คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เอกสารปลอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 368 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8476/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรโดยสำแดงเท็จและใช้เอกสารราชการปลอม
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27ได้แยกการกระทำความผิดไว้หลายอย่าง แต่ละอย่างเป็นความผิด อยู่ในตัวเองไม่เกี่ยวข้องกัน ตามคำฟ้องและทางพิจารณา ปรากฏว่าเป็นความผิดฐานหลีกเลี่ยงค่าภาษีอากรคือของที่นำเข้ามาเป็นของที่ต้องเสียภาษีมิได้ลักลอบนำเข้าแต่เป็นการนำมาผ่านศุลกากรโดยสำแดงรายการสินค้าว่าเป็น ซี่ลวดรถจักรยาน ไม่มีเครื่องหมายการค้า อันเป็นความเท็จซึ่งความจริงสินค้าดังกล่าวเป็นซี่ลวดรถจักรยานยนต์เพื่อให้เสียค่าภาษีน้อยกว่าที่จะพึงต้องเสียโดยมีเจตนาจะหลักเลี่ยงค่าภาษี กรณีจึงมีความผิดตามมาตรา 27 การที่จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อ ใน ฐานะผู้นำเข้าในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าโดยรู้เห็นให้พนักงานออกของหรือชิปปิ้งนำต้นฉบับใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าดังกล่าวซึ่งได้มีการลบคำว่า "NOBRAND"ออก และเติมเครื่องหมายการค้ารูปดาวห้าแฉกไปยื่นต่อ ก. นายตรวจศุลกากร ให้ตรวจปล่อยสินค้าซี่ลวดและ ก. ได้ตรวจปล่อยสินค้าดังกล่าวไป จึงเป็นการร่วมกันใช้ เอกสารราชการปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ ก. และกรมศุลกากร การใช้เอกสารราชการปลอมดังกล่าวเป็นการ กระทำความผิดต่างฐานกันกับความผิดฐานหลีกเลี่ยงค่าภาษีอากร แม้มีความมุ่งหมายในการกระทำเป็นอย่างเดียวกัน แต่ก็เป็น การกระทำต่างวาระกัน และในแต่ละวาระก็เป็นความผิด สำเร็จแล้ว จึงเป็นการกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5598/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมบัตรเครดิตและใช้เอกสารปลอมเพื่อฉ้อโกง ศาลพิจารณาลดโทษจากความผิดฐานฉ้อโกงและการชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยปลอมบัตรเครดิตธนาคารแล้วใช้บัตรเครดิตดังกล่าวรูดกับเครื่องรูด บัตรเครดิตซึ่งธนาคารให้ไว้แก่จำเลยและปลอมเซลสลิปของบุคคลหลายคนเพื่อแสดงว่าผู้เป็นเจ้าของบัตรเครดิตได้ซื้อหรือใช้บริการด้วยบัตรเครดิตดังกล่าว จำเลยกระทำอยู่หลายครั้งอย่างมีระบบเป็นลักษณะมืออาชีพพฤติการณ์เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศจึงไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลยแต่ภายหลังกระทำผิดจำเลยรู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้าย โดยชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายจนผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในความผิดฐานฉ้อโกง จึงสมควรวางโทษให้เบาลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5189/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารปลอม สัญญาค้ำประกัน และผลผูกพันตามคำพิพากษาศาลฎีกา
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้โดยเอกสารสัญญากู้พิพาทยังไม่มีการกรอกข้อความ และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขอกู้ยืมจากโจทก์เป็นจำนวนเงินเพียง 200,000 บาท แต่ปรากฏว่าสัญญากู้ดังกล่าวกลับมีการกรอกข้อความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กู้ยืมเงินจากโจทก์เป็นจำนวน 2,800,000 บาท จึงเป็นการกรอกข้อความลงในสัญญากู้ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 2 เพียงแต่ลงลายมือชื่อให้ไว้ผิดไปจากความจริงโดยจำเลยทั้งสองมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย สัญญากู้พิพาทจึงเป็นเอกสารปลอม และสัญญาค้ำประกันที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 ลงลายมือชื่อไว้แล้วมีการกรอกข้อความว่าเป็นการค้ำประกันหนี้จำเลยที่ 1 จำนวนเงิน 2,800,000 บาท ซึ่งผิดไปจากความเป็นจริงโดยจำเลยที่ 3 ที่ 4 มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย จึงเป็นเอกสารปลอมเช่นกัน ถือได้ว่าการกู้ยืมเงินและการค้ำประกันคดีนี้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องบังคับตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันดังกล่าว
จำเลยที่ 3 ได้ฟ้องโจทก์เป็นจำเลย ขอให้จดทะเบียนปลดจำนองรายเดียวกันนี้ต่อศาลชั้นต้นซึ่งต่อมาคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาว่ามีหนี้เงินกู้จำนวน 200,000 บาท ซึ่งผูกพันสัญญาจำนอง คำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลยที่ 3 และโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความรายเดียวกันนี้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา145 วรรคหนึ่ง เมื่อมีหนี้เงินกู้จำนวน 200,000 บาท ซึ่งเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงผูกพันสัญญาจำนองรายนี้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องบังคับจำเลยที่ 3 ตามสัญญาจำนองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5189/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารปลอม สัญญาค้ำประกัน และการบังคับตามสัญญาจำนอง กรณีหนี้เงินกู้ไม่ตรงตามข้อตกลง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้โดยเอกสารสัญญากู้พิพาทยังไม่มีการกรอกข้อความ และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขอกู้ยืมจากโจทก์เป็นจำนวนเงินเพียง 200,000 บาท แต่ปรากฏว่าสัญญากู้ดังกล่าวกลับมีการกรอกข้อความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กู้ยืมเงินจากโจทก์เป็นจำนวน 2,800,000 บาท จึงเป็นการกรอกข้อความลงในสัญญากู้ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 2 เพียงแต่ลงลายมือชื่อให้ไว้ผิดไปจากความจริงโดยจำเลยทั้งสองมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย สัญญากู้พิพาทจึงเป็นเอกสารปลอม และสัญญาค้ำประกันที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 ลงลายมือไว้แล้วมีการกรอกข้อความว่าเป็นการค้ำประกันหนี้จำเลยที่ 1 จำนวนเงิน 2,800,000บาท ซึ่งผิดไปจากความเป็นจริงโดยจำเลยที่ 3 ที่ 4 มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย จึงเป็นเอกสารปลอมเช่นกัน ถือได้ว่าการกู้ยืมเงินและการค้ำประกันคดีนี้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องบังคับตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันดังกล่าว จำเลยที่ 3 ได้ฟ้องโจทก์เป็นจำเลย ขอให้จดทะเบียนปลดจำนองรายเดียวกันนี้ต่อศาลชั้นต้นซึ่งต่อมาคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาว่ามีหนี้เงินกู้จำนวน 200,000 บาท ซึ่งผูกพันสัญญาจำนองคำพิพากษาศาลฎีกาว่ามีหนี้เงินกู้จำนวน 200,000 บาท ซึ่งผูกพันสัญญาจำนอง คำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลยที่ 3 และโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความรายเดียวกันนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคหนึ่ง เมื่อมีหนี้เงินกู้จำนวน 200,000 บาท ซึ่งเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงผูกพันสัญญาจำนองรายนี้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องบังคับจำเลยที่ 3 ตามสัญญาจำนองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6559/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โมฆะเนื่องจากสำคัญผิดในนิติกรรมจากเอกสารปลอม
โจทก์เพียงแต่ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจในช่องผู้มอบอำนาจเพียงชื่อเดียว โดยมิได้กรอกข้อความหรือยินยอมให้ผู้อื่นกรอกข้อความใด ๆ ลงไปเมื่อมีการกรอกข้อความโดยที่มิได้รับความยินยอมจากโจทก์ จึงเป็นการปลอมเอกสารหนังสือมอบอำนาจและหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินซึ่งทำขึ้นโดยอาศัยใบมอบอำนาจดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะโจทก์สำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม จึงตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 119 เดิม ไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6559/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจโดยไม่ยินยอมให้กรอกข้อความเพิ่มเติม ถือเป็นเอกสารปลอมและทำให้สัญญาที่ทำขึ้นโดยอาศัยเอกสารนั้นเป็นโมฆะ
โจทก์เพียงแต่ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจในช่องผู้มอบอำนาจเพียงชื่อเดียวโดยมิได้กรอกข้อความหรือยินยอมให้ผู้อื่นกรอกข้อความใดๆลงไปเมื่อมีการกรอกข้อความโดยที่มิได้รับความยินยอมจากโจทก์จึงเป็นการปลอมเอกสารหนังสือมอบอำนาจและหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินซึ่งทำขึ้นโดยอาศัยใบมอบอำนาจดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะโจทก์สำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา119เดิมไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6352/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินโดยปราศจากอำนาจและเจตนาที่แท้จริง ถือเป็นเอกสารปลอม สิทธิยังเป็นของเจ้าของเดิม
โจทก์เป็นหนี้จำเลยที่ 1 จำนวนหนึ่ง จึงมอบ น.ส.3ของที่ดินพิพาทและลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1ยึดถือไว้ แต่ก็ได้แสดงความเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทและไม่เคยมอบอำนาจให้ผู้ใดขายที่ดินพิพาท การที่มีการกรอกข้อความในหนังสือ มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 3จึงเป็นการกรอกข้อความโดยปราศจากอำนาจและเป็นเอกสารปลอม ต้องถือว่านิติกรรมซื้อขายมิได้เกิดขึ้น สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ยังเป็นของโจทก์ประกอบกับสามีจำเลยที่ 1 เป็นพี่เขย ของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 เป็นสามีของจำเลยที่ 3 ย่อม รู้ว่าโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ขายที่ดินพิพาท ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 รับโอนที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริตจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ฟ้องไม่ชอบเมื่อไม่ได้บรรยายถึงการใช้เอกสารนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย
ตามคำฟ้องของโจทก์ฐานปลอมเอกสารโจทก์บรรยายมีใจความสำคัญแต่เพียงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันปลอมเอกสารซึ่งเป็นหนังสือมอบอำนาจรวม2ฉบับโดยกรอกข้อความลงในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวซึ่งมีลายมือชื่อของนาย ย. โดยไม่ได้รับความยินยอมเท่านั้นมิได้บรรยายว่าจำเลยกระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนไว้ด้วยฟ้องโจทก์ฐานปลอมเอกสารทั้งสองสำนวนจึงขาดองค์ประกอบอันสำคัญสำหรับความผิดฐานปลอมเอกสาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารปลอมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาได้ แม้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ และการวินิจฉัยความเสียหายไม่เกินคำขอ
สำเนาเอกสารสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่โจทก์อ้างเป็นพยานเป็นเอกสารที่จำเลยนำมามอบให้แก่โจทก์ร่วมศาลรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้แม้เอกสารดังกล่าวจะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากรมาตรา118ก็ตามจะใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้เฉพาะคดีแพ่งเท่านั้นไม่รวมถึงคดีอาญาด้วย โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานปลอมเอกสารปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมว่าโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายป.ส.ช.ล.ผู้อื่นและประชาชนโดยไม่ได้บรรยายว่าจะเกิดความเสียหายอย่างใดการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมเพราะโจทก์ร่วมอาจจะฟ้องร้องให้ผู้มีชื่อเป็นผู้จะขายที่ดินโอนที่ดินให้โจทก์ร่วมนั้นมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารต้องทำให้เกิดความเสียหาย – ภาพถ่ายตนเองไม่ถือเป็นเอกสารปลอม
การที่จำเลยนำเอาภาพถ่ายของจำเลยเองมาปิดทับลงในสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถของจำเลย ถึงแม้จะกระทำไปเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจและบุคคลทั่วไปหลงเชื่อว่าเป็นต้นฉบับเอกสารที่แท้จริง แต่ในเมื่อเป็นภาพถ่ายของจำเลยและเป็นสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถของจำเลยเอง การกระทำของจำเลยย่อมไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ แก่ผู้อื่นหรือประชาชน จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร แม้จำเลยจะนำไปใช้ก็ไม่ทำให้จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามที่โจทก์ฟ้องไปได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยผู้ฎีกาก็ยกขึ้นอ้างได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
of 37