พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3712/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถาน: การเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควรและความเข้าใจร่วมในการเข้าออก
ในคืนเกิดเหตุจำเลยซึ่งไม่มีอาวุธอะไรติดตัวได้เข้ามาเรียกผู้เสียหายที่หน้าประตูบ้านของผู้เสียหาย ให้ออกมาพูดกันให้รู้เรื่อง ผู้เสียหายไม่ออกไปแต่บอกให้จำเลยกลับไป พรุ่งนี้เช้าค่อยมาพูดกันใหม่ จำเลยก็ไม่กลับ เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะมาปรับความเข้าใจกับผู้เสียหายเกี่ยวกับเรื่องจำเลยสอบถามจะซื้อรถเข็นที่ทราบว่าผู้เสียหายจะขาย และข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยไปมาหาสู่บ้านผู้เสียหายบ่อยครั้ง จึงถือได้ว่าผู้เสียหายได้อนุญาตให้จำเลยเข้าออกในที่ดินและบ้านเรือนของผู้เสียหายได้เสมอ ที่ผู้เสียหายบอกให้จำเลยกลับบ้านไปพรุ่งนี้ค่อยมาพูดกัน มิใช่หมายความว่าผู้เสียหายไล่จำเลยออกไปจากที่ดินและบ้านเรือนของผู้เสียหายเป็นเพียงแต่ผู้เสียหายขอให้จำเลยเลื่อนไปพูดจาปรับความเข้าใจกันในวันรุ่งขึ้นเท่านั้นจำเลยจึงมีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในที่ดินและเคหสถานของผู้เสียหาย ไม่มีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1849/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างโดยชอบธรรมตามมติคณะรัฐมนตรีและการสิ้นสุดงาน
การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ มาตรา 52 นายจ้างจะต้องมีเหตุจำเป็นหรือเหตุอันสมควรที่จะเลิกจ้าง โดยเหตุนั้นอาจเกิดจากกรรมการลูกจ้างหรือเป็นเหตุจากทางฝ่ายนายจ้างหรือบุคคลภายนอกก็ได้ผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างเป็นรัฐวิสาหกิจ การดำเนินกิจการต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ผู้ร้องปลูกสร้างโรงแรมขึ้นใหม่ในที่ดินที่เป็นที่ตั้งโรงแรมเดิมผู้ร้องจึงจำเป็นต้องหยุดดำเนินกิจการโรงแรมดังกล่าว และทำให้งานซึ่งผู้คัดค้านทำอยู่ต้องสิ้นสุดลง ผู้ร้องจึงมีเหตุจำเป็นหรือเหตุอันสมควรที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1426/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้าง: เหตุผลความจำเป็นในการหยุดงานเพื่อดูแลภรรยาป่วย และการพิสูจน์เหตุอันสมควร
โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างได้ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกัน ปรากฏว่า วันที่ 31 มีนาคม 2529 เป็นวันจ่ายค่าจ้างเมื่อโจทก์รับค่าจ้างและเลิกงานเวลาประมาณ 17 นาฬิกา โจทก์ไปรับประทานอาหารกับเพื่อนแล้วโดยสารรถยนต์กลับจังหวัดสมุทรสงครามเมื่อเวลาประมาณ 22 นาฬิกา และถึงบ้านเมื่อเวลาประมาณ 23 นาฬิกาเศษ โจทก์ไม่เคยบอกเรื่องการป่วยของภรรยาโจทก์ให้ผู้ใดทราบ โจทก์เพิ่งนำภรรยาไปให้แพทย์ตรวจเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2529 แล้วพากลับบ้าน แสดงว่ามิได้ป่วยหนักพฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่เป็นเหตุอันควรที่จำเลยจะหยุดงานได้โดยไม่ต้องขอลาหยุดต่อจำเลยผู้เป็นนายจ้าง การกระทำของโจทก์จึงเป็นการละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(4) จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5657/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำลำรางสาธารณะและการปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน: เหตุอันสมควรและข้อแก้ตัว
ช.ฟ้องจำเลยว่าสร้างรั้วรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่ารั้วที่จำเลยสร้างรุกล้ำ ลำราง สาธารณประโยชน์ระหว่างที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นายอำเภอมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนรั้วออกจากลำรางสาธารณประโยชน์ดังกล่าว ดังนี้ มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจว่าตนมิได้สร้างรั้วรุกล้ำ ลำรางสาธารณประโยชน์ดังที่ถูกกล่าวหาทั้งจำเลยได้ให้ทนายความ มีหนังสือชี้แจงเหตุผลต่อนายอำเภอทันทีที่ทราบคำสั่งถือได้ว่าจำเลย ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายอำเภอโดยมีเหตุและข้อแก้ตัวอันสมควรจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5657/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำลำรางสาธารณะและการปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน: เหตุอันสมควรในการยกฟ้อง
ช.ฟ้องจำเลยว่าสร้างรั้วรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่ารั้วที่จำเลยสร้างรุกล้ำ ลำราง สาธารณประโยชน์ระหว่างที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นายอำเภอมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนรั้วออกจากลำรางสาธารณประโยชน์ดังกล่าว ดังนี้ มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจว่าตนมิได้สร้างรั้วรุกล้ำ ลำรางสาธารณประโยชน์ดังที่ถูกกล่าวหาทั้งจำเลยได้ให้ทนายความ มีหนังสือชี้แจงเหตุผลต่อนายอำเภอทันทีที่ทราบคำสั่งถือได้ว่าจำเลย ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายอำเภอโดยมีเหตุและข้อแก้ตัวอันสมควรจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4367/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้าง: เหตุอันสมควร, การลาที่ไม่ชอบ, และสิทธิในการได้รับค่าชดเชย/สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
โจทก์ขอลาหยุดงาน 3 วัน จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างไม่อนุญาตโจทก์จึงหยุดงานไป 4 วัน เพื่อเดิน ทางไปจัดเตรียมงานสมรสของบุตรที่ต่างจังหวัดตามประเพณีของท้องถิ่น ดังนี้ เป็นการละทิ้งหน้าที่โดยมีเหตุอันสมควร กรณีต้องด้วยข้อยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(4) จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุดังกล่าวจึงต้องจ่ายค่าชดเชย การละทิ้งการงานของลูกจ้างอันเป็นเหตุให้นายจ้างเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้านั้น ไม่จำต้องมีเหตุอันสมควรหรือไม่เมื่อโจทก์ขอลาหยุด แต่จำเลยไม่อนุญาต การที่โจทก์หยุดงานไปจึงเป็นการลาที่ไม่ชอบ ทั้งเป็นการไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย ถือได้ว่าเป็นการละทิ้งการงานตามป.พ.พ. มาตรา 583 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3132/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดในคดีภาษีอากร ศาลฎีกาเห็นว่าการหลงลืมไม่ใช่เหตุอันสมควร แม้โจทก์มีทางชนะคดี
โจทก์ขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานโดยอ้างเหตุว่า ข้อกำหนดคดีภาษีอากรแตกต่างจากกระบวนพิจารณาคดีแพ่งธรรมดาทำให้หลงลืมยื่นบัญชีระบุพยาน โจทก์มีทางชนะคดี และจำเลยไม่เสียเปรียบ เหตุเช่นนี้ไม่ใช่เหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 วรรคสี่ ที่ศาลภาษีอากรกลางไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ความตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลาเพื่อดูแลมารดาป่วยหนัก ไม่ถือเป็นการละทิ้งหน้าที่ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ
การละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 47(4) หมายถึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะต้องละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกัน มิใช่หมายถึงการละทิ้งหน้าที่นั้นกระทำไปโดยไม่สมควรเพราะเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของนายจ้าง ผู้คัดค้านลากิจกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดเพราะมารดาป่วยหนัก ครบกำหนดลากิจแล้วอาการของมารดาของผู้คัดค้านไม่ทุเลาลง ต้องเข้ารักษาที่สถานีอนามัยและโรงพยาบาลตามลำดับ ผู้คัดค้านได้โทรเลขถึงเพื่อนร่วมงานขอให้ลาต่อแทนดังนี้ การละทิ้งหน้าที่ของผู้คัดค้านมีเหตุอันสมควร กรณีไม่ต้องด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทย ฯ ข้อ 47(4) ผู้ร้องจะขออนุญาตเลิกจ้างผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2815/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าไปในเคหสถานเพื่อป้องกันยาเสพติด: เหตุอันสมควรทางกฎหมาย
จำเลยเข้าใจมาแต่แรกว่ายาที่ผู้เสียหายให้นาย ต.ไปเป็นยาเสพติดให้โทษ ขณะที่จำเลยเข้าไปในกุฏิของพระภิกษุ ว.ผู้เสียหาย นาย ถ. อยู่ในกุฏิของผู้เสียหายและหยิบยามาดู จำเลยเห็นยาดังกล่าวเข้าใจว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ จึงหยิบเอามาเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายมีไว้ในความครอบครองและจะเอาไปให้เจ้าอาวาสดู ดังนี้เป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร ไม่มีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2815/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกทำได้หากมีเหตุอันสมควร: เข้าใจผิดว่ายาเป็นของผิดกฎหมาย
จำเลยเข้าใจมาแต่แรกว่ายาที่ผู้เสียหายให้นาย ต. ไปเป็นยาเสพติดให้โทษ ขณะที่จำเลยเข้าไปในกุฏิของพระภิกษุ ว.ผู้เสียหาย นาย ถ. อยู่ในกุฏิของผู้เสียหายและหยิบยามาดู จำเลยเห็นยาดังกล่าวเข้าใจว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ จึงหยิบเอามาเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายมีไว้ในความครอบครองและจะเอาไปให้เจ้าอาวาสดู ดังนี้เป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร ไม่มีความผิดฐานบุกรุก