พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ & นิติกรรมอำพราง: ผู้ให้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ สัญญาเช่าไม่เป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาไถ่
ผู้ให้เช่าหาจำต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ให้เช่าเสมอไปไม่ เมื่อจำเลยทำสัญญาเช่าบ้านและที่ดินกับโจทก์ แล้วจำเลยผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยชอบแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ จำเลยจะยกเหตุที่โจทก์ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่ให้เช่ามาเป็นข้อต่อสู้ไม่ได้
ทรัพย์ที่โจทก์ให้เช่าเป็นของบุตรโจทก์ การฟ้องขับไล่จำเลยจึงไม่ใช่เป็นการจัดการสินสมรสของโจทก์กับสามีอันจะต้องทำร่วมกันตามป.พ.พ. ม.1476
กรณีจะเป็นนิติกรรมอำพรางได้จะต้องปรากฏว่า นิติกรรมที่อำพรางและนิติกรรมที่ถูกอำพรางคู่กรณีจะต้องเป็นบุคคลเดียวกันและต้องทำขึ้นในคราวเดียวกัน จำเลยนำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปขายฝากโจทก์ร่วมโดยโจทก์เป็นผู้ลงชื่อรับซื้อฝากแทนโจทก์ร่วมต่อมาจำเลยไม่ได้ไถ่ภายในกำหนด ทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นของโจทก์ร่วมต่อมาจำเลยทำสัญญาเช่าจากโจทก์ สัญญาเช่านี้มิได้เป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาไถ่ทรัพย์คืน แต่เป็นนิติกรรมที่โจทก์จำเลยมีเจตนาให้มีผลบังคับกันโดยแท้จริง มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
ทรัพย์ที่โจทก์ให้เช่าเป็นของบุตรโจทก์ การฟ้องขับไล่จำเลยจึงไม่ใช่เป็นการจัดการสินสมรสของโจทก์กับสามีอันจะต้องทำร่วมกันตามป.พ.พ. ม.1476
กรณีจะเป็นนิติกรรมอำพรางได้จะต้องปรากฏว่า นิติกรรมที่อำพรางและนิติกรรมที่ถูกอำพรางคู่กรณีจะต้องเป็นบุคคลเดียวกันและต้องทำขึ้นในคราวเดียวกัน จำเลยนำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปขายฝากโจทก์ร่วมโดยโจทก์เป็นผู้ลงชื่อรับซื้อฝากแทนโจทก์ร่วมต่อมาจำเลยไม่ได้ไถ่ภายในกำหนด ทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นของโจทก์ร่วมต่อมาจำเลยทำสัญญาเช่าจากโจทก์ สัญญาเช่านี้มิได้เป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาไถ่ทรัพย์คืน แต่เป็นนิติกรรมที่โจทก์จำเลยมีเจตนาให้มีผลบังคับกันโดยแท้จริง มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าที่ดิน: กำหนดเวลาและสถานที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์เช่าที่ดินของจำเลย ในสัญญาไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับสถานที่ชำระค่าเช่า โจทก์ต้องเป็นผู้นำค่าเช่าไปชำระให้แก่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ ณ ภูมิลำเนาของจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 324และจะต้องชำระภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 204
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่า, การเช่าช่วง, การบอกเลิกสัญญา, สิทธิการฟ้องขับไล่, การพิสูจน์ข้อเท็จจริง
โจทก์ที่ 2 จดทะเบียนเช่าอาคารพิพาทจากโจทก์ที่ 1 แต่เข้าครอบครองไม่ได้เพราะจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ขัดขวาง โจทก์ที่ 2 ชอบที่จะเรียกผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 477 และ 549 เพื่อศาลจะได้วินิจฉัยข้อพิพาทระหว่างคู่กรณีทั้งหลายรวมไปเป็นคดีเดียวกัน แต่เมื่อโจทก์ที่ 2 ได้ฟ้องคดีร่วมกับโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าแล้ว โจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 1 จึงมีอำนาจฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกโรงเรียนที่หมดอายุสัญญาเช่า แม้เจ้าของเป็นชื่อในนาม แต่ยังมีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษา
จำเลยเอาข้าวเปลือกเข้าไปเก็บไว้ในอาคารโรงเรียนที่เกิดเหตุโดยมิได้รับอนุญาต แม้โรงเรียนจะเป็นของส่วนรวม ส. ผู้เสียหายเป็นเจ้าของแต่เพียงในนามเพื่อให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ ปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของมารดาจำเลยและหมดอายุสัญญาเช่าแล้ว ส.ผู้เสียหายก็มีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาโรงเรียนที่เกิดเหตุการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและภาระภาษี: แม้สัญญาหลักระบุผู้เสียภาษี แต่หากข้อเท็จจริงเปลี่ยน ผู้เช่าต้องรับผิดตามสัญญาที่ทำกับผู้ให้เช่า
โจทก์เป็นผู้มีสิทธิหาผลประโยชน์จากการให้เช่าอาคารของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โจทก์ให้จำเลยเช่าอาคารโดยจำเลยทำสัญญากับโจทก์ว่าจะเป็นผู้เสียค่าภาษีโรงเรือนสำหรับอาคารที่เช่า ดังนี้แม้ตามสัญญาเช่าที่โจทก์พาจำเลยไปทำกับจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จะ ระบุว่าจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยมีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนแต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมิได้เป็นผู้เสีย โจทก์เป็นผู้เสียซึ่งโจทก์ผลักภาระนี้ให้จำเลย จำเลยก็ต้องเป็นผู้เสียภาษีโรงเรือนตามสัญญาที่ ทำไว้กับโจทก์ จะยกสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและภาระภาษี: แม้สัญญาเช่ากับเจ้าของกรรมสิทธิ์ระบุหน้าที่เสียภาษี แต่หากเจ้าของกรรมสิทธิ์มิได้เสีย ผู้เช่าต้องรับผิดตามสัญญาเช่ากับผู้ให้เช่า
โจทก์เป็นผู้มีสิทธิหาผลประโยชน์จากการให้เช่าอาคารของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โจทก์ให้จำเลยเช่าอาคารโดยจำเลยทำสัญญากับโจทก์ว่าจะเป็นผู้เสียค่าภาษีโรงเรือนสำหรับอาคารที่เช่า ดังนี้แม้ตามสัญญาเช่าที่โจทก์พาจำเลยไปทำกับจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จะ ระบุว่าจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยมีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนแต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยมิได้เป็น ผู้เสีย โจทก์เป็นผู้เสีย ซึ่งโจทก์ผลักภาระนี้ให้ จำเลย จำเลยก็ต้องเป็นผู้เสียภาษีโรงเรือนตามสัญญาที่ ทำไว้กับโจทก์ จะยกสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเกิน 3 ปี ไม่จดทะเบียน: สิทธิบอกเลิกสัญญาของผู้รับโอน
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงแล้ว แม้ฎีกาข้อเท็จจริงนั้นขึ้นมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ผู้ให้เช่าทำสัญญาตกลงกับผู้เช่าไว้ว่าจะให้ผู้เช่าเช่าที่พิพาทได้ตลอดไป โดยผู้ให้เช่าจะไม่เป็นฝ่ายเลิกสัญญาเป็นข้อตกลงให้ สัญญาเช่ามีอายุการเช่าเกินกว่าสามปี เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บัญญัติไว้ จึงฟ้องร้องให้บังคับคดีกันได้เพียงสามปีเท่านั้น การเช่าที่เกินกำหนดสามปี เป็นการเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลา ผู้รับโอนที่พิพาทจากเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 การที่ผู้เช่ายังอยู่ในที่พิพาทต่อมาเมื่อพ้นกำหนดตามคำบอกกล่าวแล้วจึงเป็นการละเมิด
ผู้ให้เช่าทำสัญญาตกลงกับผู้เช่าไว้ว่าจะให้ผู้เช่าเช่าที่พิพาทได้ตลอดไป โดยผู้ให้เช่าจะไม่เป็นฝ่ายเลิกสัญญาเป็นข้อตกลงให้ สัญญาเช่ามีอายุการเช่าเกินกว่าสามปี เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บัญญัติไว้ จึงฟ้องร้องให้บังคับคดีกันได้เพียงสามปีเท่านั้น การเช่าที่เกินกำหนดสามปี เป็นการเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลา ผู้รับโอนที่พิพาทจากเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 การที่ผู้เช่ายังอยู่ในที่พิพาทต่อมาเมื่อพ้นกำหนดตามคำบอกกล่าวแล้วจึงเป็นการละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารรับเงินประกันการรื้อถอน ไม่ถือเป็นสัญญาเช่า ขาดหลักฐานฟ้องบังคับสัญญา
เอกสารแสดงการรับเงินประกันการรื้อถอนอาคารเพื่อดัดแปลงให้เหมาะสมแก่การที่โจทก์จะใช้เป็นสถานที่ประกอบการค้ารถยนต์ ซึ่งมีข้อความว่าจะให้ทนายความทำสัญญาเช่าในภายหลัง ไม่เป็นหลักฐานการเช่า โจทก์จะใช้เอกสารดังกล่าวฟ้องขอบังคับจำเลยให้โจทก์เช่าหรือเรียกร้องค่าเสียหายไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โบนัส-บำเหน็จ: สิทธิลูกจ้างรับโอนจากรัฐวิสาหกิจ vs. ลูกจ้างใหม่ตามสัญญาเช่า
เงินโบนัสและเงินบำเหน็จเป็นเงินที่นายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้างนอกเหนือไปจากที่นายจ้างจะต้องจ่ายตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ เช่นค่าชดเชยดังนั้น นายจ้างจะจ่ายเงินโบนัสและเงินบำเหน็จให้แก่ลูกจ้างหรือไม่ และถ้าจ่ายจะจ่ายด้วยวิธีการและหลักเกณฑ์อย่างใดก็ต้องแล้วแต่นายจ้างจะกำหนด หรือตามสัญญาระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หรือตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างแล้วแต่กรณี เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ โจทก์บางคนที่จำเลยรับเข้าทำงานเองมิได้มีความผูกพันอยู่กับสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อจำเลยได้มีคำสั่งและประกาศให้ทราบแล้วว่า ให้แยกจ่ายเงินค่าครองชีพต่างหากจากเงินเดือนและค่าจ้าง ทั้งโจทก์ก็ได้ยอมรับเอาเงินโบนัสและเงินบำเหน็จไปแล้ว มิได้มีการโต้แย้งหรือเรียกร้องให้จำเลยจ่ายเป็นประการอื่น จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกให้จำเลยนำเงินค่าครองชีพมารวมเป็นค่าจ้างเพื่อประโยชน์ในการคำนวณเงินโบนัสหรือเงินบำเหน็จเพิ่มอีกได้
ส่วนโจทก์บางคนที่จำเลยรับโอนจากโรงงานสุรากรมโรงงานอุตสาหกรรมตามสัญญาเช่านั้น จำเลยต้องผูกพันตามสัญญาเช่า โดยที่ขณะสัญญาเช่ายังมีผลบังคับกระทรวงการคลังได้สั่งให้รัฐวิสาหกิจที่จ่ายเงินค่าครองชีพเงินค่ายังชีพ หรือเงินที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่นแต่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน นำเงินดังกล่าวไปบวกรวมเข้ากับเงินเดือนค่าจ้าง และนำยอดรวมไปปรับเข้าขั้นเงินเดือนค่าจ้าง ตามบัญชีอัตราเงินเดือน ค่าจ้าง ที่รัฐวิสาหกิจใช้อยู่ ซึ่งเห็นว่าตามวิธีการที่กำหนดนี้ย่อมเป็นการให้ประโยชน์แก่ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจดีขึ้นในการคำนวณเงินโบนัสและเงินบำเหน็จ ฉะนั้น จึงอยู่ในข้อบังคับของสัญญาเช่าอันเป็นผลให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าต้องปฏิบัติตามระเบียบหรือคำสั่งทางราชการดังกล่าว ด้วยเหตุนี้โจทก์ที่จำเลยรับโอนมาจึงมีสิทธิจะให้จำเลยนำเงินค่าครองชีพมารวมเป็นค่าจ้างเพื่อคำนวณเงินโบนัสและเงินบำเหน็จเพิ่มอีกได้
ส่วนโจทก์บางคนที่จำเลยรับโอนจากโรงงานสุรากรมโรงงานอุตสาหกรรมตามสัญญาเช่านั้น จำเลยต้องผูกพันตามสัญญาเช่า โดยที่ขณะสัญญาเช่ายังมีผลบังคับกระทรวงการคลังได้สั่งให้รัฐวิสาหกิจที่จ่ายเงินค่าครองชีพเงินค่ายังชีพ หรือเงินที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่นแต่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน นำเงินดังกล่าวไปบวกรวมเข้ากับเงินเดือนค่าจ้าง และนำยอดรวมไปปรับเข้าขั้นเงินเดือนค่าจ้าง ตามบัญชีอัตราเงินเดือน ค่าจ้าง ที่รัฐวิสาหกิจใช้อยู่ ซึ่งเห็นว่าตามวิธีการที่กำหนดนี้ย่อมเป็นการให้ประโยชน์แก่ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจดีขึ้นในการคำนวณเงินโบนัสและเงินบำเหน็จ ฉะนั้น จึงอยู่ในข้อบังคับของสัญญาเช่าอันเป็นผลให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าต้องปฏิบัติตามระเบียบหรือคำสั่งทางราชการดังกล่าว ด้วยเหตุนี้โจทก์ที่จำเลยรับโอนมาจึงมีสิทธิจะให้จำเลยนำเงินค่าครองชีพมารวมเป็นค่าจ้างเพื่อคำนวณเงินโบนัสและเงินบำเหน็จเพิ่มอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากสัญญาเช่า: ธนาคารมีสิทธิเรียกร้องค่าขาดประโยชน์เมื่อจำเลยผิดสัญญาโอนสิทธิเช่าและทราบวัตถุประสงค์การใช้งาน
ธนาคารโจทก์ผู้รับโอนสิทธิการเช่าได้มีเอกสารแจ้งจำเลยผู้โอนแล้วว่าจะใช้ตึกอาคารพิพาทเป็นที่ตั้งสำนักงานสาขาของธนาคารโจทก์ เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่จัดการโอน ฉะนั้น ค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์ในกรณีนี้ จึงเป็นค่าเสียหายที่จำเลยได้คาดเห็นแล้ว หาใช่นอกเหนือจากการคาดการณ์ของจำเลยหรือไกลกว่าเหตุไม่