พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,377 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5404/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานในพินัยกรรม: การมีอยู่ร่วมขณะทำพินัยกรรม ไม่ถือเป็นพยานตามกฎหมายหากไม่ได้ลงลายมือชื่อ
พยานในพินัยกรรมซึ่งจะเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นไม่ได้ตามความหมายแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 1653 วรรคหนึ่ง หมายถึงพยานซึ่งต้องลงลายมือชื่อในแบบพินัยกรรมที่ทำขึ้นนั้น การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมนั่งอยู่ด้วยในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมทำพินัยกรรม แต่มิได้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในพินัยกรรม หาเป็นพยานในพินัยกรรมตามบทบัญญัติดังกล่าวไม่ ดังนี้ พินัยกรรมดังกล่าวจึงไม่ตกเป็นโมฆะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5358/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมวินิจฉัยแล้ว การฟ้องคดีใหม่ประเด็นเดิมถือเป็นการฟ้องซ้ำตามกฎหมาย
ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำแม้คู่ความไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์และโจทก์ไม่ได้ฎีกาปัญหานี้ แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเอง ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินมรดกให้แก่จำเลยคดีนี้จำนวน 2 ไร่ 2 งาน คดีถึงที่สุด ปัญหาที่ว่าจำเลยมีสิทธิได้รับแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวนเนื้อที่เท่าใดจึงเป็นประเด็นแห่งคดีในคดีก่อน ในชั้นบังคับคดีของคดีก่อนโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนยื่นคำคัดค้านขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขหมายบังคับคดีและมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเฉลี่ยลดเนื้อที่ลงตามส่วนเพราะเนื้อที่ดินมรดกขาดไป 239 ตารางวาศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยคดีก่อนอุทธรณ์คำสั่ง ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้การที่โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นบังคับคดีในคดีก่อนแล้ว กลับนำคดีมาฟ้องใหม่เป็นคดีนี้โดยมีประเด็นแห่งคดีว่า จำเลยมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งกรรมสิทธิ์ จำนวน 2 ไร่ 2 งานเต็มตามคำพิพากษาในคดีก่อนหรือไม่ ซึ่งเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีก่อนของศาลชั้นต้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระสุนปืนที่ใช้ไม่ได้ ถือเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายอาวุธปืน แม้ไม่มีดินส่ง
กระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นั้น แม้จะไม่มีดินส่งกระสุนปืนไม่อาจใช้ยิงให้กระสุนปืนลั่นได้ก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งสำหรับทำหรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืนได้ตามความหมายของคำว่า "เครื่องกระสุนปืน" ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4(2) ดังนั้น กระสุนปืนที่ไม่มีดินส่งกระสุนปืนจึงเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระสุนปืนไม่มีดินส่ง เป็น 'เครื่องกระสุนปืน' ตามกฎหมายอาวุธปืน แม้ใช้ยิงไม่ได้
กระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นั้น แม้จะไม่มีดินส่งกระสุนปืนไม่อาจใช้ยิงให้กระสุนปืนลั่นได้ก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งสำหรับทำหรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืนได้ตามความหมายของคำว่า "เครื่องกระสุนปืน" ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4(2) ดังนั้น กระสุนปืนที่ไม่มีดินส่งกระสุนปืนจึงเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมายบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายแม้จำเลยชำระหนี้บางส่วน โจทก์ไม่รับรองการชำระหนี้
ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีระบุจำนวนเงินและอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ให้จำเลยชำระแก่โจทก์ตรงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามคำขอของโจทก์ การออกหมายบังคับคดีจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275 และไม่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติตามมาตรา 296 การที่จำเลยอ้างว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนแล้ว แม้เป็นความจริงก็ยังมีหนี้ที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์อยู่อีก ทั้งโจทก์ก็มิได้ยอมรับว่าได้รับชำระหนี้ไว้แล้ว จำเลยจึงต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะยกเอามาเป็นเหตุให้ศาลยกเลิกหมายบังคับคดีหรืองดการบังคับคดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4977/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัด: การแต่งตั้งโดยอธิบดีสงฆ์พม่าขัดต่อกฎหมายคณะสงฆ์
โจทก์เป็นวัดจึงต้องอยู่ในความปกครองของคณะสงฆ์ไทยตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคมการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์ต้องปฏิบัติตามบทกฎหมายและกฎดังกล่าว ดังนั้น การที่อธิบดีสงฆ์พม่าแต่งตั้งพระ ณ.เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะมิใช่เป็นการแต่งตั้งตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคม พระ ณ. จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4977-4979/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสที่แต่งตั้งโดยอธิบดีสงฆ์พม่า: ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อขัดต่อ พ.ร.บ.คณะสงฆ์
โจทก์เป็นวัดที่อยู่ในความปกครองของคณะสงฆ์ไทย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 46 บัญญัติว่า "การปกครองคณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์ไทยให้เป็นไปตามกฎกระทรวง" แต่ก็ยังไม่ปรากฏว่าได้ออกกฎกระทรวงใช้บังคับแก่คณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์จีนนิกายอนัมนิกายแต่อย่างใด การแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์จึงต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคมดังนั้น การที่อธิบดีสงฆ์พม่าแต่งตั้งพระณรงค์ นันทิโยเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิใช่เป็นการแต่งตั้งตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคม พระณรงค์ นันทิโย จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4948/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีอากรที่ถูกต้องตามราคาตลาด และการอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อโจทก์นำสินค้าพิพาทเข้ามาในราชอาณาจักร เจ้าพนักงานกรมศุลกากรได้ประเมินอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล และในรายการที่สำแดงภาษีอากรมียอดเงินสำหรับอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลแยกกันแต่ละรายการ ย่อมถือได้ว่ามีการประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล โดยเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากรแล้ว หากโจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้องอย่างไรก็ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรเสียก่อน การที่โจทก์อุทธรณ์ต่อผู้อำนวยการกองวิเคราะห์ราคา กรมศุลกากร มิใช่เป็นการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล
โจทก์ซื้อสินค้าพิพาทจากบริษัทผู้ขายในต่างประเทศในราคาต่ำกว่าที่โจทก์เคยซื้อและสำแดงราคาในการนำเข้าครั้งก่อนเพราะผู้ขายซื้อจากผู้ผลิตได้ในราคาต่ำลง แต่เป็นการขายสินค้าในราคาปกติทั่วไป เพื่อจะให้ลูกค้าสามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ มิใช่ลดหย่อนให้แก่โจทก์โดยเฉพาะเพียงรายเดียว แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาไม่เกินหนึ่งเดือนนับแต่การนำเข้าในครั้งก่อน ราคาของประเภทและชนิดเดียวกันก็มีราคาลดลงได้ อีกทั้งปรากฏด้วยว่าเมื่อโจทก์นำสินค้าชนิดเดียวกันเข้ามาในราชอาณาจักรภายหลังกรณีพิพาทนี้ จำเลยก็ได้ยอมรับราคาที่ลดต่ำลงดังที่โจทก์สำแดงด้วย ยิ่งสนับสนุนให้เห็นว่า จำเลยได้ยอมรับว่าสินค้าพิพาทมีราคาอันแท้จริงในท้องตลาดลดต่ำลง และฝ่ายจำเลยก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเป็นเท่าใด เพียงแต่อาศัยราคาที่โจทก์เคยนำเข้าในครั้งก่อนภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน มาเป็นเกณฑ์ประเมินราคาเท่านั้น จึงถือได้ว่าราคาสินค้าพิพาทที่ต่ำลงตามที่โจทก์สำแดงนั้นเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด
โจทก์ซื้อสินค้าพิพาทจากบริษัทผู้ขายในต่างประเทศในราคาต่ำกว่าที่โจทก์เคยซื้อและสำแดงราคาในการนำเข้าครั้งก่อนเพราะผู้ขายซื้อจากผู้ผลิตได้ในราคาต่ำลง แต่เป็นการขายสินค้าในราคาปกติทั่วไป เพื่อจะให้ลูกค้าสามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ มิใช่ลดหย่อนให้แก่โจทก์โดยเฉพาะเพียงรายเดียว แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาไม่เกินหนึ่งเดือนนับแต่การนำเข้าในครั้งก่อน ราคาของประเภทและชนิดเดียวกันก็มีราคาลดลงได้ อีกทั้งปรากฏด้วยว่าเมื่อโจทก์นำสินค้าชนิดเดียวกันเข้ามาในราชอาณาจักรภายหลังกรณีพิพาทนี้ จำเลยก็ได้ยอมรับราคาที่ลดต่ำลงดังที่โจทก์สำแดงด้วย ยิ่งสนับสนุนให้เห็นว่า จำเลยได้ยอมรับว่าสินค้าพิพาทมีราคาอันแท้จริงในท้องตลาดลดต่ำลง และฝ่ายจำเลยก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเป็นเท่าใด เพียงแต่อาศัยราคาที่โจทก์เคยนำเข้าในครั้งก่อนภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน มาเป็นเกณฑ์ประเมินราคาเท่านั้น จึงถือได้ว่าราคาสินค้าพิพาทที่ต่ำลงตามที่โจทก์สำแดงนั้นเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4937-4938/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: การฟ้องคดีซ้ำในประเด็นเดียวกัน แม้มีการเพิ่มข้อหา ย่อมเป็นฟ้องซ้อนที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีหนึ่งในขณะที่คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ในเรื่องเดียวกันอีกแม้จะเพิ่มข้อหาและมีคำขออื่นเพิ่มเติมด้วย มูลคดีที่โจทก์ฟ้องก็เป็นเรื่องเดียวกันมีประเด็นเกี่ยวข้องกันโดยตรง ทั้งเกี่ยวกับทรัพย์สินรายเดียวกันกับคดีก่อน ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา173(1) การที่โจทก์ถอนฟ้องคดีก่อนหลังจากฟ้องคดีนี้ ไม่ทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยในคดีใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4771/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่ารถที่ขัดต่อกฎหมายและหลักตัวการตัวแทน: ความรับผิดของผู้ให้เช่าต่อความเสียหายจากการขับรถ
จำเลยที่ 2 เป็นบริษัทจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการรับจ้างบรรทุกคนโดยสาร โดยใช้รถยนต์สี่ล้อรับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้ไม่เกินเจ็ดคนในท้องที่จังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 34(พ.ศ. 2513) ออกตามความใน พ.ร.บ. รถยนต์พ.ศ. 2473 อันเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ในขณะพิพาท ซึ่งตามข้อ 8(5)แห่งกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว จำเลยที่ 2 ต้องไม่ยินยอมให้ผู้อื่นเช่ารถของจำเลยที่ 2 ไปหารายได้ ดังนี้ ที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าให้จำเลยที่ 1 เช่ารถตามฟ้องไปแล้ว สัญญาเช่าดังกล่าวจึงฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 113 เมื่อจำเลยที่ 1 เดิน รถรับจ้างโดยสารดังกล่าวกระทำในนามของจำเลยที่ 2 ตามวัตถุประสงค์ที่จำเลยที่ 2 ขอจดทะเบียนไว้ จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 1 ขับรถโดยสารของจำเลยที่ 2ไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการจะปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างว่าให้เช่ารถคันดังกล่าวไปแล้วหาได้ไม่.