พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,471 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะจำเลยเป็นลูกจ้างโรงงานสุรา ไม่ใช่เจ้าพนักงาน ทำให้ไม่อาจลงโทษฐานทุจริตต่อหน้าที่ได้
จำเลยได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติงานในโรงงานสุราสังกัดกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามระเบียบข้อบังคับของโรงงานสุรา แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จะเป็นผู้บรรจุแต่งตั้งก็ตาม ไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือก ไม่ต้องรับอนุมัติจาก ก.พ. การถอดถอนหรือให้ออกจากตำแหน่งเป็นไปตามข้อบังคับของโรงงานสุรา ไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ จำเลยได้รับเงินเดือนจากรายได้ ของโรงงานสุราไม่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน เมื่อจะออกจากงานก็ไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญ จำเลยทำงานอยู่ในโรงงานสุราโดยมีค่าจ้าง ฐานะของจำเลยเป็นเพียงลูกจ้างของโรงงานสุราเท่านั้น ถือว่า จำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ เมื่อได้ความตามทางพิจารณาในเบื้องต้นว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย และถ้าตามฟ้องก็ไม่อาจจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นได้เช่นนี้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้เลยทีเดียว ไม่จำเป็นที่จะให้สืบพยานที่เหลือกันต่อไป เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ เมื่อได้ความตามทางพิจารณาในเบื้องต้นว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย และถ้าตามฟ้องก็ไม่อาจจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นได้เช่นนี้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้เลยทีเดียว ไม่จำเป็นที่จะให้สืบพยานที่เหลือกันต่อไป เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะ 'ลูกจ้าง' โรงงานสุรา ไม่ใช่ 'เจ้าพนักงาน' ทำให้ฟ้องทุจริตไม่ได้ แม้มีอำนาจสั่งจ่ายเงิน
จำเลยได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติงานในโรงงานสุราสังกัดกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามระเบียบข้อบังคับของโรงงานสุราแม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นผู้บรรจุแต่งตั้งก็ตาม ไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือก ไม่ต้องรับอนุมัติจาก ก.พ.การถอดถอนหรือให้ออกจากตำแหน่งเป็นไปตามข้อบังคับของโรงงานสุรา ไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ จำเลยได้รับเงินเดือนจากรายได้ของโรงงานสุราไม่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดินเมื่อจะออกจากงานก็ไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญจำเลยทำงานอยู่ในโรงงานสุราโดยมีค่าจ้าง ฐานะของจำเลยเป็นเพียงลูกจ้างของโรงงานสุราเท่านั้น ถือว่า จำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่เมื่อได้ความตามทางพิจารณาในเบื้องต้นว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมายและถ้าตามฟ้องก็ไม่อาจจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นได้เช่นนี้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้เลยทีเดียว ไม่จำเป็นที่จะให้สืบพยานที่เหลือกันต่อไปเพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่เมื่อได้ความตามทางพิจารณาในเบื้องต้นว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมายและถ้าตามฟ้องก็ไม่อาจจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นได้เช่นนี้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้เลยทีเดียว ไม่จำเป็นที่จะให้สืบพยานที่เหลือกันต่อไปเพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดฐานะ 'เจ้าพนักงาน' สำหรับความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยต้องมีคุณสมบัติเป็นข้าราชการหรือเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานทำการทุจริตต่อหน้าที่ และจดหลักฐานเท็จ แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยได้รับแต่งตั้ง จากอธิบดีกรมชลประทานให้เป็นช่างบังคับหมู่เขื่อนระบายน้ำโพธิ์เตี้ย มีหน้าที่ควบคุมงานก่อนสร้าง ซ่อมแซมบำรุงรักษา ควบคุมการเบิกจ่ายค่าแรงคนงาน ควบคุมคนงาน โดยได้รับเงินค่าจ้างเป็นรายวันจากงบประมาณ ซึ่งมิใช่ประเภทเงินเดือน เมื่อจำเลยได้เบิกค่าแรงคนงานเกินความจริงและจดหลักฐานเท็จ ก็จะเอาผิดฐานเท็จความฟ้องไม่ได้ เพราะถือว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานและตามฟ้องของโจทก์ก็มิได้บรรยายถึงความผิดอย่างอื่นอันเป็นเรื่องที่เห็นได้ว่า โจทก์มีความประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยซึ่งไม่ใช่ในฐานเป็นเจ้าพนักงานด้วย เมื่อเป็นดังนี้ คดีก็ไม่มีทางจะลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดฐานะ ‘เจ้าพนักงาน’ และความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่: จำเลยไม่ใช่ข้าราชการจึงไม่อยู่ในอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานทำการทุจริตต่อหน้าที่และจดหลักฐานเท็จแต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยได้รับแต่งตั้งจากอธิบดีกรมชลประทานให้เป็นช่างบังคับหมู่เขื่อนระบายน้ำโพธิ์เตี้ยมีหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบำรุงรักษา ควบคุมการเบิกจ่ายค่าแรงคนงาน ควบคุมคนงานโดยได้รับเงินค่าจ้างเป็นรายวันจากงบประมาณ ซึ่งมิใช่ประเภทเงินเดือน เมื่อจำเลยได้เบิกค่าแรงคนงานเกินความจริงและจดหลักฐานเท็จ ก็จะเอาผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่และทำหลักฐานเท็จตามฟ้องไม่ได้เพราะถือว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานและตามฟ้องของโจทก์ก็มิได้บรรยายถึงความผิดอย่างอื่นอันเป็นเรื่องที่เห็นได้ว่า โจทก์มีความประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยซึ่งไม่ใช่ในฐานเป็นเจ้าพนักงานด้วย เมื่อเป็นดังนี้ คดีก็ไม่มีทางจะลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าราชการครูทุจริตยักยอกเงิน แม้ได้รับมอบหมายงานเพิ่ม ก็ยังมีความผิดฐานเจ้าพนักงานทุจริต
ข้าราชการพลเรือนตำแหน่งครูประชาบาลรับเงินเดือนประจำทางงบประมาณประเภทเงินเดือนของกระทรวงศึกษาธิการ แม้นายอำเภอและศึกษาธิการอำเภอ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจะได้มีคำสั่งให้ไปทำงานในตำแหน่งเสมียนแผนกศึกษาธิการอำเภออีกตำแหน่งหนึ่งก็ตาย ก็ยังมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ฉะนั้น เมื่อปฏิบัติราชการโดยทุจริตยักยอกเงินที่ได้รับไว้ตามหน้าที่จึงย่อมมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าราชการครูทุจริตยักยอกเงิน แม้รับมอบหมายงานเพิ่ม ก็ยังคงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน
ข้าราชการพลเรือนตำแหน่งครูประชาบาลรับเงินเดือนประจำทางงบประมาณประเภทเงินเดือนของกระทรวงศึกษาธิการ แม้นายอำเภอและศึกษาธิการอำเภอ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจะได้มีคำสั่งให้ไปทำงานในตำแหน่งเสมียนแผนกศึกษาธิการอำเภออีกตำแหน่งหนึ่งก็ตามก็ยังมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายฉะนั้น เมื่อปฏิบัติราชการโดยทุจริตยักยอกเงินที่ได้รับไว้ตามหน้าที่จึงย่อมมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวติชมเจ้าพนักงานและการยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาทจากการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน
จำเลยซึ่งเป็นครูใหญ่ประชาบาลกล่าวว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นนายอำเภอว่าไม่เป็นประชาธิปไตยโดยบังคับให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเลือกคนที่ผู้เสียหายชอบ ถ้าใครไม่เลือกก็ไม่ขอเงินเดือนขึ้นให้ นั้น ถ้อยคำที่กล่าวนี้ ถ้าเป็นความจริง ก็ถือได้ว่า เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน เพราะการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรอันเป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยนี้ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของราษฎรผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง
อนึ่ง ที่จำเลยกล่าวว่า การทำทำนบผู้เสียหายไม่ทำตามคำพูด ทำงานไม่ขาวสะอาด นั้น เมื่อได้ความว่า ผู้เสียหายเป็นกรรมการขุดบ่อน้ำ ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินขุดสระแต่ใช้ไปครึ่งเดียว จำเลยซึ่งเป็นกรรมการร่วมด้วยรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านได้ขอให้ผู้เสียหายนำเงินที่เหลือมาทำทำนบเพื่อกักไว้บริโภค โดยผู้เสียหายตกลงจะซื้อปูนซิเมนต์ส่งมาให้ แต่ผู้เสียหายได้เอาเงินที่เหลือไปใช้จ่ายทางอื่นโดยมิได้ให้จำเลยทราบ การทำทำนบจึงไม่เสร็จ ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวจึงเป็นการกล่าวโดยสุจริตและอยู่ในวิสัยของการติชม ไม่เป็นผิดฐานหมิ่นประมาท
การกล่าวที่จะเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 ต้องเป็นเรื่องเจ้าพนักงานกระทำตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ถ้าเป็นการนอกหน้าที่แล้ว กรณีหาเข้ามาตรานี้ไม่
อนึ่ง ที่จำเลยกล่าวว่า การทำทำนบผู้เสียหายไม่ทำตามคำพูด ทำงานไม่ขาวสะอาด นั้น เมื่อได้ความว่า ผู้เสียหายเป็นกรรมการขุดบ่อน้ำ ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินขุดสระแต่ใช้ไปครึ่งเดียว จำเลยซึ่งเป็นกรรมการร่วมด้วยรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านได้ขอให้ผู้เสียหายนำเงินที่เหลือมาทำทำนบเพื่อกักไว้บริโภค โดยผู้เสียหายตกลงจะซื้อปูนซิเมนต์ส่งมาให้ แต่ผู้เสียหายได้เอาเงินที่เหลือไปใช้จ่ายทางอื่นโดยมิได้ให้จำเลยทราบ การทำทำนบจึงไม่เสร็จ ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวจึงเป็นการกล่าวโดยสุจริตและอยู่ในวิสัยของการติชม ไม่เป็นผิดฐานหมิ่นประมาท
การกล่าวที่จะเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 ต้องเป็นเรื่องเจ้าพนักงานกระทำตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ถ้าเป็นการนอกหน้าที่แล้ว กรณีหาเข้ามาตรานี้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิจากการยืนยันให้ยึดทรัพย์ของผู้อื่นโดยไม่มีอำนาจ แม้เจ้าพนักงานจะใช้ดุลพินิจยึดทรัพย์ตามกฎหมาย ผู้ยืนยันก็ต้องรับผิดในทางแพ่ง
จำเลยยืนยันให้กำนันยึดรถยนต์บรรทุกของโจทก์ซึ่งรับจ้างบรรทุกข้าวเปลือก โดยจำเลยหาว่าผู้ว่าจ้างบรรทุกข้าวเปลือกนั้นลักข้าวเปลือกของจำเลยไว้โดยไม่มีความจำเป็นและเป็นการจงใจแกล้งโจทก์โดยไม่สุจริต กำนันจึงยึดรถของโจทก์ไว้ 39 วัน ดังนี้ การกระทำของจำเลยได้ชื่อว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์กำนันจะยึดรถไว้โดยอาศัยอำนาจของตนเองในฐานเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจเช่นว่านั้น หรือไม่ไม่สำคัญ เมื่อโจทก์ฟ้องในทางแพ่งและจำเลยได้ละเมิดสิทธิของโจทก์แล้ว จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ในทางแพ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 (ควรเทียบดูกับฎีกาที่ 320/2503) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการป้องกันสิทธิโดยชอบธรรม กรณีฆ่าเจ้าพนักงาน
พลตำรวจเข้าไปจับหญิงนครโสเภณี เห็นผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งนั่งคุยกันในห้องซึ่งเปิดประตูอยู่ เช่นนี้ ยังเรียกไม่ได้ว่า หญิงคนนั้นกำลังกระทำผิดหรือพยายามกระทำผิด หรือพบโดยมีพฤติการณ์อันควรสงสัยว่าผู้นั้นจะกระทำผิดโดยมีเครื่องมืออาวุธหรือวัตถุอย่างอื่นอันสามารถอาจใช้ในการกระทำความผิด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำความผิดมาแล้ว และจะหลบหนีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 พลตำรวจจึงไม่มีอำนาจจับหญิงนั้นโดยไม่มีหมายจับ กรณีเช่นนี้ ต้องให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่จับด้วยตนเองได้ โดยไม่ต้องมีหมายจับ เมื่อการจับกุมของพลตำรวจเช่นนี้ไม่มีกฎหมายสนับสนุนแล้ว การที่จำเลยฆ่าพลตำรวจผู้จับจึงไม่เรียกว่าฆ่าเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่กระทำการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยได้รับอนุญาตทางราชการ ไม่คุ้มครองการหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน จำเลยให้การว่าจำเลยพูดโดยแสดงความคิดเห็นโดยได้รับอนุญาตจากทางราชการแล้ว การที่ได้รับอนุญาตให้พูดมิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่จะให้กล่าวถ้อยคำอันเป็นความผิดอาญา หรือ ทำให้เกิดการเสียหายต่อผู้อื่นได้