คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,640 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6916/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลายื่นคำให้การที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และผลกระทบต่อการดำเนินคดี
จำเลยที่2ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การโดยขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่3ถึงที่11ด้วยแต่คำร้องดังกล่าวระบุชัดว่าเป็นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การของจำเลยที่2แต่เพียงผู้เดียวมิใช่เป็นกรณีที่จำเลยที่3ถึงที่11ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การโดยมิได้แต่งทนายความให้ถูกต้องอันจะต้องพิจารณาบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา18และมิใช่กรณีที่จำเลยที่3ถึงที่11จะพึงให้สัตยาบันในภายหลังได้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องของจำเลยที่2ให้ขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่3ถึงที่11ด้วยและมีคำสั่งรับคำให้การของจำเลยที่3ถึงที่1เป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องทั้งตามพฤติการณ์ยังไม่อาจถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้ใช้ดุลพินิจอันเป็นอำนาจของศาลเองอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับคำให้การและสั่งไม่รับคำให้การของจำเลยที่3ถึงที่11เนื่องจากมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด15วันตามกฎหมายจึงเท่ากับกับศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าวทั้งหมดซึ่งในกรณีนี้โจทก์มิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบและการที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยที่3ถึงที่11ขาดนัดยื่นคำให้การก็มิใช่ข้อค้านเรื่องผิดระเบียบอันจะต้องยกขึ้นกล่าวไม่ช้ากว่า8วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27วรรคสองแต่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบโดยอาศัยอำนาจของศาลเองตามมาตรา27วรรคแรกซึ่งไม่อยู่ในบังคับของระยะเวลา8วันตามมาตรา27วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6746/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลอนุญาตถอนฟ้อง: ศาลใช้ดุลพินิจชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยคัดค้าน
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าตรวจคำฟ้องโจทก์คำให้การจำเลยฟ้องแย้งจำเลยคำร้องขอถอนฟ้องโจทก์และคำคัดค้านการขอถอนฟ้องโจทก์ของจำเลยแล้วอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ถือว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยให้แล้วว่าคำคัดค้านของจำเลยยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา141

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำหลังศาลสั่งไม่รับฟ้อง: ศาลยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นคดี จึงฟ้องใหม่ได้
โจทก์เคยนำคดีนี้มาฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง ศาลแขวงมีคำสั่งว่า เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ซึ่งศาลแขวงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา จึงให้เพิกถอนคำสั่งรับฟ้องของโจทก์และการดำเนินกระบวนพิจารณาทั้งหมด ตามป.วิ.พ.มาตรา 27 และมีคำสั่งใหม่ไม่รับฟ้องของโจทก์ จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ คดีถึงที่สุด ดังนี้ศาลแขวงยังมิได้มีคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นแห่งคดีเพียงแต่มีคำสั่งไม่รับฟ้องและจำหน่ายคดีเท่านั้น โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
ป.วิ.พ.มาตรา 148 (3) ให้อำนาจศาลในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งยกฟ้องโจทก์แล้ว ถ้าโจทก์นำคดีไปฟ้องใหม่จะเป็นการฟ้องซ้ำเพื่อความยุติธรรมก็ให้ศาลมีอำนาจสั่งว่าไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่หาใช่ว่าถ้าศาลไม่สั่งไว้แล้วจะเป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีซึ่งฟ้องใหม่ได้อยู่แล้วมาฟ้องใหม่ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6615/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขอุปสรรคในการต่อสู้คดี: ศาลปรับบทกฎหมายให้ตรงกับเจตนาของผู้ร้องได้
แม้คำร้องของผู้ร้องจะใช้คำว่าผู้แทนเฉพาะคดีต่างจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา73ที่ใช้คำว่าผู้แทนชั่วคราวก็ตามแต่ก็พึงเห็นได้ว่าผู้ร้องประสงค์จะให้ศาลตั้งผู้ร้องให้มีอำนาจเข้าไปแก้ไขอุปสรรค์ข้อบกพร่องของจำเลยในการที่จะยื่นคำให้การต่อสู้คดีกับโจทก์เพียงแต่ผู้ร้องใช้ถ้อยคำในคำร้องผิดจากถ้อยคำในกฎหมายเท่านั้นชอบที่ศาลจะปรับบทกฎหมายให้เข้ากับข้อเท็จจริงตามคำร้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6488/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง: ศาลไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน ป.วิ.พ. มาตรา 174(2) ไม่ถือเป็นการทิ้งฟ้อง
โจทก์ยื่นฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ารับคำฟ้อง หมายเรียก และสำเนาให้จำเลยแบบคดีมโนสาเร่ ให้โจทก์นำส่งภายใน 7 วัน ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องซึ่งเมื่อโจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองในครั้งแรกไม่ได้โจทก์ได้ยื่นคำแถลงภายในกำหนด ขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง อันเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวแล้ว ส่วนในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองครั้งที่สองนั้น ศาลชั้นต้นไม่ได้มีคำสั่งให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดในกรณีที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองไม่ได้ ทั้งไม่ได้สั่งให้โจทก์นำส่ง และเมื่อศาลแขวงตลิ่งชันมีหนังสือแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบว่าได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2537 แต่ส่งไม่ได้ ศาลชั้นต้นก็เพียงมีคำสั่งว่า"รอโจทก์แถลง" ทั้งเมื่อพนักงานเดินหมายของศาลชั้นต้นรายงานว่าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในครั้งที่สองให้แก่จำเลยที่ 1 ไม่ได้เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2537ศาลชั้นต้นก็เพียงมีคำสั่งเช่นเดิมว่า "รอโจทก์แถลง" โดยศาลชั้นต้นมิได้ส่งคำสั่งที่สั่งในรายงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวทั้งสองฉบับให้โจทก์ทราบ ดังนั้นแม้โจทก์มิได้แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ของศาลชั้นต้นรายงานเมื่อวันที่ 4มีนาคม 2537 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากวันที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ได้ถึง 25 วัน และ 32 วัน ตามลำดับแล้วก็ตาม ก็ไม่เป็นการทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6488/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยชอบ การเพิกเฉยของศาลที่ไม่แจ้งคำสั่งและกำหนดเวลาให้โจทก์ดำเนินการ อาจไม่ถือเป็นการทิ้งฟ้อง
โจทก์ยื่นฟ้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ารับคำฟ้องหมายเรียกและสำเนาให้จำเลยแบบคดีมโนสาเร่ให้โจทก์นำส่งภายใน7วันถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน7วันนับแต่วันส่งไม่ได้มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องซึ่งเมื่อโจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองในครั้งแรกไม่ได้โจทก์ได้ยื่นคำแถลงภายในกำหนดขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองอีกครั้งหนึ่งอันเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวแล้วส่วนในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองครั้งที่สองนั้นศาลชั้นต้นไม่ได้มีคำสั่งให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดในกรณีที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองไม่ได้ทั้งไม่ได้สั่งให้โจทก์นำส่งและเมื่อศาลแขวงตลิ่งชันมีหนังสือแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบว่าได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยที่2เมื่อวันที่30มกราคม2537แต่ส่งไม่ได้ศาลชั้นต้นก็เพียงมีคำสั่งว่า"รอโจทก์แถลง"ทั้งเมื่อพนักงานเดินหมายของศาลชั้นต้นรายงานว่าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในครั้งที่สองให้แก่จำเลยที่1ไม่ได้เมื่อวันที่6กุมภาพันธ์2537ศาลชั้นต้นก็เพียงมีคำสั่งเช่นเดิมว่า"รอโจทก์แถลง"โดยศาลชั้นต้นมิได้ส่งคำสั่งที่สั่งในรายงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวทั้งสองฉบับให้โจทก์ทราบดังนั้นแม้โจทก์มิได้แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ของศาลชั้นต้นรายงานเมื่อวันที่4มีนาคม2537ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากวันที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่1และที่2ไม่ได้ถึง25วันและ32วันตามลำดับแล้วก็ตามก็ไม่เป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6362/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องบังคับชำระหนี้และการยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในคดีอื่น ไม่เป็นเหตุต้องห้ามฟ้อง
โจทก์ไม่เคยฟ้องจำเลยขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ในคดีนี้แต่โจทก์เคยยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในคดีที่เจ้าหนี้อื่นฟ้องจำเลยและศาลยกคำร้องเพราะหนี้โจทก์ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ต้องห้ามมิให้ฟ้องตามป.วิ.พ.มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6333/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิโจทก์ในการถอนฟ้องก่อนจำเลยให้การ และความชอบธรรมในการอนุญาตของศาล
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคหนึ่ง ก่อนจำเลยยื่นคำให้การโจทก์มีสิทธิถอนคำฟ้องได้โดยยื่นคำบอกกล่าวเป็นหนังสือต่อศาล และศาลไม่จำต้องฟังหรือสอบถามจำเลยก่อนดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องตามคำบอกกล่าวจึงชอบแล้วจำเลยจะมาคัดค้านภายหลังโดยอ้างว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6318/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกาไม่อาจพิพากษาเกินคำขอ และมีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาเกินคำขอได้
โจทก์ฎีกาในเรื่องค่าเสียหายแต่ฎีกาโจทก์มิได้มีคำขอให้ใช้ค่าเสียหายด้วยศาลฎีกาย่อมไม่อาจพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้จึงไม่รับวินิจฉัย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6165/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการสาบานตน แม้ขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลไม่ผิด หากจำเลยไม่ใช้สิทธิ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสองที่บัญญัติให้สิทธิจำเลยที่จะสาบานตนเข้าเบิกความเป็นพยานได้ แม้จะขาดนัดยื่นคำให้การนั้น เป็นแต่กฎหมายให้สิทธิไว้ จำเลยจะใช้สิทธินั้นหรือไม่ก็ได้ เมื่อตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ขอใช้สิทธินี้เลยทั้งเมื่อศาลจดรายงานว่าหมดพยานโจทก์ทั้งสอง ให้รอฟังคำพิพากษาวันนี้ จำเลยที่ 1ไม่ได้โต้แย้ง กลับลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาและลงชื่อรับฟังคำพิพากษา การที่ศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามจำเลยที่ 1 ว่าจะถามค้านพยานโจทก์ทั้งสองหรือไม่ จะสาบานตนเข้าเบิกความเป็นพยานหรือไม่ จึงไม่ใช่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ
of 364