คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้เสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,243 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1769/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การพยานผู้เสียหายและผู้กระทำผิดร่วม สามารถใช้ประกอบการพิจารณาได้ แม้มีน้ำหนักน้อย
คำให้การของ ร.ชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า เมื่อไม่ได้ตัว ร.มาเบิกความที่ศาลเพราะถูกคนร้ายลอบยิงตายเสียก่อน แม้จะมีน้ำหนักน้อย แต่ก็ใช้เป็นคำประกอบคำเบิกความของพยานอื่นได้(อ้างฎีกาที่ 692/2499)
เมื่อเจ้าพนักงานจับ ส. ได้ ส. ให้การว่าจำเลยและ ส. ได้ไปทำการปล้น พนักงานสอบสวนกัน ส. ไว้เป็นพยาน ส.มาเบิกความยืนยันข้อความดังกล่าว คำของ ส. ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดและโจทก์กันไว้เป็นพยาน เป็นคำพยานที่รับฟังได้(อ้างฎีกาที่ 200/2474) แต่มีน้ำหนักน้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1694/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกกระทำ
โจทก์จำเลยเป็นลูกจ้างหน่วยแจ๊สแม็ค จังหวัดอุดรธานี จำเลยได้รับมอบหมายเช็คจากสำนักงานกรุงเทพฯเพื่อให้จำเลยจ่ายให้โจทก์เป็นเงินเดือนที่โจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างเมื่อจำเลยไม่ได้จ่ายให้แก่โจทก์ โจทก์ยังไม่ได้รับไป เช็คนั้นก็ยังไม่เป็นของโจทก์ เมื่อโจทก์ยังมิได้เป็นเจ้าของเช็ค การกระทำที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเช็คของโจทก์ไป จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำต่อทรัพย์ของโจทก์ ดังนี้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย และไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลชอบที่จะยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1694/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกกระทำ
โจทก์จำเลยเป็นลูกจ้างหน่วยแจ๊สแม็ค จังหวัดอุดรธานี จำเลยได้รับมอบหมายเช็คจากสำนักงานกรุงเทพฯเพื่อให้จำเลยจ่ายให้โจทก์เป็นเงินเดือนที่โจทก์ทำงานเป็นลูกจ้าง เมื่อจำเลยไม่ได้จ่ายให้แก่โจทก์ โจทก์ยังไม่ได้รับไป เช็คนั้นก็ยังไม่เป็นของโจทก์เมื่อโจทก์ยังมิได้เป็นเจ้าของเช็ค การกระทำที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเช็คของโจทก์ไป จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำต่อทรัพย์ของโจทก์ ดังนี้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย และไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลชอบที่จะยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่แท้จริงคือบริษัทเจ้าของทรัพย์ ไม่ใช่ตัวแทน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด มีอำนาจจัดการจำหน่ายและให้เช่าซื้อ จำเลยได้เช่าซื้อเครื่องพิมพ์ดีดนั้นไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ส่งคืนเครื่องพิมพ์ดีดกลับยักยอกเสีย ดังนี้ เมื่อได้ความว่าโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยผู้จัดการแผนกขายเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด เพื่อประโยชน์ของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อในฐานะตัวแทนบริษัทตามหน้าที่ ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) คือ บริษัท โจทก์เป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานของบริษัทคนหนึ่ง ไม่ปรากฏว่ามีความรับผิดชอบหรือเสียหายอย่างใดนอกเหนือไปกว่านั้น จึงย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะพึงดำเนินคดีแก่จำเลยในนามของโจทก์เป็นส่วนตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เช่าซื้อ: ผู้เสียหายคือเจ้าของทรัพย์ ไม่ใช่ตัวแทน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด มีอำนาจจัดการจำหน่ายและให้เช่าซื้อ จำเลยได้เช่าซื้อเครื่องพิมพ์ดีดนั้นไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ส่งคืนเครื่องพิมพ์ดีดกลับยักยอกเสีย ดังนี้ เพื่อได้ความว่าโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยผู้จัดการแผนกขายเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด เพื่อประโยชน์ของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อในฐานะตัวแทนบริษัทตามหน้าที่ ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) คือ บริษัท โจทก์เป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานของบริษัทคนหนึ่งไม่ปรากฏว่ามีความรับผิดชอบหรือเสียหายอย่างใดนอกเหนือไปกว่านั้น จึงย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะพึงดำเนินคดีแก่จำเลยในนามของโจทก์เป็นส่วนตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528-1530/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาห้ามในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลทั้งสองชั้นพิพากษาโดยอาศัยข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีเช็ค
สำนวนที่ 2 - 3 ศาลชั้นต้นต้องฟังข้อเท็จจริงเพื่อนำไปวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ แล้วจึงพิพากษาว่าไม่ใช่ผู้เสียหาย ยกฟ้อง ย่อมเป็นการยกฟ้องทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โจทก์อุทธรณ์ข้อเท็จจริงรวมมากับข้อกฎหมายว่าเป็นผู้เสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องอีก จึงถือได้ว่าศาลทั้งสองยกฟ้องในข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ส่วนสำนวนที่ 1 แม้ศาลล่างยกฟ้องเพราะเหตุที่ฟ้องไม่ปรากฏชื่อผู้เรียงอีกเหตุหนึ่งด้วย ก็ต้องห้ามฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 219 เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำของผู้เสียหายที่ร่วมมือให้จำเลยติดสินบนเจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือบุตร ทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องร้อง
บุตรผู้เสียหายต้องหาว่าลักทรัพย์บุคคลอื่น จำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านรับจะช่วยเหลือให้หลุดพ้นแต่ต้องให้เงินแก่จำเลยเพื่อเอาไปให้พนักงานสอบสวน ผู้เสียหลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลย โดยประสงค์ที่จะให้บุตรของตนไม่ต้องรับโทษนั้น เข้าลักษณะเป็นการที่ผู้เสียหายใช้ให้จำเลยไปกระทำผิด จึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวในความผิดฐานฉ้อโกงอันเป็นความผิดต่อส่วนตัวได้
แต่พนักงานอัยการย่อมมีสิทธิดำเนินคดีขอให้ลงโทษจำเลยฐานเรียกเอาเงินเพื่อจะเอาไปจูงใจเจ้าพนักงานโดยวิธีทุจริตหรือผิดกฎหมายหรือโดยอิทธิพลของจำเลย เพื่อไม่ให้กระทำการอันเป็นโทษแก่บุตรผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 อันเป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดินได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานฉ้อโกงของผู้เสียหาย และสิทธิในการดำเนินคดีอาญาแผ่นดินต่อจำเลย
บุตรผู้เสียหายต้องหาว่าลักทรัพย์บุคคลอื่น จำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านรับจะช่วยเหลือให้หลุดพ้นแต่ต้องให้เงินแก่จำเลยเพื่อเอาไปให้พนักงานสอบสวน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลย โดยประสงค์ที่จะให้บุตรของตนไม่ต้องรับโทษนั้น เข้าลักษณะเป็นการที่ผู้เสียหายใช้ให้จำเลยไปกระทำผิด จึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ ให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวในความผิดฐานฉ้อโกงอันเป็นความผิดต่อส่วนตัวได้
แต่พนักงานอัยการย่อมมีสิทธิดำเนินคดีขอให้ลงโทษจำเลยฐานเรียกเอาเงินเพื่อจะเอาไปจูงใจเจ้าพนักงานโดยวิธีทุจริตหรือผิดกฎหมายหรือโดยอิทธิพลของจำเลยเพื่อไม่ให้กระทำการอันเป็นโทษแก่บุตรผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 อันเป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้ที่สมัครใจวิวาททำร้ายกับผู้อื่น
การที่โจทก์สมัครใจวิวาททำร้ายกับจำเลยโดยนิตินัยโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาล และดจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในกรณีนี้ ไม่ว่าจำเลยจะได้มีชื่อเป็นผู้เสียหายในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องหาว่าวิวาทรายเดียวกันนั้นด้วยหรือไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้ที่สมัครใจวิวาท: ผู้สมัครใจวิวาทไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่โจทก์สมัครใจวิวาททำร้ายกับจำเลยโดยนิตินัยโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาล และโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในกรณีนี้ ไม่ว่าจำเลยจะได้มีชื่อเป็นผู้เสียหายในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องหาว่าวิวาทรายเดียวกันนั้นด้วยหรือไม่
of 125