คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฎีกาในคดีอาญา: ดุลพินิจโทษและแก้ไขโทษโดยศาลอุทธรณ์
ฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและให้รอการลงโทษไว้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 69ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี และศาลอุทธรณ์ลงโทษไม่เกินกำหนดนี้ โจทก์ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่แก้ไขแล้วส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 69 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน และให้รอการลงโทษไว้ แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี แต่เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมาก กล่าวคือนอกจากแก้โทษจำคุกให้เบาลงแล้วยังให้รอการลงโทษไว้ด้วย จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2550/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย: การแก้ไขโทษเล็กน้อยโดยศาลอุทธรณ์ และการโต้แย้งดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 กระทง กระทงละ 3 ปีรวมจำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โดยระบุวรรคของบทกฎหมายที่ยกขึ้นปรับลงโทษจำเลยเสียให้ชัดเจน และแก้โทษเป็นจำคุกกระทงละ 2 ปี รวมเป็นจำคุก 4 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย โดยยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกระทงละ 5 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก
ฎีกาจำเลยที่ว่า พยานโจทก์มีพิรุธ ขัดแย้งกันเองฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2550/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษทางอาญาโดยศาลอุทธรณ์และการจำกัดสิทธิในการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานความผิดต่อ พ.ร.บ. ป่าไม้2 กระทง กระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โดยระบุวรรคของบทกฎหมายที่ยกขึ้นปรับ ลงโทษจำเลยให้ชัดเจนและแก้โทษเป็นจำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี ดังนี้เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเล็กน้อย โดยยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2550/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษทางอาญาเล็กน้อยโดยศาลอุทธรณ์ และข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 กระทง กระทงละ 3 ปีรวมจำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โดย ระบุวรรคของบทกฎหมายที่ยกขึ้นปรับลงโทษจำเลยเสียให้ชัดเจน และแก้ โทษเป็นจำคุกกระทงละ2 ปี รวมเป็นจำคุก 4 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย โดย ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกระทงละ 5 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคแรก ฎีกาจำเลยที่ว่า พยานโจทก์มีพิรุธ ขัดแย้งกันเองฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจ ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษตามกฎหมายยาเสพติด: ศาลต้องระบุมาตราและวรรคที่ผิดชัดเจน การแก้คำพิพากษาโดยอุทธรณ์ชอบแล้ว
พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 8เป็นบทกำหนดโทษที่แก้ไขใหม่ของมาตรา 76 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 8เท่ากับลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 76(ที่แก้ไขใหม่) ซึ่งความผิดตามมาตรา 76 ดังกล่าวมีหลายวรรคแต่ละวรรคกำหนดโทษไว้แตกต่างกัน การที่ศาลชั้นต้นไม่ระบุว่าจำเลยมีความผิดวรรคใดย่อมไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์แก้เสียให้ถูกต้องได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 248 ว.พ.พ. กรณีศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเล็กน้อย และทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์ 7,500 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 44,067 บาทตามฟ้องเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และทุนทรัพย์ที่พิพาทกันไม่เกิน50,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2273/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเนื่องจากแก้ไขเล็กน้อยในปัญหาข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานในสำนวน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยรวม 4 กระทง กระทงที่ลงโทษสูงสุดจำคุก 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เกี่ยวกับบทกฎหมายที่ลงโทษโดยระบุวรรคให้ถูกต้องและไม่ได้ริบอาวุธปืนมีทะเบียนของกลาง จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก
ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า ก่อนฟ้องมิได้มีการสอบสวนจำเลยถ้อยคำสำนวนในคดีและการนำสืบของโจทก์จะเห็นได้ว่าจำเลยมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด คำพยานโจทก์ไม่มีพยานปากใดยืนยันว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาลงโทษจำเลยโดยมิได้อ้างว่าข้อเท็จจริงนอกสำนวนดังกล่าวคือข้อเท็จจริงใด และศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้วเห็นว่าศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานในสำนวนทั้งสิ้น ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2230/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันตัวผิดเงื่อนไข ศาลมีอำนาจปรับตามสัญญา คำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด
ผู้ประกันผิดสัญญาประกัน และศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันตามสัญญาแล้ว การที่ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายเวลาส่งตัวจำเลยไป หรือลดค่าปรับลงโดยขอผ่อนชำระค่าปรับเป็นรายเดือน แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งบังคับตามสัญญาประกัน ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 114 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 4 บัญญัติว่าให้เป็นที่สุด ผู้ประกันจึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2230/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดสัญญาประกันตัว จำเลยหลบหนี ศาลสั่งปรับตามสัญญา และคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด
ผู้ประกันผิดสัญญาประกันและศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันตามสัญญาประกันแล้ว การที่ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายเวลาส่งตัวจำเลยที่ 2 ไป หรือลดค่าปรับลงโดยขอผ่อนชำระค่าปรับเป็นรายเดือน แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งบังคับตามสัญญาประกันตาม ป.วิ.อ. มาตรา 119ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.อ. (ฉบับที่ 17)พ.ศ. 2532 มาตรา 4 เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ประกันจึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ได้ เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวบัญญัติไว้ว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล เนื่องจากคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามกฎหมาย
กรณีผิดสัญญาประกันต่อ ศาล เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยอย่างใดแล้ว คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ป.วิ.อ.มาตรา 119 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.อ.(ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 4 ผู้ประกันยื่นฎีกาเมื่อเวลาที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้ บังคับแล้ว ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.
of 225