คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เรียกรับเงิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ต้องสงสัย คดีลักทรัพย์เกลื่อนกลืน
การที่จำเลยหยิบเอาเงินไป เนื่องจากที่ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148ความผิดเรื่องลักทรัพย์เกลื่อนกลืนเข้าไปในกรณีนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751-765/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริตหน้าที่ เรียกรับเงินเกินกว่าที่กำหนด และทำหลักฐานเท็จ
ปลัดอำเภอออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยไม่มีอำนาจ และรู้อยู่ว่าขัดขืนต่อคำสั่งระเบียบปฏิบัติ โดยเห็นแก่เงินที่เรียกร้องจากคนต่างด้าวเกินกว่าที่ควรต้องเสีย เอาส่วนเกินเป็นประโยชน์ของตนและแสร้งทำหลักฐานว่า ได้มีการสอบสวนดำเนินคดีทางอาญาแล้ว
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือ เพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230 และ 138 วรรค 2 แต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวล ก.ม.อาญา ม.3 ให้ใช้ ประมวล ก.ม.อาญา ม.161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230, และ ม.149 แทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.138 วรรค 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751-765/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริตเรียกรับเงินจากต่างด้าว และทำหลักฐานเท็จ
ปลัดอำเภอออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยไม่มีอำนาจและรู้อยู่ว่าขัดขืนต่อคำสั่งระเบียบปฏิบัติ โดยเห็นแก่เงินที่เรียกร้องจากคนต่างด้าวเกินกว่าที่ควรต้องเสีย เอาส่วนเกินเป็นประโยชน์ของตนและแสร้งทำหลักฐานว่าได้มีการสอบสวนดำเนินคดีทางอาญาแล้ว
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือเพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม กฎหมายลักษณะอาญา ม.230 และ138วรรคสองแต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา3 ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทนกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 230 และ มาตรา149 แทน กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา138 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานกรรโชก: การข่มขู่โดยอ้างเป็นเจ้าพนักงานและเรียกรับเงิน
ในเรื่องความผิดฐานกรรโชก โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจใช้วาจาขู่เข็ญว่าไม่รับสัญญาให้เงินจะมีเรื่องเป็นการขู่เข็ญขืนใจให้มีความกลัวตาม มาตรา 303 ดังนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ได้ความว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจขู่เข็ญผู้เสียหายให้รับสัญญาจะส่งเงินให้ถ้าไม่ให้จะมีเรื่อง และผู้เสียหายได้สัญญาว่าจะส่งเงินให้โดยจำเลยไม่มีอำนาจทำได้ตาม กฎหมาย ดังนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก
แม้โจทก์จะแถลงว่าติดใจสืบพยานเพียงเท่านี้ เมื่อจำเลยอ้างตัวเองเบิกความเป็นพยาน โจทก์ก็ชอบที่จะนำคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่โจทก์ไม่ติดใจสืบยื่นเป็นพยานต่อศาลเพื่อพิสูจน์คำให้การของจำเลยได้เมื่อศาลเห็นว่ามีมูลก็มีอำนาจรับไว้วินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406-408/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกรับเงินจากราษฎรโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตนและผู้อื่นถือเป็นความผิดอาญา
ปลัดอำเภอตรวจสอบอาวุธปืนกับใบอนุญาตตามคำสั่งกระทรวงได้เรียกเงินจากราษฎรในการนี้ตามข้อตกลงระหว่างกรมการอำเภอเพื่อเอาเงินไปสร้างที่พักข้าราชการ โดยที่ไม่เป็นเงินที่จำต้องให้ตามกฎหมายย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 137
ปลัดอำเภอเรียกเงินราษฎรเพื่อมาสร้างที่พักตามความคิดของกรมการอำเภอ แต่คงถูกฟ้องแต่จำเลยคนเดียวผู้อื่นไม่ถูกฟ้อง ก็เป็นเหตุควรรอการลงโทษได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจเรียกรับเงินจากผู้ต้องหาเพื่อแลกกับการปล่อยตัว ถือเป็นความผิดเรียกสินบน
การที่จำเลยผู้เป็นตำรวจจับเขามาด้วยข้อหาอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเรียกเอาเงินเขา เมื่อได้เงินแล้วก็ปล่อยไปนั้น แม้ข้อหาที่จับมานั้นจะเป็นข้อหาที่นมนานขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่า เป็นเรื่องเรียกสินบนเพื่อปฏิบัติการผิดหน้าที่ ซึ่งนอกเหนือเเหลือเกินมิชอบด้ยอำนาจหน้าที่ของจำเลย ย่อมเป็นผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกรับเงินจากผู้ถูกจับเพื่อแลกกับการปล่อยตัว ถือเป็นความผิดฐานเรียกสินบน
การที่จำเลยผู้เป็นตำรวจจับเขามาด้วยข้อหาอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเรียกเอาเงินเขา เมื่อได้เงินแล้วก็ปล่อยไปนั้น แม้ข้อหาที่จับมานั้นจะเป็นข้อหาที่นมนานขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่า เป็นเรื่องเรียกสินบนเพื่อปฏิบัติการผิดหน้าที่ ซึ่งนอกเหนือเหลือเกินมิชอบด้วยอำนาจหน้าที่ของจำเลย ย่อมเป็นผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1029/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต และความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดในการเรียกรับเงิน
จำเลยเป็นตำรวจประจำการได้สมคบกับพวกแกล้งกล่าวหาว่าเขาทำผิดกฎหมาย แล้วนำตัวเขาไปเพื่อดำเนินคดีระหว่างทางเขายอมให้เงิน 60 บาท แก่พวกจำเลยตามคำเรียกร้องของจำเลยกับพวก แล้วจำเลยก็ปล่อยเขากลับบ้านได้ ดังนี้จะถือได้ว่าจำเลยกับพวกใช้กำลังทำร้ายหรือขู่เข็ญจะทำหร้ายอันจะปรับบทเป็นความผิด ฐานชิงทรัพย์ไม่ได้ แต่อาจเป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 136 ได้
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่ง สมคบกันให้ใช้วาจาขู่เข็ญผู้เสียหายว่า จะจับกุมเพราะไม่เสียภาษีและไม่ออกใบรับเงินปิดอากรแสตมป์ โดยประสงค์จะเรียกร้องบังคับเอาเงินเป็นผลประโยชน์รายได้ อันมิควรจะได้ตามกฎหมาย ผู้เสียหายได้ถูกจับกุมไป ระหว่างทางมีความกลัวจึงให้เงินแก่พวกจำเลย เพื่อ+++จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานี...ฯลฯ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 136, 298 ดังนี้ พอถือได้ว่าเป็นฟ้องที่มีข้อหาในฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตด้วย ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 136 ได้
สำหรับผู้ทีมิได้เป็นเจ้าพนักงานนั้น ถ้าได้สมคบกับเจ้าพนักงานกระทำผิดตามมาตรา 136 แล้ว ก็มีโทษตามมาตรา 136 ได้ แต่ผิดเพียงฐานสมรู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1029/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในทางทุจริตเรียกรับเงิน, สมคบกระทำผิด, ความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยเป็นตำรวจประจำการได้สมคบกับพวกแกล้งกล่าวหาว่าเขาทำผิดกฎหมาย แล้วนำตัวเขาไปเพื่อจะดำเนินคดี ระหว่างทางเขายอมให้เงิน 60 บาทแก่พวกจำเลยตามคำเรียกร้องของจำเลยกับพวก แล้วจำเลยก็ปล่อยเขากลับบ้านได้ ดังนี้จะถือว่าจำเลยกับพวกใช้กำลังทำร้ายหรือขู่เข็ญจะทำร้ายอันจะปรับบทเป็นความผิด ฐานชิงทรัพย์ไม่ได้ แต่อาจเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136 ได้
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่ง สมคบกันใช้วาจาขู่เข็ญผู้เสียหายว่า จะจับกุมเพราะไม่เสียภาษีและไม่ออกใบรับเงินปิดอากรแสตมป์โดยประสงค์จะเรียกร้องบังคับเอาเงินเป็นผลประโยชน์รายได้ อันมิควรจะได้ตามกฎหมายผู้เสียหายได้ถูกจับกุมไป ระหว่างทางมีความกลัวจึงให้เงินแก่พวกจำเลย เพื่อให้จำเลยปล่อยตัวฯลฯ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีฯลฯ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136,298 ดังนี้ พอถือได้ว่าเป็นฟ้องที่มีข้อหาในฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตด้วย ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 136 ได้
สำหรับผู้ที่มิได้เป็นเจ้าพนักงานนั้น ถ้าได้สมคบกับเจ้าพนักงานกระทำผิดตามมาตรา 136 แล้ว ก็มีโทษตามมาตรา 136 ได้ แต่ผิดเพียงฐานสมรู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำนันและราษฎรเรียกรับเงินจากผู้ต้องหาเพื่อปล่อยตัว เป็นความผิดเจ้าพนักงานทุจริต
จำเลยที่ 1 เป็นกำนัน จำเลยที่ 2 เป็นราษฎร ได้ไปจับกุมนายรัตน์ นายมิ่ง หาว่าเป็นคนร้ายใช้สากกระเดื่องขว้างปานายเหนาะน้องชายจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บแล้วคุมตัวนายรัตน นายมิ่งมาที่บ้านจำเลยที่ 1 จำเลยได้เรียกเอาเงินจากนายรัตน นายมิ่งคนละ 150 บาท และว่าถ้าให้เงินจะเลิกคดีปล่อยตัวไป นายรัตน นายมิ่งขอให้เงินเพียงคนละ 100 บาท จำเลยที่ 1 ก็ยอม พวกของนายรัตน นายมิ่งได้นำเงินมาให้แก่จำเลยที่ 1 ๆ รับเงินแล้วพูดว่าเลิกได้ แล้วนายรัตน, นายมิ่งก็พากันกลับบ้าน การกระทำดังนี้ย่อมเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำการทุจจริตในหน้าที่ ส่วนการที่จำเลยขู่ว่า ถ้าไม่หาเงินมาให้นั้นจะส่งไปให้พวกบ้านหนองนาแซงฆ่าเสียนั้น ถ้าเป็นความจริงกลับจะทำให้ความผิดของจำเลยมีโทษหนักขึ้น หาใช่จะทำให้ความผิดของจำเลยสูญหายไปหมดมิได้
of 11