พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,106 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนผู้จัดการมรดกจากความไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย แม้ศาลขยายเวลาให้แล้ว
ผู้จัดการมรดกแถลงรับว่าไม่ได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1728,1729แต่อ้างว่าเป็นคนจีนต้องให้ทนายความทำแทนซึ่งไม่เป็นเหตุผลอันสมควรเพราะล่วงเลยเวลามาถึง 8 เดือนแล้วและเมื่อศาลขยายเวลาให้อีก 1 เดือน ผู้จัดการมรดกก็ยังละเลยไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกเช่นเดิมโดยอ้างว่าผู้คัดค้านไปร้องคัดค้านในการที่ผู้จัดการมรดกจะขายที่ดินมรดก ซึ่งก็ไม่เป็นเหตุที่ทำให้ผู้จัดการมรดกไม่สามารถยื่นบัญชีทรัพย์ได้พฤติการณ์ที่ปรากฏจากคำแถลงรับของผู้จัดการมรดกดังกล่าวข้างต้นเป็นการแสดงออกถึงความไม่สามารถอันเห็นประจักษ์ศาลมีอำนาจถอนผู้จัดการมรดกเสียได้โดยไม่ต้องทำการไต่สวนสืบพยานอื่นอีกต่อไป
บัญชีทรัพย์มรดกที่ได้ยื่นไว้แล้วในวันยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกไม่ใช่บัญชีทรัพย์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1731 เพราะบัญชีทรัพย์มรดกตามมาตราดังกล่าว หมายถึงบัญชีทรัพย์มรดกซึ่งได้จัดทำขึ้นโดยผู้จัดการมรดกภายหลังที่ได้รับแต่งตั้งจากศาลแล้ว
การที่ผู้จัดการมรดกดำเนินการโอนขายที่ดินมรดกโดยยังไม่ได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1730, 1563 เพราะมิใช่เป็นการเร่งร้อนและจำเป็น
บัญชีทรัพย์มรดกที่ได้ยื่นไว้แล้วในวันยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกไม่ใช่บัญชีทรัพย์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1731 เพราะบัญชีทรัพย์มรดกตามมาตราดังกล่าว หมายถึงบัญชีทรัพย์มรดกซึ่งได้จัดทำขึ้นโดยผู้จัดการมรดกภายหลังที่ได้รับแต่งตั้งจากศาลแล้ว
การที่ผู้จัดการมรดกดำเนินการโอนขายที่ดินมรดกโดยยังไม่ได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1730, 1563 เพราะมิใช่เป็นการเร่งร้อนและจำเป็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเป็นผู้จัดการมรดกสงวนไว้สำหรับทายาทและผู้มีส่วนได้เสีย พินัยกรรมฉบับหลังมีผลเหนือกว่า
ผู้ร้องมิใช่ทายาทของ ส. แม้ ส.จะทำพินัยกรรมยกที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ร้อง แต่ต่อมา ส.ก็ทำพินัยกรรมหลักยกทรัพย์ดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น พินัยกรรม ฉบับก่อนจึงเป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1697 ผู้ร้องจึงหมดสิทธิรับมรดกของ ส.และไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก ของ ส. ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกรายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นผู้จัดการมรดก: ทายาทตามพินัยกรรมและทายาทโดยธรรม vs ผู้รับพินัยกรรมที่ถูกเพิกถอน
ผู้ร้องมิใช่ทายาทของ ส.แม้ส.จะทำพินัยกรรมยกที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ร้อง แต่ต่อมา ส.ก็ทำพินัยกรรมฉบับหลังยกทรัพย์ดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น พินัยกรรมฉบับก่อนจึงเป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1697 ผู้ร้องจึงหมดสิทธิรับมรดกของ ส. และไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของ ส. ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกรายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727-1729/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้จัดการมรดกฟ้องขับไล่ผู้เช่า - ความยินยอมร่วม
โจทก์กับ อ.และส.เป็นผู้จัดการมรดกท. ตามคำสั่งศาล โจทก์ผู้เดียวฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากทรัพย์มรดกโดย อ.ส. มิได้รู้เห็นยินยอมด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสนอขอเป็นผู้จัดการมรดกเพิ่มเติมหลังศาลกำหนดประเด็นแล้ว ถือเป็นการไม่ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาต้องห้าม
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านและขอเป็นผู้จัดการมรดกเองหรือเป็นร่วมกับผู้ร้อง แล้วผู้คัดค้านได้ขอถอนคำร้องคัดค้านนั้นโดยอ้างว่าจะไปยื่นคำร้องใหม่ เมื่อศาลอนุญาตแล้ว คำร้องคัดค้านดังกล่าวก็หมดไป ต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องเข้ามาใหม่ว่าผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นสั่งกำหนดประเด็นไว้เพียงว่า ผู้ร้องสมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ผู้คัดค้านมิได้คัดค้านอย่างใด จนเมื่อสืบพยานผู้ร้องไปหมดแล้ว ผู้คัดค้านจึงยื่นคำร้องคัดค้านเพิ่มเติมของเป็นผู้จัดการมรดกด้วย ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต แล้วพิพากษาตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่ตั้งประเด็นว่าผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่นั้นไม่ชอบผู้คัดค้านมีพยานหลักฐานแสดงว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรของผู้ร้องกับผู้ตาย ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นเรื่องนี้ด้วย และให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์สั่งยกอุทธรณ์โดยเหตุที่ผู้คัดค้านมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องขอเพิ่มเติมคำคัดค้านของจำเลย หรืออุทธรณ์คัดค้านในเนื้อหาแห่งคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ปัญหาที่ผู้คัดค้านขอร่วมเป็นผู้จัดการมรดกมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ผู้คัดค้านฎีกาต่อมาจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้และยกฎีกาเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกาที่ไม่เคยถูกยกขึ้นในศาลล่าง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านและขอเป็นผู้จัดการมรดกเองหรือเป็นร่วมกับผู้ร้องแล้วผู้คัดค้านได้ขอถอนคำร้องคัดค้านนั้นโดยอ้างว่าจะไปยื่นคำร้องใหม่ เมื่อศาลอนุญาตแล้ว คำร้องคัดค้านดังกล่าวก็หมดไปต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามาใหม่ว่าผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นสั่งกำหนดประเด็นไว้เพียงว่า ผู้ร้องสมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ผู้คัดค้านมิได้คัดค้านอย่างใด จนเมื่อสืบพยานผู้ร้องไปหมดแล้วผู้คัดค้านจึงยื่นคำร้องคัดค้านเพิ่มเติมขอเป็นผู้จัดการมรดกด้วย ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต แล้วพิพากษาตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่ตั้งประเด็นว่าผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่นั้นไม่ชอบ ผู้คัดค้านมีพยานหลักฐานแสดงว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรของผู้ร้องกับผู้ตาย ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นเรื่องนี้ด้วย และให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องศาลอุทธรณ์สั่งยกอุทธรณ์โดยเหตุที่ผู้คัดค้านมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องขอเพิ่มเติมคำคัดค้านของจำเลย หรืออุทธรณ์คัดค้านในเนื้อหาแห่งคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้ปัญหาที่ผู้คัดค้านขอร่วมเป็นผู้จัดการมรดกมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ผู้คัดค้านฎีกาต่อมาจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้และยกฎีกาเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จในคดีผู้จัดการมรดก: ประเด็นสำคัญของคดีไม่ใช่จำนวนทายาทหรือทรัพย์สิน
คดีร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ประเด็นในคดีมีว่าผู้ร้องเป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลหรือไม่ มีเหตุที่จะแต่งตั้งผู้จัดการมรดกหรือไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 และผู้ร้องเป็นบุคคลต้องห้ามที่จะเป็นผู้จัดการมรดกตามมาตรา 1718 หรือไม่ ส่วนที่ว่าเจ้ามรดกมีทายาทกี่คน ทรัพย์มรดกมีเท่าไรนั้นมิใช่ข้อสำคัญในคดี ดังนั้นแม้ผู้ร้องจะเบิกความเกี่ยวกับจำนวนทายาทหรือแสดงหลักฐานทรัพย์มรดกไม่ตรงต่อความจริงไปบ้าง ก็ไม่มีมูลความผิดฐานเบิกความเท็จหรือแสดงหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 180
คดีฟ้องขอถอดถอนผู้จัดการมรดกประเด็นในคดีอยู่ที่ว่า ผู้จัดการมรดกปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดกตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหน้าที่ผู้จัดการมรดกนี้เริ่มต้นแต่ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งตามมาตรา 1716 ดังนั้น แม้ผู้จัดการมรดกจะเบิกความเท็จในคดีดังกล่าวว่าไม่รู้ตัวทายาทเจ้ามรดกบางคนในขณะที่ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีจึงไม่มีมูลความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คดีฟ้องขอถอดถอนผู้จัดการมรดกประเด็นในคดีอยู่ที่ว่า ผู้จัดการมรดกปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดกตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหน้าที่ผู้จัดการมรดกนี้เริ่มต้นแต่ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งตามมาตรา 1716 ดังนั้น แม้ผู้จัดการมรดกจะเบิกความเท็จในคดีดังกล่าวว่าไม่รู้ตัวทายาทเจ้ามรดกบางคนในขณะที่ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีจึงไม่มีมูลความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: เจตนาสุจริตของผู้ร้อง
ผู้ร้องเป็นสามีของผู้ตาย เป็นบิดาผู้คัดค้าน กรณีฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องมีเจตนาไม่สุจริตต่อผู้คัดค้านจึงเหมาะสมที่จะแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดกล่าช้า: ผู้จัดการมรดกไม่ต้องรับผิดชอบหากมีเหตุสุดวิสัยและภารกิจอื่นที่ต้องจัดการ
โจทก์เป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมของ ท.ผู้ตาย จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ซึ่งตามข้อกำหนดพินัยกรรมได้กำหนดหน้าที่ของจำเลยให้จัดแบ่งทรัพย์มรดกโดยเร็ว การที่จำเลยโอนทรัพย์มรดกของ ท.ให้โจทก์เมื่อ 2 เมษายน 2516 หลังจากที่ ท.ตายเป็นเวลา 5 ปีเศษเป็นเพราะมรดกมีหนี้สินเกี่ยวพันกับบุคคลภายนอก และมีทรัพย์นอกพินัยกรรมบางอย่างรวมอยู่ด้วยจำเลยจำต้องยื่นคำร้องต่อศาลให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกเสียก่อน ในระหว่างจำเลยยื่นคำร้องจำเลยถูกทายาทและบุคคลภายนอกฟ้องอีก 4 คดี คดีหลังสุดได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2515 จำเลยต้องเสียเวลาต่อสู้คดีก็เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของกองมรดก นอกจากนี้ปรากฏว่าที่ดินตาม น.ส.3 ที่เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้โจทก์กับที่ดินมรดกบางแปลง มีหลักฐานไม่ตรงทะเบียน จำเลยต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง จึงจัดการโอนได้เป็นที่เรียบร้อย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อถ่วงเวลา แบ่งมรดกล่าช้าทำให้โจทก์เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้จัดการมรดกแบ่งทรัพย์ช้าไม่ได้ละเมิด หากมีเหตุผลอันควรจากหนี้สินและข้อพิพาท
โจทก์เป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมของ ท. ผู้ตายจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ซึ่งตามข้อกำหนดพินัยกรรมได้กำหนดหน้าที่ของจำเลยให้จัดแบ่งทรัพย์มรดกโดยเร็ว การที่จำเลยโอนทรัพย์มรดกของ ท. ให้โจทก์เมื่อ 2เมษายน2516หลังจากที่ท. ตายเป็นเวลา 5 ปีเศษเป็นเพราะมรดกมีหนี้สินเกี่ยวพันกับบุคคลภายนอก และมีทรัพย์นอกพินัยกรรมบางอย่างรวมอยู่ด้วยจำเลยจำต้องยื่นคำร้องต่อศาลให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกเสียก่อนในระหว่างจำเลยยื่นคำร้องจำเลยถูกทายาทและบุคคลภายนอกฟ้องอีก 4 คดี คดีหลังสุดได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อ 21 พฤศจิกายน2515 จำเลยต้องเสียเวลาต่อสู้คดีก็เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของกองมรดก นอกจากนี้ปรากฏว่าที่ดินตาม น.ส.3 ที่เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้โจทก์ กับที่ดินมรดกบางแปลงมีหลักฐานไม่ตรงทะเบียนจำเลยต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง จึงจัดการโอนได้เป็นที่เรียบร้อย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อถ่วงเวลาแบ่งมรดกล่าช้าทำให้โจทก์เสียหาย