผู้อื่นขณะขับรถยนต์ของตน
ตำรวจขับรถยนต์ของกรมตำรวจกลับจากปฏิบัติราชการตำรวจกระทำโดยประมาท กรมตำรวจต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1 ก่อขึ้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันของเจ้าของรถและผู้ขับขี่จากการประมาททางรถยนต์ แม้ไม่มีความสัมพันธ์ตัวการตัวแทน
จำเลยที่ 1 อาสาขับรถให้จำเลยที่ 3 โดยมีจำเลยที่ 3 เจ้าของรถนั่งไปด้วย ระหว่างทางจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย กรณีเช่นนี้จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ตัวแทนจำเลยที่ 3 เพราะมิใช่เป็นกิจการที่ทำแทนตัวการต่อบุคคลที่ 3 เป็นกิจการในระหว่างจำเลยที่ 3 เจ้าของรถกับจำเลยที่ 1 ผู้อาสา จำเลยที่ 3 ผู้ครอบครองและจำเลยที่ 1 ผู้ควบคุมรถยนต์อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลจึงต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดแก่ยานพาหนะนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันของเจ้าของรถและผู้ขับขี่ กรณีอาสาขับรถ ความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437
จำเลยที่ 1 อาสาขับรถให้จำเลยที่ 3 โดยมีจำเลยที่ 3 เจ้าของรถนั่งไปด้วย ระหว่างทางจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย กรณีเช่นนี้จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ตัวแทนจำเลยที่ 3 เพราะมิใช่เป็นกิจการที่ทำแทนตัวการต่อบุคคลที่ 3 เป็นกิจการในระหว่างจำเลยที่ 3 เจ้าของรถกับจำเลยที่ 1 ผู้อาสา จำเลยที่ 3 ผู้ครอบครองและจำเลยที่ 1 ผู้ควบคุมรถยนต์อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลจึงต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3076/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เจ้าของรถที่เมาหลับไม่ได้ครอบครองหรือควบคุมรถ ผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย
เจ้าของรถเมาสุรานอนหลับอยู่ในรถยนต์ เพื่อนของเจ้าของรถขับรถไปธุระของเพื่อน รถชนผู้อื่น เจ้าของไม่ใช่ผู้ครอบครองรถหรือควบคุมรถตาม มาตรา 437