พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,380 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: ผู้ซื้อที่ดินทิ้งร้าง ย่อมเสียสิทธิให้แก่ผู้ครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่อง
โจทก์ซื้อที่นามือเปล่าได้จากการขายทอดตลาดของศาลศาลได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอมอบให้โจทก์เพื่อนำไปให้อำเภอทำสัญญาซื้อขายให้ แต่โจทก์ก็มิได้นำหนังสือของศาลไปให้อำเภอทำสัญญาซื้อขายแต่อย่างใด ส่วนที่นานั้นโจทก์คงปล่อยทิ้งร้างไว้มิได้เข้าครอบครองเลยหลังจากโจทก์ซื้อแล้ว จำเลยได้เข้าครอบครองที่นานั้นติดต่อกันมาเป็นเวลา 4 ปี ดังนี้ จำเลยย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครอง โจทก์จะฟ้องขับไล่จำเลยมิได้ และโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 836/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการยึดทรัพย์: สิทธิในที่ดินสูญเสียเมื่อไม่ฟ้องแย่งการครอบครองภายใน 1 ปี
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 จะต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองไม่ใช่นับแต่วันรู้ว่าถูกแย่งการครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์และการสิ้นสุดฐานะผู้จัดการมรดก ทำให้สิทธิเรียกร้องคืนทรัพย์สินหมดไป
โจทก์กับ ส.สามีจำเลยเป็นบุตรของ ย. เมื่อ ย. ตายแล้ว ส. ได้เป็นผู้จัดการมรดกอันมีที่ดินมือเปล่า 1 แปลงกับเรือนในที่ดิน 1 หลัง ต่อมาได้มีการรื้อเรือนปลูกใหม่แทนหลังเดิมและปลูกห้องแถวขึ้นเก็บค่าเช่า ส. ตายไปโดยยังมิได้แบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์ ฐานะของ ส. ในการเป็นผู้จัดการมรดกของ ย. ย่อมสิ้นสุดลง
ก่อนตาย ส. ทำพินัยกรรมยกที่ดินเรือนและห้องแถวนั้นให้จำเลยกับบุตร จำเลยร้องขอให้เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ไม่มีผู้ใดคัดค้าน จำเลยก็ครอบครองทรัยพ์สินเหล่านั้นมาโดยถือว่าเป็นทรัพย์สินที่จำเลยรับมรดกจาก ส. และขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ดังนี้จะถือว่าจำเลยครอบครองแทนโจทก์ด้วยหาได้ไม่ เมื่อจำเลยครอบครองมาเป็นเวลาถึง 5 ปีกว่าแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินนั้น และเมื่อโจทก์หมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์ประธานเสียแล้ว เรือนกับห้องแถวหากปลูกอยู่ในที่ดินนั้น ตลอดจนค่าเช่าห้องแถวอันเป็นทรัพย์ส่วนควบและดอกผลของที่ดิน จึงตกเป็นของจำเลยไปด้วย โจทก์ย่อยหมดสิทธิฟ้องเรียกคืนเช่นกัน
ก่อนตาย ส. ทำพินัยกรรมยกที่ดินเรือนและห้องแถวนั้นให้จำเลยกับบุตร จำเลยร้องขอให้เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ไม่มีผู้ใดคัดค้าน จำเลยก็ครอบครองทรัยพ์สินเหล่านั้นมาโดยถือว่าเป็นทรัพย์สินที่จำเลยรับมรดกจาก ส. และขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ดังนี้จะถือว่าจำเลยครอบครองแทนโจทก์ด้วยหาได้ไม่ เมื่อจำเลยครอบครองมาเป็นเวลาถึง 5 ปีกว่าแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินนั้น และเมื่อโจทก์หมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์ประธานเสียแล้ว เรือนกับห้องแถวหากปลูกอยู่ในที่ดินนั้น ตลอดจนค่าเช่าห้องแถวอันเป็นทรัพย์ส่วนควบและดอกผลของที่ดิน จึงตกเป็นของจำเลยไปด้วย โจทก์ย่อยหมดสิทธิฟ้องเรียกคืนเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการสิ้นสุดฐานะผู้จัดการมรดก ทำให้สิทธิเรียกร้องคืนทรัพย์สินหมดอายุ
โจทก์กับ ส. สามีจำเลยเป็นบุตรของ ย. เมื่อ ย. ตายแล้ว ส. ได้เป็นผู้จัดการมรดกอันมีที่ดินมือเปล่า 1 แปลงกับเรือนในที่ดิน 1 หลัง ต่อมาได้มีการรื้อเรือนปลูกใหม่แทนหลังเดิมและปลูกห้องแถวขึ้นเก็บค่าเช่า ส. ตายไปโดยยังมิได้แบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์ ฐานะของ ส. ในการเป็นผู้จัดการมรดกของ ย. ย่อมสิ้นสุดลง
ก่อนตาย ส. ทำพินัยกรรมยกที่ดินเรือนและห้องแถวนั้นให้จำเลยกับบุตร จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ไม่มีผู้ใดคัดค้าน จำเลยก็ครอบครองทรัพย์สินเหล่านั้นมาโดยถือว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยรับมรดกจาก ส.และขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ดังนี้ จะถือว่าจำเลยครอบครองแทนโจทก์ด้วยหาได้ไม่ เมื่อจำเลยครอบครองมาเป็นเวลาถึง 5 ปีกว่าแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินนั้นและเมื่อโจทก์หมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์ประธานเสียแล้ว เรือนกับห้องแถวหากปลูกอยู่ในที่ดินนั้นตลอดจนค่าเช่าห้องแถวอันเป็นทรัพย์ส่วนควบและดอกผลของที่ดิน จึงตกเป็นของจำเลยไปด้วย โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเรียกคืนเช่นกัน
ก่อนตาย ส. ทำพินัยกรรมยกที่ดินเรือนและห้องแถวนั้นให้จำเลยกับบุตร จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ไม่มีผู้ใดคัดค้าน จำเลยก็ครอบครองทรัพย์สินเหล่านั้นมาโดยถือว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยรับมรดกจาก ส.และขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ดังนี้ จะถือว่าจำเลยครอบครองแทนโจทก์ด้วยหาได้ไม่ เมื่อจำเลยครอบครองมาเป็นเวลาถึง 5 ปีกว่าแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินนั้นและเมื่อโจทก์หมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์ประธานเสียแล้ว เรือนกับห้องแถวหากปลูกอยู่ในที่ดินนั้นตลอดจนค่าเช่าห้องแถวอันเป็นทรัพย์ส่วนควบและดอกผลของที่ดิน จึงตกเป็นของจำเลยไปด้วย โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องเรียกคืนเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินมัสยิด: การครอบครองปรปักษ์ต้องนับจากวันที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
มัสยิดอาจได้กรรมสิทธิที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ได้
ตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ. 2490 มาตรา 5 ให้มัสยิดซึ่งได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว เป็นนิติบุคคล ซึ่งหมายความว่า ให้เป็นนิติบุคคลตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนเป็นต้นไป แต่ปรากฏว่ามัสยิดจำเลยร่วมจดทะเบียนเมื่อ 26 กรกฎาคม 2499 การที่จะถือว่า อ. ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยตั้งแต่ พ.ศ. 2498 ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะการให้ต้องมีผู้รับ แม้จะฟังว่าจำเลยร่วมครอบครองปรปักษ์ต่อมาหลังจากการยกให้ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องนับการครอบครองแต่วันเป็นนิติบุคคลเป็นต้นไป แต่ถ้านับตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2499 จนถึงวันที่โจทก์ฟ้อง คือ วันที่ 15 กรกฎาคม 2509 แล้ว ก็เห็นได้ว่ายังไม่ครบ 10 ปี จึงไม่อาจได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 1382
ตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ. 2490 มาตรา 5 ให้มัสยิดซึ่งได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว เป็นนิติบุคคล ซึ่งหมายความว่า ให้เป็นนิติบุคคลตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนเป็นต้นไป แต่ปรากฏว่ามัสยิดจำเลยร่วมจดทะเบียนเมื่อ 26 กรกฎาคม 2499 การที่จะถือว่า อ. ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยตั้งแต่ พ.ศ. 2498 ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะการให้ต้องมีผู้รับ แม้จะฟังว่าจำเลยร่วมครอบครองปรปักษ์ต่อมาหลังจากการยกให้ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องนับการครอบครองแต่วันเป็นนิติบุคคลเป็นต้นไป แต่ถ้านับตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2499 จนถึงวันที่โจทก์ฟ้อง คือ วันที่ 15 กรกฎาคม 2509 แล้ว ก็เห็นได้ว่ายังไม่ครบ 10 ปี จึงไม่อาจได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินมัสยิด: การครอบครองปรปักษ์ต้องนับจากวันที่เป็นนิติบุคคล
มัสยิดอาจได้กรรมสิทธิที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ได้
ตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ. 2490 มาตรา 5 ให้มัสยิดซึ่งได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว เป็นนิติบุคคลซึ่งหมายความว่าให้เป็นนิติบุคคลตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนเป็นต้นไป แต่ปรากฏว่ามัสยิดจำเลยร่วมจดทะเบียนเมื่อ 26 กรกฎาคม 2499 การที่จะถือว่าอ. ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยตั้งแต่ พ.ศ. 2498 ย่อมเป็นไปไม่ได้เพราะการให้ต้องมีผู้รับ แม้จะฟังว่าจำเลยร่วมครอบครองปรปักษ์ต่อมาหลังจากการยกให้ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องนับการครอบครองแต่วันเป็นนิติบุคคลเป็นต้นไป แต่ถ้านับตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2499จนถึงวันที่โจทก์ฟ้อง คือ วันที่ 15 กรกฎาคม 2509 แล้ว ก็เห็นได้ว่ายังไม่ครบ 10 ปี จึงไม่อาจได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 138
ตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ. 2490 มาตรา 5 ให้มัสยิดซึ่งได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว เป็นนิติบุคคลซึ่งหมายความว่าให้เป็นนิติบุคคลตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนเป็นต้นไป แต่ปรากฏว่ามัสยิดจำเลยร่วมจดทะเบียนเมื่อ 26 กรกฎาคม 2499 การที่จะถือว่าอ. ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยตั้งแต่ พ.ศ. 2498 ย่อมเป็นไปไม่ได้เพราะการให้ต้องมีผู้รับ แม้จะฟังว่าจำเลยร่วมครอบครองปรปักษ์ต่อมาหลังจากการยกให้ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องนับการครอบครองแต่วันเป็นนิติบุคคลเป็นต้นไป แต่ถ้านับตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2499จนถึงวันที่โจทก์ฟ้อง คือ วันที่ 15 กรกฎาคม 2509 แล้ว ก็เห็นได้ว่ายังไม่ครบ 10 ปี จึงไม่อาจได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 138
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1934/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องต่อเจ้าของทุกคน ไม่เฉพาะเจ้าของเดิม และการเช่าไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์
คำร้องขอให้แสดงว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์อย่างเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีนั้น มิได้หมายความเฉพาะเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินเดิมคนเดียว แต่หมายความได้ว่าเป็นปรปักษ์กับเจ้าของที่ดินทุกคนที่เข้ามาเป็นเจ้าของแทนในส่วนของเจ้าของเดิมด้วย โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คัดค้านในข้อนี้ต่อศาลอุทธรณ์ได้และศาลอุทธรณ์ควรจะต้องวินิจฉัยให้ ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาและมีข้อเท็จจริงพอที่จะวินิจฉัยให้เสร็จไปได้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ได้
การครอบครองที่ดินในฐานะผู้เช่า จะถือว่าครอบครองปรปักษ์ไม่ได้
การครอบครองที่ดินในฐานะผู้เช่า จะถือว่าครอบครองปรปักษ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1934/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของทุกคน ไม่ใช่แค่เจ้าของเดิม ศาลฎีกาวินิจฉัยได้เองหากมีข้อเท็จจริงพอ
คำร้องขอให้แสดงว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์อย่างเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีนั้น มิได้หมายความเฉพาะเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินเดิมคนเดียว แต่หมายความได้ว่าเป็นปรปักษ์กับเจ้าของที่ดินทุกคนที่เข้ามาเป็นเจ้าของแทนในส่วนของเจ้าของเดิมด้วย โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คัดค้านในข้อนี้ต่อศาลอุทธรณ์ได้และศาลอุทธรณ์ควรจะต้องวินิจฉัยให้ ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาและมีข้อเท็จจริงพอที่จะวินิจฉัยให้เสร็จไปได้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ได้
การครอบครองที่ดินในฐานะผู้เช่า จะถือว่าครอบครองปรปักษ์ไม่ได้
การครอบครองที่ดินในฐานะผู้เช่า จะถือว่าครอบครองปรปักษ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664-1665/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองในฐานะเจ้าของ มิใช่แทนเจ้าของ การยกที่ดินของผู้อื่นให้โจทก์ไม่มีผลผูกพัน
ฉ. เข้าครอบครองที่ดินจัดหาผลประโยชน์แทนจำเลยที่ 2 หาใช่จัดทำในฐานะตนเองเป็นเจ้าของไม่ แม้จะนานสักปานใดก็ตาม หาทำให้ได้กรรมสิทธิ์ทางปรปักษ์ไม่เว้นแต่จะได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยบอกกล่าวไปยังเจ้าของ ว่าไม่มีเจตนายึดถือทรัพย์แทนเจ้าของต่อไป
เมื่อที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 ฉ. ย่อมไม่มีสิทธิที่จะยกที่ดินพิพาทซึ่งไม่ใช่ของตนให้แก่ผู้อื่น
เมื่อที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 ฉ. ย่อมไม่มีสิทธิที่จะยกที่ดินพิพาทซึ่งไม่ใช่ของตนให้แก่ผู้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการขาดอายุความฟ้องคดีแย่งการครอบครองที่ดินจากการขายทอดตลาด
ที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญของจำเลยถูกศาลยึดมาขายทอดตลาดโจทก์เป็นผู้ซื้อได้และได้รับมอบที่ดินแล้ว จำเลยขัดขวางไม่ให้โจทก์เข้าครอบครองแสดงออกซึ่งการแย่งการครอบครองตลอดมา โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ภายหลังที่จำเลยแย่งการครอบครองมาเกิน 1 ปีแล้ว แม้ศาลจะได้มีหนังสือสั่งให้อำเภอทำนิติกรรมจดทะเบียนโอนที่ดินนี้ให้โจทก์ และนับแต่วันที่อำเภอจดทะเบียนโอนให้จนถึงวันฟ้องจะยังไม่เกิน 1 ปีก็ตาม
การครอบครองของจำเลยหลังจากจำเลยได้สิทธิครอบครองมาโดยการแย่งครอบครองจากโจทก์นั้น ไม่นับว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์โจทก์เรียกค่าเสียหายสำหรับระยะเวลานี้ไม่ได้
การครอบครองของจำเลยหลังจากจำเลยได้สิทธิครอบครองมาโดยการแย่งครอบครองจากโจทก์นั้น ไม่นับว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์โจทก์เรียกค่าเสียหายสำหรับระยะเวลานี้ไม่ได้