คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้ายร่างกาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส: การพิจารณาเจตนาและความรุนแรงของการกระทำ
จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยใช้เก้าอี้ตีทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 แล้ววิ่งไล่ตามจำเลยที่ 2 ไป จำเลยที่ 2 ได้ใช้ปืนยิงจำเลยที่ 1 ก่อน 3 นัด นัดแรกถูกที่แขนซ้าย นัดที่ 2 ไม่ถูก นัดที่ 3ถูกนิ้วชี้ สิ้นเสียงปืนนัดที่ 3 แล้วจำเลยที่ 1 ก็เข้าถึงตัวจำเลยที่ 2และแทงจำเลยที่ 2 ไป 1 ที ถูกที่อกด้านขวาเหนือรักแร้ บาดแผลขนาด 2X3 เซนติเมตร ถึงสาหัส เป็นการเข้าประชิดตัวแทงโดยกระทันหันในเวลากลางคืน หลังจากถูกยิงบาดเจ็บแล้ว และแทงสุ่มไปโดยไม่มีโอกาสจะเลือกกำหนดได้ว่าจะแทงส่วนไหนของร่างกาย หากแต่บังเอิญไปถูกที่อกทะลุช่องปอด พฤติการณ์ประกอบบาดแผลยังไม่พอชี้ชัดว่าจำเลยที่ 1 มี เจตนาฆ่า ควรลงโทษเพียงฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส การพิจารณาเจตนาฆ่า และการลดโทษ
จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยใช้เก้าอี้ตีทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 แล้ววิ่งไล่ตามจำเลยที่ 2 ไป จำเลยที่ 2 ได้ใช้ปืนยิงจำเลยที่ 1 ก่อน 3 นัด นัดแรกถูกที่แขนซ้าย นัดที่ 2 ไม่ถูก นัดที่ 3 ถูกนิ้วชี้ สิ้นเสียงปืนนัดที่ 3 แล้วจำเลยที่ 1 ก็เข้าถึงตัวจำเลยที่ 2 และแทงจำเลยที่ 2 ไป 1 ที ถูกที่อกด้านขวาเหนือรักแร้ บาดแผลขนาด 2X3 เซนติเมตร ถึงสาหัส เป็นการเข้าประชิดตัวแทงโดยกระทันหันในเวลากลางคืน หลังจากถูกยิงบาดเจ็บแล้ว และแทงสุ่มไปโดยไม่มีโอกาสจะเลือกกำหนดได้ว่าจะแทงส่วนไหนของร่างกาย หากแต่บังเอิญไปถูกที่อกทะลุช่องปอด พฤติการณ์ประกอบบาดแผลยังไม่พอชี้ชัดว่าจำเลยที่ 1 มี เจตนาฆ่า ควรลงโทษเพียงฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการบันดาลโทสะ กรณีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตายจากความขัดแย้งส่วนตัว
ผู้ตายเข้าไปกอดภริยาของจำเลยซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะในร้านขายอาหารจำเลยได้ต่อว่าผู้ตายกับ ว. ซึ่งมากับผู้ตาย ว. ไกล่เกลี่ยปรับความเข้าใจและจะให้ผู้ตายไปขอขมาภริยาจำเลย จำเลยคอยดูอยู่ว่าผู้ตายจะขอขมาภริยาจำเลยหรือไม่ รออยู่ประมาณ 15 นาที ผู้ตายก็มิได้มาขอขมา จำเลยเสียใจได้ใช้ไม้ ยาว 32 นิ้ว กว้าง 6 นิ้ว หนา 1.4 นิ้ว ตีผู้ตายที่ศีรษะอย่างแรง 2 ที เป็นบาดแผลฉกรรจ์ ผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลนั้น ดังนี้ ถือว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า และการที่จำเลยบันดาลโทสะเพราะผู้ตายลวนลามภริยาของจำเลยได้ขาดตอนไปแล้วและการที่ผู้ตายไม่ขอขมาภริยาจำเลยนั้น ก็ไม่ใช่เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยจะอ้างว่ากระทำโดยบันดาลโทสะไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม การบันดาลโทสะ และความผิดฐานพยายามฆ่า/ทำร้ายร่างกาย
มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด อ.หาว่าจำเลยที่ 2 เป็นคนยิง และใช้มีดแทงจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ถอยออกไปแล้ว อ. คงยืนอยู่ที่เดิม จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพี่ของจำเลยที่ 2 ได้ร้องห้ามและวิ่งเข้าไปเพื่อจะแย่งมีดจาก อ..โดยไม่ปรากฏว่าอ. มีท่าทีจะทำร้ายจำเลยที่ 2 อีกต่อไป อ. เข้าใจว่าจำเลยที่ 1 จะเข้ามาทำร้ายตน จึงใช้มีดแทงสวนไป 1 ที จำเลยที่ 1 ยังกระโดดเข้ามาหา อ. อีก แล้วเกิดปลุกปล้ำแย่งมีดกันขึ้นจำเลยที่ 1 แย่งไม่ได้ จึงถอยห่างออกไปแล้วใช้ปืนยิง อ.2 นัด ถูกหน้าอก อ.และจำเลยที่2ยกเก้าอี้ขึ้นตีศีรษะอ. อีก 2 ที ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการป้องกัน หากแต่เป็นการพยายามฆ่าคนโดยบันดาลโทสะ สำหรับจำเลยที่ 2 ยังถือไม่ได้ว่าร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิง อ. จึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย อ. จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายโดยบันดาลโทสะเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความรุนแรงของการทำร้ายร่างกาย: การสูญเสียฟันเข้าข่ายอันตรายสาหัสหรือไม่
ผู้เสียหายถูกจำเลยทำร้าย ฟันล่างด้านหน้าหักสี่ซี่ฟันที่เหลือยังใช้เคี้ยวอาหารได้ ยังไม่ถึงขนาดที่จะถือว่าได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้ลงมือแทงโดยตรง ก็ถือเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น
พฤติการณ์ที่จำเลยมีอาวุธมีดเข้าไปถามหาเรื่องจะทำร้ายพวกของผู้ตายและทำร้ายพวกคนหนึ่งของผู้ตายครั้งหนึ่งแล้วเมื่อพวกจำเลยพบพวกผู้ตายกำลังจะกลับบ้าน พวกจำเลยได้ไล่แทงทำร้ายผู้ตาย จำเลยก็ขัดขวางไม่ให้พวกของผู้ตายช่วยเหลือเมื่อผู้ตายวิ่งมาล้มลง จำเลยก็เตะต่อยซ้ำเติมแม้จำเลยจะไม่ได้แทงผู้ตาย จำเลยก็มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วยเพราะถือว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกเพื่อจะแทงทำร้ายผู้ตายกับพวกมาแต่เริ่มแรกแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตนเกินสมควรแก่เหตุ: การใช้ปืนตอบโต้การทำร้ายร่างกายด้วยมือเปล่า
บ. กับ น. ไม่มีอาวุธ เข้ากลุ้มรุมชกต่อจำเลย จำเลยใช้ปืนยิง น. หนึ่งนัด ขณะที่ น. กอดหลังจำเลย น.ผละออกและซไป จำเลยยิงซ้ำอีก กระสุนปืนถูกบริเวณคอและใต้ราวนมขวา แล้วจำเลยหันไปยิง บ. อีก 2-3 นัด ในระยะกระชั้นชิดติดพันกันนั้นเอง ถูกที่เหนือนมและสีข้าง น. และ บ. ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยดังนี้เป็นการฆ่าคนโดยเจตนาเพื่อป้องกันตนเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตนเกินสมควร: การใช้ปืนตอบโต้การทำร้ายร่างกายด้วยมือเปล่า
บ. กับ น. ไม่มีอาวุธ เข้ากลุ้มรุมชกต่อยจำเลยจำเลยใช้ปืนยิง น. หนึ่งนัดขณะที่ น. กอดหลังจำเลยน. ผละออกและเซไป จำเลยยิงซ้ำอีก กระสุนปืนถูกบริเวณคอและใต้ราวนมขวา แล้วจำเลยหันไปยิง บ. อีก2-3 นัด ในระยะกระชั้นชิดติดพันกันนั้นเองถูกที่เหนือนมและสีข้างน. และ บ. ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยดังนี้ เป็นฆ่าคนโดยเจตนาเพื่อป้องกันตน เกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 601/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษจากจำคุกเป็นปรับในคดีทำร้ายร่างกาย เนื่องจากพฤติการณ์ไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายสาหัส
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297,83. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ปรับจำเลยคนละ 500 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ดังนี้ โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
ปัญหาที่ว่า จำเลยสมคบกับผู้อื่นทำร้ายผู้เสียหายหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 531/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าในคดีทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาตัดสินว่าการทำร้ายโดยไม่มีเหตุโกรธเคืองรุนแรง ไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า แม้ใช้มีด
จำเลยกับผู้เสียหายมีปากเสียงกันก่อนด้วยเรื่องผู้เสียหายเลี้ยงสุกร มูลสุกรส่งกลิ่นเหม็นไปถึงห้องที่จำเลยเช่าแล้วจำเลยได้ไปเอามีดปังตอปลายแหลมจากห้องที่จำเลยเช่ามาฟันและแทงผู้เสียหายเป็นบาดแผลที่ขมับ ข้อศอก รักแร้ และคาง ถึงสาหัส ดังนี้เป็นการทำร้ายในปัจจุบันทันทีนั้น เมื่อไม่มีเรื่องอื่นถึงขนาดจะเอาชีวิตกันมาก่อน แม้มีดที่จำเลยใช้ทำร้ายอาจทำให้ถึงตายได้ แต่บาดแผลแต่ละแผลที่ผู้เสียหายได้รับไม่ร้ายแรงแสดงว่าจำเลยฟันและแทงไปตามธรรมดาตามโอกาสอำนวยไม่ได้เลือกหรือตั้งใจทำร้ายที่อวัยวะส่วนสำคัญ เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาฆ่า
of 184