คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โจทก์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนของตำรวจ: โจทก์ต้องพิสูจน์ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวนคดีอาญา
ประกาศกระทรวงมหาดไทยกำหนดเขตอำนาจการรับผิดชอบและเขตพื้นที่การปกครองของหน่วยราชการกรม ตำรวจลงวันที่ 14 สิงหาคม 2493 กำหนดให้กองบังคับการกองตรวจมีเขตอำนาจรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ตาม ป.ม.วิ.อาญาตลอดเขตพื้นที่จังหวัดพระนครและธนบุรีนั้น มิใช่เป็นกฎหมายอันจะถือได้ว่า ทุกคนจำต้องทราบอย่าง กฎหมาย แต่เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำสืบให้ทราบ เมื่อจำเลยคัดค้านว่านายตำรวจผู้สอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน จึงเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบแสดงว่า นายตำรวจผู้สอบสวนมีอำนาจสอบสวน เมื่อไม่นำสืบก็ยังฟังไม่ได้ว่า ได้มี การสอบสวนโดยชอบด้วยวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว จึงต้องบทห้ามมิให้อัยการฟ้องคดีตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 120.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การปฏิเสธของจำเลยต้องชัดเจน หากไม่ชัดเจนถือว่าโจทก์ไม่ต้องนำสืบประเด็นนั้น
ฟ้องของโจทก์ระบุแจ้งชัดว่าโจทก์เป็นนิติบุคคล จำเลยกล่าวในคำให้การว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่จำเลยไม่รู้ และไม่รับรอง ดังนี้ ถือว่าคำให้การดังกล่าวนี้ ไม่ใช่เป็นคำให้การปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่เป็นนิติบุคคล จึงย่อมถือว่าไม่มีข้อต่อสู้ในคำให้การของจำเลย อันเป็นประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธข้อเท็จจริงเรื่องสถานะนิติบุคคลในคำให้การ ถือเป็นประเด็นที่โจทก์ต้องนำสืบ
ฟ้องของโจทก์ระบุมาแจ้งชัดว่าโจทก์เป็นนิติบุคคล จำเลยกล่าวในคำให้การว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่จำเลยไม่รู้ และไม่รับรอง ดังนี้ ถือว่าคำให้การดังกล่าวนี้ ไม่ใช่เป็นคำให้การปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่เป็นนิติบุคคล จึงย่อมถือว่าไม่มีข้อต่อสู้ในคำให้การของจำเลย อันเป็นประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษทางอาญาตามฟ้อง: ศาลไม่ลงโทษฐานประมาท หากโจทก์ไม่ประสงค์
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคนและฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บสาหัสแต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยกระทำให้เขาเกิดบาดเจ็บสาหัสโดยประมาท ดังนี้ ศาลจะลงโทษจำเลยฐานประมาทไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในฐานนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกโดยศาล แม้โจทก์มิได้ฟ้องแบ่งโดยตรง และข้อยกเว้นสำหรับพระภิกษุ
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินและเรือนจากจำเลยโดยอ้างว่ามรดกยกให้โจทก์แต่ผู้เดียว แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นมรดกของผู้ตายตกได้แก่โจทก์และจำเลย ดังนี้ ศาลก็อาจพิพากษาให้โจทก์รับส่วนแบ่งไปได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142 ส่วนข้อที่ผู้ส่วนควรได้มรดกจะมีอยู่นั้นก็เป็นเรื่องของผู้นั้นจะต้องร้องขอเข้ามาเอง หาใช่เป็นหน้าที่ของศาลไม่
ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1622 เป็นบทบัญญัติห้ามมิให้พระภิกษุเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกในฐานะที่เป็นทายาทโดยธรรม แต่ถ้าพระภิกษุถูกฟ้องเป็นจำเลยแล้ว ศาล พิพากษาให้พระภิกษุได้รับส่วนแบ่งมรดกด้วย ก็ไม่เป็นการขัดหับ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1622

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนสืบพยานเนื่องจากความผิดพลาดในการออกหมายเรียก ไม่ถือเป็นการละทิ้งคดี
ไม่มีพยานโจทก์มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์เพราะโจทก์ขอหมายเรียกพยานผิดไปวันหนึ่ง เนื่องจากความพลั้งเผลอจำวันผิด พฤติการณ์เช่นนี้ไม่มีเหตุสมควรที่จะยกฟ้องโจทก์ เพราะเห็นได้ชัดว่าไม่ใช้เรื่องละทิ้งคดี หรือจงใจประวิงคดีอย่างใด ควรให้เลื่อนสืบพยานไปตามโจทก์ร้องขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้ยกฟ้องเมื่อโจทก์ไม่มาศาล มิใช่การขอให้จำหน่ายคดี
โจทก์รับในเรื่องหน้าที่นำสืบว่าโจทก์จะนำสืบก่อนครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาลตามเวลานัดคงมาแต่ฝ่ายจำเลย จำเลยได้แถลงต่อศาลว่า เมื่อโจทก์ไม่มาศาลขอให้ยกฟ้องของโจทก์เสีย ดังนี้ ย่อมมีความหมายในทางที่จำเลยประสงค์ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรค 2เพราะเห็นได้ว่าการที่จำเลยขอให้ศาลพิพากษาคดีนั้นศาลจำต้องดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฉะนั้นศาลจะไปสั่งจำหน่ายคดีเสียไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีถึงที่สุดสำหรับจำเลยที่ถอนอุทธรณ์แล้ว โจทก์ขอรวมพิจารณาคดีกับจำเลยอื่นไม่ได้
ศาลแขวงพิพากษาฟ้องโดยวินิจฉัยว่า คดีเกินอำนาจโจทก์มิได้อุทธรณ์ แต่จำเลยกลับอุทธรณ์ว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาคดีนั้นได้ แต่ภายหลังจำเลยบางคนขอถอนฟ้องอุทธรณ์เฉพาะตัว ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยที่ขอถอน ถอนฟ้องอุทธรณ์ไปได้ คงพิจารณาพิพากษาเฉพาะจำเลยคนก่อน แล้วพิพากษาว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนั้น ให้ศาลแขวงดำเนินการพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน ดังนี้เฉพาะตัวจำเลยที่ถอนอุทธรณ์คดีนั้นถึงที่สุดแล้วตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 202 โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยที่ถอนอุทธรณ์มาดำเนินการพิจารณารวมเป็นคดีเดียวกันจำเลยอื่นตามคำฟ้อง
เดิมของโจทก์อีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบในคดีอาญา: จำเลยอ้างป้องกันตัว โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิด
จำเลยต่อสู้ว่า กระทำเพื่อป้องกันตัว มีผลเท่ากับว่า จำเลยมิได้กระทำความผิด เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงดังฟ้อง จึงจะลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ในคดีอาญา: จำเลยอ้างป้องกันตัว โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิด
จำเลยต่อสู้ว่า กระทำเพื่อป้องกันตัว มีผลเท่ากับว่าจำเลยมิได้กระทำความผิด เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงดังฟ้อง จึงจะลงโทษจำเลยได้
of 104