คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โต้แย้งสิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 221 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5480/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเมื่อสิทธิยังไม่ถูกโต้แย้ง: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหากยังไม่ได้ถูกจำเลยโต้แย้งสิทธิในที่ดิน
โจทก์ฟ้องว่ากรมสรรพากรจำเลยนำยึดที่ดินประกาศขายทอดตลาดเพื่อนำเงินไปชำระค่าภาษีอากรที่ ช. ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของรวมในที่ดินค้างชำระแก่จำเลย แม้ที่ดินตามโฉนดดังกล่าวเป็นถนนที่โจทก์และประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์ผ่านเข้าออกสู่ถนนสาธารณะมาตั้งแต่ พ.ศ. 2497 ก็ตาม แต่ตราบใดที่จำเลยยังไม่ได้ปิดกั้นถนนโจทก์และประชาชนทั่วไปก็คงใช้ถนนได้ตามปกติหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งยังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3644/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งสิทธิในที่ดินและการฟ้องขับไล่ แม้ยังมิได้เข้าครอบครอง ศาลย่อมถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิเจ้าของ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 บุกรุกเข้าไปในที่ดินพิพาทของโจทก์บางส่วน ต่อมาจำเลยที่ 1 ขายที่ดินดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 เข้าครอบครองต่อมา ขอให้ขับไล่และห้ามจำเลยทั้งสองเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินพิพาทดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทกรณีย่อมถือว่าจำเลยที่ 2 โต้แย้งสิทธิในที่ดินพิพาทของโจทก์แล้วแม้จำเลยที่ 2 จะยังไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทก็ตาม โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน กรณีไม่แจ้งการครอบครองตามกฎหมาย และการโต้แย้งสิทธิในที่ดินสาธารณสมบัติ
ที่ดินของโจทก์ทั้งห้าเป็นที่ดินมือเปล่า ซึ่งได้ครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องจากผู้ครอบครองเดิมตลอดมาก่อน ประมวลกฎหมายที่ดินฯใช้บังคับ แต่โจทก์ทั้งห้ามิได้แจ้งการครอบครองไว้ แม้ภายหลังจะมีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ออกมายกเลิกความใน มาตรา 5 วรรคสองแห่ง พระราชบัญญัติ ให้ใช้ ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 แต่ก็ไม่มีผลบังคับย้อนหลัง โจทก์ทั้งห้าจึงไม่มีสิทธิครอบครองขึ้นมาใหม่เว้นแต่จะเข้าหลักเกณฑ์ตาม มาตรา 58 ทวิ,59 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินฯ และระเบียบของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติฉบับที่ 2(พ.ศ. 2515) หมวด 2 ข้อ 4 ซึ่งเป็นกรณีมีเหตุสมควรและไม่มีเจตนาฝ่าฝืน เมื่อโจทก์ทั้งห้าอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนซึ่งได้ครอบครองต่อเนื่องจากผู้ครอบครองเดิมตลอดมา แม้มิได้แจ้งการครอบครองไว้แต่ก็ยังมีสิทธิครอบครองอยู่ตาม ประมวลกฎหมายที่ดินฯ มาตรา 58 ทวิและ 59 ทวิ และได้ยื่นคำร้องต่อจำเลยเพื่อขอให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งห้า จำเลยทั้งสามโต้แย้งว่าที่ดินโจทก์ทั้งห้าครอบครองเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและไม่ยอมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งห้าย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งห้าแล้วโจทก์ทั้งห้าจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2803/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเข้าเป็นจำเลยร่วมของผู้มีส่วนได้เสียในคดีขับไล่ เมื่อมีการโต้แย้งสิทธิโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นภรรยาของ ท. ซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินของโจทก์เพื่อปลูกบ้านพักและทำสวน ระหว่างสัญญาเช่า ท. ถึงแก่กรรมโจทก์อนุญาตให้จำเลยพร้อมบริวารอาศัยอยู่ต่อไปจนครบสัญญาเช่าจึงบอกกล่าวให้จำเลยและบริวารขนย้ายครอบครัวพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท แต่จำเลยเพิกเฉยจึงขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไป จำเลยให้การว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรเขยของจำเลยได้ตกลงเช่าที่ดินดังกล่าวกับโจทก์ต่อจากสามีจำเลยเพื่อใช้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม จำเลยไม่ได้เช่าที่ดินจากโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง ต่อมา ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยร่วมอ้างว่า ผู้ร้องเช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์ต่อจากสามีจำเลย จำเลยเป็นบริวารของผู้ร้อง ดังนี้ คำฟ้องโจทก์และคำให้การจำเลยมีข้อโต้เถียงเป็นประเด็นพิพาทถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งมีข้อต่อสู้ว่าโจทก์จะขับไล่ผู้ร้องด้วย ถือได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี มีสิทธิร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2803/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเข้าเป็นจำเลยร่วมของผู้เช่าที่พิพาทเมื่อถูกโต้แย้งสิทธิจากการฟ้องขับไล่
เมื่อคำฟ้องโจทก์และคำให้การจำเลยมีข้อโต้เถียงเป็นประเด็นพิพาทถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งมีข้อต่อสู้ว่าโจทก์จะขับไล่ผู้ร้องด้วยดังที่อ้างว่าเป็นบริวารของจำเลย จึงถือได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขาย: การยกเลิกสัญญาต้องทำกับคู่สัญญาโดยตรง การโต้แย้งสิทธิของโจทก์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินให้โจทก์ จะจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2531ต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยจะขายที่ดินให้ผู้อื่นในราคาสูงกว่าโจทก์จึงแจ้งให้จำเลยไปทำการโอนที่ดินให้โจทก์ภายในวันที่ 10มิถุนายน 2531 แต่จำเลยหลบหน้าไม่ยอมโอนที่ดินให้โจทก์วันที่13 มิถุนายน 2531 โจทก์จึงฟ้องจำเลย ขอให้บังคับจำเลยรับเงินที่เหลือและโอนที่ดินให้โจทก์ จำเลยให้การว่า ได้มีการยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายกันแล้ว จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แสดงว่าจำเลยไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินนั้นแล้ว เงื่อนเวลาจึงไม่เป็นข้อที่จำเลยจะอ้างเป็นประโยชน์ได้อีกต่อไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการโต้แย้งสิทธิ: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหากยังไม่มีการโต้แย้งสิทธิการครอบครองที่ชัดเจน
การที่จำเลยอ้างกับโจทก์ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยไม่เคยขายให้โจทก์ ขอให้โจทก์ออกไปจากที่ดินพิพาท ทั้งคำฟ้องของโจทก์ก็มิได้ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามสัญญาซื้อขายเพียงแต่ขอให้ศาลพิพากษาแสดงสิทธิว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทเท่านั้น ยังไม่มีการกระทำสิ่งใดอันจะถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)ประกอบมาตรา 246 แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของร่วมในสินสมรสประเภทเงินฝาก การไม่ยินยอมลงชื่อถือเป็นการโต้แย้งสิทธิ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายมีสินสมรสเป็นเงินฝากธนาคารจำนวนหนึ่ง จำเลยได้ถอนเงินจากธนาคารจนหมดสิ้น โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ และนำไปฝากไว้ที่ธนาคารอื่นโจทก์ขอให้จำเลยยินยอมให้โจทก์ลงชื่อร่วมในบัญชีเงินฝาก แต่จำเลยไม่ยินยอมเป็นการขัดขวางการจัดการสินสมรสของโจทก์โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ขอให้ศาลสั่งแยกสินสมรสหรือให้โจทก์ลงชื่อร่วมในบัญชีเงินฝากเช่นนี้ แม้ตามคำฟ้องของโจทก์จะมิใช่กรณีที่โจทก์อาจร้องขอให้ศาลสั่งให้แยกสินสมรสได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1484เพราะจำเลยมิใช่ผู้มีอำนาจจัดการสินสมรสฝ่ายเดียวก็ตาม แต่โจทก์ก็ขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมในบัญชีเงินฝากเพื่อการเบิกถอนเงินด้วย เงินฝากในธนาคารเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นสินสมรสจำพวกที่มีเอกสารเป็นสำคัญซึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 1475 ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมในเอกสารนั้นได้ เมื่อจำเลยไม่ยินยอมกรณีจึงถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกิดขึ้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3631/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากจำเลยยังไม่ได้รบกวนการครอบครอง โจทก์ต้องแสดงการโต้แย้งสิทธิชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ส.ขายที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ 2 แปลง ซึ่งเป็นที่พิพาทให้แก่โจทก์ในราคา 75,500 บาทส.ได้รับเงินครบถ้วนแล้ว และมอบการครอบครองที่พิพาทให้โจทก์ตั้งแต่วันทำสัญญา โจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมากว่า 9 ปี จำเลยยื่นคำร้องขอจัดการมรดกของ ส.โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นมรดกของส.ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าว ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์ หรือแย่งสิทธิครอบครองของโจทก์แต่อย่างใดอันจะถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3612/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีสัญญาซื้อขายที่ดิน ต้องแสดงการผิดสัญญาหรือการโต้แย้งสิทธิ
โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยมูลเหตุตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินซึ่งจำเลยทำไว้กับโจทก์ แต่ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยประพฤติหรือปฏิบัติผิดสัญญาดังกล่าว อันเป็นการ โต้แย้ง สิทธิหรือหน้าของโจทก์เกี่ยวกับสัญญาดังกล่าว โจทก์จึงไม่ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ศาลไม่รับ คำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
of 23