พบผลลัพธ์ทั้งหมด 231 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2923/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการขาดอำนาจฟ้องเนื่องจากระยะเวลาการฟ้องเกินกำหนด
ประเด็นเรื่องสิทธิครอบครองที่พิพาท จำเลยไม่ได้อุทธรณ์จึงยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นเรื่องนี้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองได้แสดงโดยชัดแจ้งถึงอำนาจครอบครอง โจทก์ทราบเหตุที่โจทก์ถูกโต้แย้งการครอบครอง ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2520 และครั้งที่สองที่จำเลยไปขอออก น.ส.3 เมื่อปี 2521 และโจทก์ไปแจ้งแก่เจ้าพนักงานที่ดินอีกเมื่อปี 2524 เมื่อนับระยะเวลาที่โจทก์ทราบเหตุแห่งการแย่งการครอบครองจนถึงวันฟ้องจึงเป็นเวลาเกินหนึ่งปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 วรรคสอง ดังนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2396/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และอายุความฟ้องคดีแย่งการครอบครอง ที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์
การที่โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยได้บุกรุกที่ดินของโจทก์ตั้งแต่ปี 2528 ตลอดมาจนถึงปี 2530 ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี แล้ว นั้น ศาลสามารถหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้โดยไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปอีก ดังนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป และโจทก์นำพยานมาสืบเป็นอย่างอื่นก็ถือได้ว่าโจทก์สืบพยานนอกฟ้องนอกประเด็นรับฟังไม่ได้ที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเอาข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายในคำฟ้องขึ้นเป็นข้อวินิจฉัยจึงเป็นการพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมายและตรงตามข้อหาในคำฟ้องแล้ว เมื่อฟังว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทเกิน1 ปี แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1297/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องแสดงเจตนาเป็นเจ้าของ การขอออก น.ส.3 ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
เมื่อปรากฏว่าจำเลยยังอยู่ในที่ดินพิพาทในฐานะผู้อาศัยสิทธิของผู้เช่า โดยไม่มีการเปลี่ยนเจตนายึดถือการครอบครองต่อผู้ให้เช่าว่าจำเลยจะครอบครองที่ดินพิพาทในนามของตนเองอย่างเป็นเจ้าของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 การที่จำเลยเพียงดำเนินการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จึงไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท กรณีไม่เป็นการแย่งการครอบครองไม่ว่าจำเลยจะอยู่ในที่ดินพิพาทต่อมาอีกนานเท่าใด จำเลยจึงไม่ใช่ผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่หลังสัญญาประนีประนอมยอมความ & การครอบครองปรปักษ์: ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
จำเลยทั้งสองเคยถูกพนักงานอัยการฟ้องข้อหาบุกรุกที่ดินพิพาทของโจทก์ ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงยอมความกันให้จำเลยที่ 1 อยู่ในที่ดินต่อไปจนกว่าจะเก็บพืชผลเสร็จ และผู้ดูแลที่พิพาทของโจทก์อนุญาตให้จำเลยที่ 2 อาศัยอยู่ได้ การที่จำเลยทั้งสองอยู่ในที่ดินต่อมาจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก ต่อมาโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยที่ 1 ออกจากที่พิพาทอีก ศาลพิพากษายกฟ้องว่าโจทก์ฟ้องภายหลัง 1 ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครอง โดยมิได้วินิจฉัยถึงสิทธิหน้าที่ของโจทก์จำเลยที่ 1 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยที่ 1 เป็นคดีนี้โดยอ้างข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ประเด็นที่ศาลยกฟ้องในคดีที่สองกับประเด็นคดีนี้แตกต่างกัน ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตาม มาตรา 148 โจทก์ฟ้องคดีนี้ให้จำเลยที่ 1 ออกไปจากที่พิพาทโดยอาศัยสัญญาประนีประนอมยอมความและให้จำเลยที่ 2 ออกไปจากที่พิพาทที่จำเลยที่ 2 อาศัยอยู่ตามที่ศาลฎีกาได้ฟังข้อเท็จจริงไว้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่ใช่กรณีถูกแย่งการครอบครองแล้วฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครอง ไม่อยู่ในบังคับให้ฟ้องภายใน 1 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2146/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการไม่เข้าครอบครองที่ดินของโจทก์ ทำให้ไม่เกิดอายุความการฟ้องแย่งการครอบครอง
เมื่อจำเลยให้การและนำสืบว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย และจำเลยครอบครองทำประโยชน์ตลอดมาจนบัดนี้ โจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองที่ดินพิพาทแสดงว่าจำเลยหาได้แย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์แต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงไม่จำต้องฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า โจทก์ฟ้องเกิน 1 ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครองหรือไม่ก็ตาม กรณีก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่เมื่อใด และเกินกำหนดเวลาเรียกคืนการครอบครองหรือฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่วินิจฉัยปัญหานี้ชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินต่อเนื่องและการแย่งการครอบครอง: สิทธิของผู้ครอบครองเดิม
เดิม จ. มารดาโจทก์ กับ ล. ครอบครองที่ดินร่วมกัน ต่อมาบุคคลทั้งสองได้แยกกันครอบครองเป็นสัดส่วน โดย จ. ครอบครองที่พิพาท ส่วนที่ดินที่เหลือ ล. ครอบครอง โดยโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ จ. ยังไม่ถึงแก่กรรมตลอดมาจนถึงปัจจุบันแม้ต่อมา ล. จะขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินทั้งแปลงรวมทั้งที่พิพาทแล้วทำนิติกรรมยกให้จำเลยทั้งสอง โดยทั้ง ล. และจำเลยทั้งสองไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาทเลย ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การแย่งการครอบครองต้องมีการครอบครองจริงก่อน การโอนสิทธิโดยไม่เข้าครอบครองไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
เดิมมารดาโจทก์กับ ล. ครอบครองที่ดินร่วมกัน ต่อมาได้แยกกันครอบครองเป็นสัดส่วน โดยมารดาโจทก์ครอบครองที่พิพาท ล. ครอบครองส่วนที่เหลือ โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทตั้งแต่มารดาโจทก์ยังไม่ถึงแก่กรรมตลอดมาจนถึงปัจจุบัน การที่ ล. ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินทั้งแปลงรวมทั้งที่พิพาทแล้วทำนิติกรรมยกให้จำเลยทั้งสอง โดยทั้ง ล. และจำเลยทั้งสองไม่เคยเข้าครอบครองที่พิพาท ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาทมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินต่อเนื่องและการฟ้องแย่งการครอบครองเกิน 1 ปี ไม่ขาดอายุความ
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ครอบครองตลอดมา การที่จำเลยไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทจึงเป็นเพียงการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ เมื่อจำเลยไม่ได้เข้าไปแย่งการครอบครองที่พิพาท แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยหลังจากจำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เกินกว่า 1 ปี โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการครอบครองที่ดิน: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากไม่ได้ลงลายมือชื่อแต่งทนาย และการครอบครองไม่ถึงขั้นแย่งการครอบครอง
โจทก์ที่ 1 มิได้ลงลายมือชื่อในใบแต่งทนายความ แม้โจทก์ที่ 1จะรับรองหรือให้สัตยาบันการแต่งตั้งก็ไม่ทำให้การแต่งตั้งนั้นสมบูรณ์ขึ้นมาได้ โจทก์ที่ 1 จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อข้อเท็จจริงมาปรากฏในชั้นพิจารณา ศาลย่อมมีอำนาจหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยได้ ที่พิพาทเป็นที่ดินที่โจทก์ที่ 2 และชาวบ้านร่วมกันบริจาคเงินซื้อ เพื่อจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ โดยใช้ชื่อว่า "วัด ส." แต่วัดดังกล่าวยังไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งตามกฎหมาย ที่พิพาทจึงเป็นของโจทก์ที่ 2 ในฐานะเจ้าของร่วมอยู่ด้วยโจทก์ที่ 2 ยังมิได้สละสิทธิครอบครองแต่อย่างใด การที่โรงเรียน บ. มาสร้างอาคารเรียน และบ้านพักครูขึ้นในที่พิพาทเป็นการเข้าอยู่โดยได้รับอนุญาตจากโจทก์ที่ 2 จำเลยที่ 4 จึงไม่มีสิทธินำที่พิพาทไปขอออกน.ส.3 ก. ในชื่อขององค์การบริหารส่วนจังหวัด กรณียังถือไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครอง แม้จะครอบครองต่อไปนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครองที่พิพาท จึงมิใช่เป็นกรณีการฟ้องคดี เพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5957/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์: การแย่งการครอบครองและผลกระทบต่อสิทธิเรียกร้องคืน
มารดาโจทก์จำเลยถึงแก่ความตายเมื่อปี พ.ศ. 2520 หลังจากมารดาถึงแก่ความตายไปได้ประมาณ 5 เดือน โจทก์ได้บอกจำเลยว่า มารดาทำพินัยกรรมยกที่พิพาทตาม ส.ค.1 เลขที่ 27 ให้โจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไป จำเลยโต้แย้งว่ามารดายกที่ดินให้จำเลยแล้วจำเลยไม่ยอมมอบที่ดินให้โจทก์ ถือว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทจากโจทก์นับแต่วันนั้น โจทก์เพิ่งฟ้องคดีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน2527 เป็นเวลาเกิน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 วรรคสอง โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะเรียกเอาคืนการครอบครอง.