พบผลลัพธ์ทั้งหมด 241 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8380/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำร้องสอดเพื่อประโยชน์แห่งสิทธิของผู้อื่นในคดีที่ดิน: เหตุสมควรและป้องกันการสืบพยานซ้ำ
การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1)นั้น ศาลจะอนุญาตหรือไม่ ต้องแล้วแต่เหตุสมควรตามพฤติการณ์ยังไม่มีการสืบพยาน-จำเลย ส่วนพยานโจทก์ ซึ่งต้องสืบก่อนศาลก็งดสืบเพราะเป็นความผิดของโจทก์เองดังนั้น หากจะรับคำร้องสอดไว้พิจารณาก็จะทำให้คดีเกี่ยวกับที่ดินพิพาทนี้เสร็จไปได้ในคราวเดียวโดยไม่ต้องให้ผู้ร้องสอดต้องไปฟ้องโจทก์จำเลยใหม่ เพราะแม้ผู้ร้องสอดจะฟ้องโจทก์จำเลยเป็นอีกคดีหนึ่ง ก็จะต้องสืบพยานโจทก์ จำเลยซึ่งน่าจะเป็นพยานชุดเดียวกัน ทำให้ต้องมีการสืบพยานซ้ำอีก เมื่อกรณีมีเหตุที่ผู้ร้องสอดจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ โดยได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลที่คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรที่จะรับคำร้องสอดของผู้ร้องสอดไว้พิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8380/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้ร้องสอดเป็นคู่ความในคดีที่ดินพิพาท: เหตุสมควรตามพฤติการณ์เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาคดี
การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา57(1)นั้นศาลจะอนุญาตหรือไม่ต้องแล้วแต่เหตุสมควรตามพฤติการณ์ยังไม่มีการสืบพยานจำเลยส่วนพยานโจทก์ศาลก็งดสืบเพราะเป็นความผิดของโจทก์เองซึ่งหากจะรับคำร้องสอดไว้พิจารณาก็จะทำให้คดีเกี่ยวกับที่ดินพิพาทนี้เสร็จไปได้ในคราวเดียวโดยไม่ต้องให้ผู้ร้องสอดไปฟ้องโจทก์จำเลยใหม่เพราะแม้ผู้ร้องสอดจะฟ้องโจทก์จำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งก็จะต้องสืบพยานโจทก์จำเลยซึ่งน่าจะเป็นพยานชุดเดียวกันทำให้ต้องมีการสืบพยานซ้ำอีกเมื่อกรณีมีเหตุที่ผู้ร้องสอดจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่โดยได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลที่คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณากรณีมีเหตุสมควรที่จะรับคำร้องสอดของผู้ร้องสอดไว้พิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการขอพิจารณาใหม่ จำเลยต้องแสดงเหตุสมควรที่ไม่อาจยื่นคำให้การได้ทัน
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยอ้างว่าเพิ่งทราบการส่งหมายและสำเนาคำฟ้องหลังจากพ้นกำหนดยื่นคำให้การแล้วแต่ตั้งใจที่จะแต่งทนายเพื่อซักค้านพยานโจทก์เนื่องจากยอดหนี้ที่โจทก์ฟ้องสูงกว่าความจริงจำเลยมีหลักฐานต่อสู้คดีได้คำขอดังกล่าวไม่มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลคำขอให้พิจารณาใหม่จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5700/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายความป่วย ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้เลื่อนคดีได้ การใช้ดุลพินิจศาล
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นอ้างว่าทนายโจทก์ป่วยกะทันหันไม่สามารถมาว่าความได้โดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดงซึ่งตามใบรับรองแพทย์ระบุว่าทนายโจทก์เป็นไข้หวัดเจ็บคอต่อมทอนซิลอักเสบอ่อนเพลียอันเป็นการอ้างเหตุขอเลื่อนคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา41หากข้ออ้างดังกล่าวเป็นความจริงก็ถือได้ว่ากรณีมีเหตุจำเป็นและมีเหตุสมควรที่ศาลชั้นต้นให้เลื่อนคดีตามมาตรา40จำเลยแถลงคัดค้านแต่เพียงว่าศาลได้กำชับไว้ในครั้งก่อนแล้วมิได้คัดค้านว่าคำร้องของทนายโจทก์ที่อ้างว่าป่วยเจ็บไม่เป็นความจริงจึงเท่ากับจำเลยยอมรับว่าทนายโจทก์ป่วยเจ็บจริงตามที่อ้างมาในคำร้องและใบรับรองแพทย์นอกจากนี้หากศาลมีความสงสัยว่าทนายโจทก์ป่วยเจ็บจริงหรือไม่ศาลก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา21(4)หรือจะตั้งเจ้าพนักงานศาลไปตรวจดูว่าทนายโจทก์ป่วยเจ็บจริงหรือไม่ก็ได้การที่ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวย่อมแสดงว่าศาลชั้นต้นมิได้สงสัยในเรื่องที่ทนายโจทก์อ้างว่าป่วยเจ็บจึงรับฟังได้ว่าทนายโจทก์ไม่สามารถมาศาลได้อันเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นสมควรให้เลื่อนคดีตามคำร้อง คดีนี้จำเลยฎีกาเฉพาะเรื่องที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีเท่านั้นจึงควรเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ส่วนที่จำเลยขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกประการนั้นเป็นคำขอที่เกินเลยไปจากคำฟ้องฎีกาที่ฎีกาคัดค้านเฉพาะเรื่องการเลื่อนคดีและเมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีว่าผู้ใดควรชนะคดีจำเลยก็ไม่อาจฎีกาในเนื้อหาแห่งคดีได้จำเลยจึงหาต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาตามจำนวนทุนทรัพย์ในคดีไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3526/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการขอให้พิจารณาใหม่ จำเลยต้องไม่จงใจขาดนัดจึงจะขอได้
การที่ศาลจะอนุญาตให้พิจารณาใหม่ได้ต้องเป็นกรณีที่มีคู่ความขาดนัดพิจารณาและมีเหตุสมควรเชื่อว่าคู่ความฝ่ายที่ขาดนั้นมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณาแม้ฟังข้อเท็จจริงด้วยว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนผู้จัดการมรดกเมื่อไม่มีทรัพย์สินเหลือและผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสีย
การที่ผู้คัดค้านร้องขอให้ถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกโดยอ้างว่าเจ้ามรดกจำหน่ายทรัพย์สินจนหมดสิ้นก่อนตายไม่มีทรัพย์มรดกเหลืออีกและผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดกนั้นถือว่าคดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1727วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6473/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การใช้กำลังตอบโต้เกินกว่าเหตุที่ถูกทำร้าย
แม้จำเลยจะเป็นหญิงรูปร่างเล็กกว่าผู้ตายมากก็ตาม แต่ผู้ตายเพียงแต่ใช้ไม้ไผ่ตีทำร้ายจำเลยเท่านั้น การที่จำเลยยิงผู้ตายถึง4 นัด และกระสุนปืนถูกผู้ตาย 2 นัด ที่บริเวณหน้าท้องอันเป็นอวัยวะสำคัญเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเป็นการกระทำโต้ตอบรุนแรงเกินสมควร การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องเพิกถอนผู้จัดการมรดก ศาลไม่จำเป็นต้องสืบพยาน หากจากการไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏเหตุสมควร
การที่ศาลชั้นต้นสอบข้อเท็จจริงถึงเหตุที่ผู้ร้องขอถอนผู้คัดค้านออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกโดยจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาและให้คู่ความลงชื่อไว้ ถือได้ว่าเป็นการไต่สวนแล้ว ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏเหตุที่สมควรเพิกถอนผู้คัดค้านออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นจึงวินิจฉัยยกคำร้องโดยไม่สืบพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีมีเหตุสมควร แม้ไม่ได้รับอนุญาตให้สืบพยาน ไม่ถือเป็นการประวิงคดี
ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน ทนายผู้ร้องมาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แสดงว่าผู้ร้องยังใส่ใจในคดี เมื่อผู้ร้องขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรกด้วยเหตุที่ผู้ร้องไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ต่างจังหวัดกลับมาไม่ได้ตามกำหนด ซึ่งแม้โจทก์จะแถลงคัดค้านคำร้องขอเลื่อนคดีก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้แถลงคัดค้านว่าข้ออ้างของผู้ร้องไม่ความจริง จึงนับได้ว่ามีเหตุจำเป็น แม้ผู้ร้องจะยื่นบัญชีระบุพยานไว้ แต่ศาลสั่งไม่รับ ก็ไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าผู้ร้องประวิงคดี จึงสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3723/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างที่เรียกรับเงินจากผู้สมัครงาน แม้ไม่มีอำนาจหน้าที่ เป็นเหตุเลิกจ้างชอบธรรม
โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย แม้โจทก์จะไม่มีอำนาจหน้าที่ในการรับบุคคลภายนอกเข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลย แต่เมื่อโจทก์เรียกและรับเงินจากผู้สมัครเข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลย ทำให้เห็นได้ว่าโจทก์อาศัยตำแหน่งความเป็นลูกจ้างของจำเลยไปแอบอ้างผลประโยชน์จากบุคคลภายนอก ทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจว่าการเข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยจะต้องมีการวิ่งเต้นเสียเงินตอบแทนทำให้จำเลยเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังเป็นการจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ทั้งถือได้ว่าเป็นการประพฤติผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอันเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยมิใช่เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม และจำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์อีกด้วย