พบผลลัพธ์ทั้งหมด 271 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3781/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องเกินกำหนด: ศาลต้องไต่สวนก่อนตัดสิน
เมื่อตามคำร้องไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ทราบการฝ่าฝืนกฎหมายเมื่อใดข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องเกินกำหนด 8 วัน นับแต่ทราบพฤติการณ์แห่งการฝ่าฝืนตาม ป.วิ.พ.มาตรา 296 วรรคสองหรือไม่ ศาลชั้นต้นชอบที่จะทำการไต่สวนเสียก่อน ที่ศาลชั้นต้นด่วนยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่ได้ทำการไต่สวนเสียก่อนจึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3781/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการไต่สวนคำร้องคัดค้าน การดำเนินการตามกฎหมายต้องพิสูจน์ทราบเวลาที่ผู้ร้องทราบเหตุฝ่าฝืนเสียก่อน
เมื่อตามคำร้องไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ทราบการฝ่าฝืนกฎหมายเมื่อใด ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องเกินกำหนด8 วัน นับแต่ทราบพฤติการณ์แห่งการฝ่าฝืนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองหรือไม่ศาลชั้นต้นชอบที่จะทำการไต่สวนเสียก่อน ที่ศาลชั้นต้นด่วนยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่ได้ทำการไต่สวนเสียก่อนจึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3343/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการประเมินราคาทรัพย์สินที่ต่ำกว่าราคาตลาด ศาลต้องไต่สวนเพื่อพิจารณาเพิกถอนการขายทอดตลาด
หากข้อเท็จจริงได้ความว่า การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ของจำเลย ต่ำกว่าราคาแท้จริงในท้องตลาดซึ่งมีราคา 8,123,000 บาท หลายเท่าตัว โดยไม่ตรวจสอบราคาอันถูกต้องแท้จริงเสียก่อน และขายทอดตลาดแก่ บ. ไปในราคา2,335,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาที่ประเมินไว้ ย่อมส่อพฤติการณ์ว่าไม่สุจริตอยู่ในตัว และหาก บ. ผู้ประมูลได้เคยตกลงจะเข้าประมูลในราคาถึง 5,000,000 บาท แต่กลับประมูลในราคาต่ำเช่นนี้ ย่อมเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตทำให้จำเลยหลงเชื่อไม่เตรียมหาผู้อื่นมาประมูลสู้ราคา เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ การที่ศาลชั้นต้นด่วนสั่งยกคำร้องของจำเลย โดยไม่ไต่สวนพยานจำเลยเสียก่อน และศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนโดยอ้างเหตุเดียวกันว่าผู้ซื้อประมูลได้ต่ำกว่าราคาประเมินขณะยึดไม่มากแต่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของสำนักงานที่ดิน ทั้งในการขายทอดตลาดครั้งแรกจำเลยเคยแถลงคัดค้านราคาไว้แต่ไม่ได้หาคนมาสู้ราคาในครั้งที่สอง และไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่า การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินไปโดยไม่สุจริตนั้น เป็นการไม่ชอบ เพราะราคาที่ขายไปทำให้จำเลยเสียหายมากน้อยเพียงใดนั้น ต้องคำนวณจากราคาแท้จริงในท้องตลาด หาใช่คำนวณจากราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ขณะยึดทรัพย์ไม่และที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1อ้างว่าจำเลยมิได้หาคนมาสู้ราคาในครั้งที่สองนั้น เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นเอง โดยคู่ความยังมิได้นำสืบพยานว่า บ.เป็นบุคคลที่จำเลยหามาสู้ราคาหรือไม่ ถือได้ว่าเป็นการวินิจฉัยนอกสำนวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยเสียก่อนที่จะมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3094/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ได้รับสำเนาคำฟ้องและการไต่สวนพฤติการณ์นอกเหนือความสามารถในการควบคุม
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่า จำเลยไม่เคยได้รับสำเนาคำฟ้อง และไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องคดีนี้ สำนักงานของจำเลยมิได้ทำการมานานแล้ว และไม่มีผู้ใดอยู่ เมื่อจำเลยไปที่สำนักงานในวันยื่นคำร้องนี้จึงพบคำบังคับดังนี้ จำเลยได้อ้างถึงพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้แล้ว จึงชอบที่ศาลแรงงานจะรับคำร้องไว้ทำการไต่สวนว่าข้อเท็จจริงเป็นดังที่จำเลยอ้างและเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้หรือไม่ การที่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่า ตามคำร้องไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และด่วนยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ทำการไต่สวนเสียก่อนเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3094/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดคดีแรงงานและการไต่สวนพฤติการณ์นอกเหนือความสามารถในการควบคุม ศาลต้องไต่สวนก่อน
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่า จำเลยไม่เคยได้รับสำเนาคำฟ้อง และไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องคดีนี้ สำนักงานของจำเลยมิได้ทำการมานานแล้ว และไม่มีผู้ใดอยู่ เมื่อจำเลยไปที่สำนักงานในวันยื่นคำร้องนี้จึงพบคำบังคับ ดังนี้ จำเลยได้อ้างถึงพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้แล้ว จึงชอบที่ศาลแรงงานจะรับคำร้องไว้ทำการไต่สวนว่าข้อเท็จจริงเป็นดังที่จำเลยอ้างและเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้หรือไม่ การที่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่า ตามคำร้องไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และด่วนยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ทำการไต่สวนเสียก่อนเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีแรงงานและการอนุญาตให้ยื่นคำให้การ ศาลต้องไต่สวนเหตุสมควร
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์มาศาลตามเวลานัด ฝ่ายจำเลยทั้งสองไม่มาศาลตามเวลาที่กำหนด แต่ทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลหลังจากที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว และโจทก์นำพยานเข้าสืบ 1 ปาก แล้วแถลงหมดพยานโจทก์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า คดีเสร็จการพิจารณา ให้รอฟังคำพิพากษา จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การโดยอ้างว่าไม่ได้มีเจตนาขาดนัดยื่นคำให้การ พร้อมกับยื่นคำให้การของจำเลยที่ 1 ดังนี้ แม้ทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลล่าช้ากว่าเวลานัดไปบ้าง แต่ศาลแรงงานกลางก็ยังไม่มีคำพิพากษา ถือได้ว่าทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาฝ่ายเดียว ศาลแรงงานกลางจึงชอบที่จะต้องพิจารณาหรือไต่สวนให้ได้ความว่า มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การหรือไม่แล้วจึงมีคำสั่งให้รับหรือไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 1 ให้พิจารณาคดีใหม่หรือดำเนินคดีของโจทก์แต่ฝ่ายเดียวต่อไปโดยอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำพยานเข้าสืบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199, 205 ประกอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 การที่ศาล-แรงงานกลางมีคำสั่งว่า คดีเสร็จการพิจารณาแล้ว ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การ และพิจารณาคดีของโจทก์มาแต่ฝ่ายเดียว จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2679/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าสินไหมทดแทนจากความล่าช้าบังคับคดี: ศาลต้องไต่สวนก่อนสั่งยกคำร้อง
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) นั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องในคดีนั้นว่าเพราะเหตุเนิ่นช้าในการบังคับคดีอันเกิดแต่การยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ของผู้ร้องทำให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดได้ราคาต่ำไป ขอให้บังคับผู้ร้องใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายของโจทก์ ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะต้องไต่สวนเสียก่อนว่าเป็นความจริงหรือไม่หากเป็นความจริงตามที่โจทก์กล่าวอ้างในคำร้องและเงินที่วางไว้เป็นประกันดังกล่าวเพียงพอที่จะชำระค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ได้ตามคำร้อง โจทก์ก็ชอบที่จะบังคับชำระเอาค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายของโจทก์จากเงินประกันที่ผู้ร้องวางไว้ได้โดยไม่จำต้องไปฟ้องเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากผู้ร้องเป็นคดีใหม่ต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2465/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีบุคคลต่างด้าว: เจ้าพนักงานต้องไต่สวนและแจ้งการประเมินก่อนฟ้องเรียกรับผิด
การที่จะเรียกให้ลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อรับผิดตาม ป.รัษฎากร มาตรา 76 ทวิ วรรคแรกนั้นเจ้าพนักงานประเมินจะต้องดำเนินการตาม มาตรา 19 และ 20ก่อน กล่าวคือ จะต้องเรียกบุคคลผู้ต้องรับผิดนั้นมาไต่สวนแล้วแจ้งจำนวนเงินที่จะประเมินไปยังบุคคลผู้ต้องรับผิด เพื่อที่บุคคลนั้นจะได้มีโอกาสอุทธรณ์การประเมินตามความใน มาตรา 76 ทวิวรรคสามก่อน มิฉะนั้นกรมสรรพากร โจทก์ยังไม่มีอำนาจฟ้องบุคคลนั้นให้รับผิดตาม มาตรา 76 ทวิ และย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันบุคคลนั้นให้ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2465/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษี: เจ้าพนักงานประเมินต้องไต่สวนและแจ้งการประเมินให้ผู้ถูกประเมินทราบก่อน จึงจะฟ้องร้องเรียกค่าภาษีได้
การที่จะให้ลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อรับผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ วรรคแรก นั้น เจ้าพนักงานประเมินจะต้องเรียกบุคคลผู้ต้องรับผิดมาไต่สวนแล้วแจ้งจำนวนเงินที่ประเมินไปยังบุคคลผู้ต้องรับผิด ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19,20ก่อน เพื่อที่บุคคลนั้นจะได้มีโอกาสอุทธรณ์การประเมินตามความในวรรคสาม เมื่อโจทก์ไม่ได้เรียก ด. ไปไต่สวนและแจ้งการประเมินดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ด. ให้ต้องรับผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ และย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกัน ด. ด้วย ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4964/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาด: ศาลจำหน่ายคดีเมื่อมีการไต่สวนใหม่และจำเลยไม่มาศาล
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลย โดยอ้างว่าราคาต่ำ ศาลชั้นต้นยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวนจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องขอทุเลาการบังคับ จำเลยฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของจำเลยและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นนัดไต่สวน แต่เมื่อถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าถือว่าจำเลยไม่ติดใจไต่สวนคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ คดีถึงที่สุด คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหาที่จำเลยฎีกาต่อไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ