พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,182 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1488/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนอำนาจตัวแทนจัดการศาสนสมบัติของวัด และขอบเขตการตีความคำว่า 'พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง'
คำว่า "พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง" ในมาตรา 26 แห่งสังฆาณัติระเบียบพระคณาธิการ พ.ศ.2486 ย่อมหมายความรวมถึงพระภิกษุในวัดอื่นด้วย
ระเบียบว่าด้วยการจัดการศาสนสมบัติของวัดตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 จะต้องเป็นระเบียบตามมาตรา 49 ระเบียบเกี่ยวกับการที่วัดต่างๆ จะถอนการจัดการดังกล่าว นอกจากไม่ใช่ระเบียบซึ่งมีมาแต่เดิม และยังไม่ใช่ระเบียบที่ได้ตราขึ้นตามมาตรา 49 ดังนี้ การที่วัดโจทก์ถอนกรมการศาสนาจากการเป็นตัวแทนโดยไม่ขออนุมัติคณะสงฆมนตรี ก็เป็นการเพิกถอนที่ใช้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 827
ระเบียบว่าด้วยการจัดการศาสนสมบัติของวัดตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 จะต้องเป็นระเบียบตามมาตรา 49 ระเบียบเกี่ยวกับการที่วัดต่างๆ จะถอนการจัดการดังกล่าว นอกจากไม่ใช่ระเบียบซึ่งมีมาแต่เดิม และยังไม่ใช่ระเบียบที่ได้ตราขึ้นตามมาตรา 49 ดังนี้ การที่วัดโจทก์ถอนกรมการศาสนาจากการเป็นตัวแทนโดยไม่ขออนุมัติคณะสงฆมนตรี ก็เป็นการเพิกถอนที่ใช้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 827
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีเงินได้และภาษีการค้าจากสัญญาซื้อขายเรือขุดโดยตัวแทนต่างประเทศ
โจทก์ได้รับมอบอำนาจจากผู้ขายที่อยู่ต่างประเทศให้ลงชื่อในสัญญาซื้อขายเรือขุดให้แก่การท่าเรือแห่งประเทศไทย การที่โจทก์ลงชื่อในสัญญาซื้อขายแทนผู้ขายย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้กระทำการแทนในการทำสัญญาขายนั้นแล้ว จึงต้องยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ
เมื่อโจทก์มิได้ยื่นรายการตามมาตรา 71(1) เจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินเอาได้จากยอดรายรับหรือยอดขายก่อนหักรายจ่าย
แม้ผู้ขายเรือขุดจะได้ประกอบกิจการในประเทศไทยแต่เมื่อผู้ขายมีการค้าและสถานที่ทำการค้าอยู่ในต่างประเทศเพียงแต่ประกอบกิจการขายเรือขุด 2 ลำในประเทศไทยโดยมีการประมูลปีละลำ ยังไม่เป็นการประกอบหรือดำเนินการค้าในประเทศไทยตามประมวลรัษฎากรมาตรา 78 โจทก์ผู้ทำการแทนจึงไม่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีเทศบาล
เมื่อโจทก์มิได้ยื่นรายการตามมาตรา 71(1) เจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินเอาได้จากยอดรายรับหรือยอดขายก่อนหักรายจ่าย
แม้ผู้ขายเรือขุดจะได้ประกอบกิจการในประเทศไทยแต่เมื่อผู้ขายมีการค้าและสถานที่ทำการค้าอยู่ในต่างประเทศเพียงแต่ประกอบกิจการขายเรือขุด 2 ลำในประเทศไทยโดยมีการประมูลปีละลำ ยังไม่เป็นการประกอบหรือดำเนินการค้าในประเทศไทยตามประมวลรัษฎากรมาตรา 78 โจทก์ผู้ทำการแทนจึงไม่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีเทศบาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำแทนในการซื้อขายเรือขุดและการเสียภาษีของผู้แทน
โจทก์ได้รับมอบอำนาจจากผู้ขายที่อยู่ต่างประเทศให้ลงชื่อในสัญญาซื้อขายเรือขุดให้แก่การท่าเรือแห่งประเทศไทย การที่โจทก์ลงชื่อในสัญญาซื้อขายแทนผู้ขาย ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้กระทำการแทนในการทำสัญญาขายนั้นแล้ว จึงต้องยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ
เมื่อโจทก์มิได้ยื่นรายการตามมาตรา 71(1)เจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินเอาได้จากยอดรายรับหรือยอดขายก่อนหักรายจ่าย
แม้ผู้ขายเรือขุดจะได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่เมื่อผู้ขายมีการค้าและสถานที่ทำการค้าอยู่ในต่างประเทศ เพียงแต่ประกอบกิจการขายเรือขุด 2 ลำในประเทศไทยโดยมีการประมูลปีละลำ ยังไม่เป็นการประกอบหรือดำเนินการค้าในประเทศไทยตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 โจทก์ผู้ทำการแทนจึงไม่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีเทศบาล
เมื่อโจทก์มิได้ยื่นรายการตามมาตรา 71(1)เจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินเอาได้จากยอดรายรับหรือยอดขายก่อนหักรายจ่าย
แม้ผู้ขายเรือขุดจะได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่เมื่อผู้ขายมีการค้าและสถานที่ทำการค้าอยู่ในต่างประเทศ เพียงแต่ประกอบกิจการขายเรือขุด 2 ลำในประเทศไทยโดยมีการประมูลปีละลำ ยังไม่เป็นการประกอบหรือดำเนินการค้าในประเทศไทยตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 โจทก์ผู้ทำการแทนจึงไม่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีเทศบาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนโดยปริยายและการรับผิดในตั๋วแลกเงิน: เมื่อเจ้าของยินยอมให้ผู้อื่นทำหน้าที่แทน
เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตั้งจำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นตัวแทนหรือ จำเลยที่ 1 ที่ 2 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 เชิดตัวเองว่าเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 3 ออกตั๋วแลกเงินในนามของโรงสีซึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 โดยใช้ตรายี่ห้อโรงสีประทับในตั๋วแลกเงินขายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินจากผู้จ่ายตามที่ระบุไว้ในตั๋วไม่ได้ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของหลักประกันจากตัวแทนที่เชิดตัวเอง
เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตั้งจำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นตัวแทนหรือจำเลยที่ 1 ที่ 2 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 เชิดตัวเองว่าเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 3 ออกตั๋วแลกเงินในนามของโรงสีซึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 โดยใช้ตรายี่ห้อโรงสีประทับในตั๋วแลกเงินขายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินจากผู้จ่ายตามที่ระบุไว้ในตั๋วไม่ได้ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งตัวแทนทำสัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือ หากไม่มีหลักฐานการแต่งตั้ง สัญญาเช่าซื้อเป็นโมฆะ
การเช่าซื้อเป็นนิติกรรมที่ต้องทำเป็นหนังสือการตั้งตัวแทนเพื่อทำสัญญาเช่าซื้อจึงต้องทำเป็นหนังสือด้วย
โจทก์มอบหมายให้ผู้จัดการแผนกเข้าทำสัญญาให้เช่าซื้อทรัพย์สินของโจทก์กับจำเลยโดยมิได้แต่งตั้งตัวแทนเป็นหนังสือ การแต่งตั้งมอบหมายจึงเป็นโมฆะโจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่าโจทก์ได้แต่งตั้งให้ผู้จัดการแผนกเป็นตัวแทนโจทก์เข้าทำสัญญาเช่าซื้อไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ก) การเช่าซื้อดังกล่าวจึงเท่ากับไม่ได้ทำเป็นหนังสือและเป็นโมฆะ สัญญาค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อนั้นจึงไม่อาจมีขึ้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681
โจทก์มอบหมายให้ผู้จัดการแผนกเข้าทำสัญญาให้เช่าซื้อทรัพย์สินของโจทก์กับจำเลยโดยมิได้แต่งตั้งตัวแทนเป็นหนังสือ การแต่งตั้งมอบหมายจึงเป็นโมฆะโจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่าโจทก์ได้แต่งตั้งให้ผู้จัดการแผนกเป็นตัวแทนโจทก์เข้าทำสัญญาเช่าซื้อไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ก) การเช่าซื้อดังกล่าวจึงเท่ากับไม่ได้ทำเป็นหนังสือและเป็นโมฆะ สัญญาค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อนั้นจึงไม่อาจมีขึ้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งตัวแทนทำสัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือ หากไม่มีหลักฐานการแต่งตั้ง สัญญาเช่าซื้อและค้ำประกันเป็นโมฆะ
การเช่าซื้อเป็นนิติกรรมที่ต้องทำเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อทำสัญญาเช่าซื้อจึงต้องทำเป็นหนังสือด้วย
โจทก์มอบหมายให้ผู้จัดการแผนกเข้าทำสัญญาให้เช่าซื้อทรัพย์สินของโจทก์กับจำเลยโดยมิได้แต่งตั้งตัวแทนเป็นหนังสือ การแต่งตั้งมอบหมายจึงเป็นโมฆะ โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่าโจทก์ได้แต่งตั้งให้ผู้จัดการแผนกเป็นตัวแทนโจทก์เข้าทำสัญญาเช่าซื้อไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ก) การเช่าซื้อดังกล่าวจึงเท่ากับไม่ได้ทำเป็นหนังสือและเป็นโมฆะสัญญาค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อนั้นจึงไม่อาจมีขึ้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681
โจทก์มอบหมายให้ผู้จัดการแผนกเข้าทำสัญญาให้เช่าซื้อทรัพย์สินของโจทก์กับจำเลยโดยมิได้แต่งตั้งตัวแทนเป็นหนังสือ การแต่งตั้งมอบหมายจึงเป็นโมฆะ โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่าโจทก์ได้แต่งตั้งให้ผู้จัดการแผนกเป็นตัวแทนโจทก์เข้าทำสัญญาเช่าซื้อไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ก) การเช่าซื้อดังกล่าวจึงเท่ากับไม่ได้ทำเป็นหนังสือและเป็นโมฆะสัญญาค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อนั้นจึงไม่อาจมีขึ้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งตัวแทนบริษัทต่างประเทศ: พิจารณาจากหนังสือมอบอำนาจและพฤติการณ์ประกอบเพื่อผูกพันนิติบุคคล
บริษัทในต่างประเทศทำหนังสือมอบอำนาจระบุชื่อผู้รับมอบอำนาจ ตำบลบ้าน และมีข้อความต่อไปว่า กรรมการบริษัทโจทก์ รวมทั้งระบุที่ตั้งสำนักงานของโจทก์ด้วย เพียงเท่านี้ยังไม่ชัดแจ้งว่าตั้งบุคคลนั้นเป็นส่วนตัวหรือในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ อันจะผูกพันโจทก์ในฐานะที่ผู้รับมอบอำนาจนั้นเป็นกรรมการผู้แทนนิติบุคคล จึงจำต้องพิจารณาพฤติการณ์อื่น ๆ ประกอบด้วย
การที่บริษัทโจทก์เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทในต่างประเทศแต่ผู้เดียวในประเทศไทย เมื่อมีเหตุที่จะต้องตั้งผู้รับมอบอำนาจในประเทศไทย บริษัทต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ขายคงไม่ตั้งผู้อื่น ถ้าสามารถตั้งบริษัทโจทก์ได้นั้น ย่อมเป็นพยานพฤติเหตุประการหนึ่ง เหตุนี้ แม้หนังสือแต่งตั้งจะระบุชื่อบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโจทก์ ตลอดจนระบุที่ตั้งสำนักงานบริษัทโจทก์ด้วย ย่อมแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างประเทศมิได้ตั้งกรรมการบริษัทโจทก์เป็นส่วนตัว แต่ตั้งในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทำการค้าแทนบริษัทโจทก์จึงเป็นตัวแทนซึ่งต้องรับผิดเสียภาษีในส่วนเงินได้ และภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ และมาตรา 78 ด้วย
การที่บริษัทโจทก์เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทในต่างประเทศแต่ผู้เดียวในประเทศไทย เมื่อมีเหตุที่จะต้องตั้งผู้รับมอบอำนาจในประเทศไทย บริษัทต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ขายคงไม่ตั้งผู้อื่น ถ้าสามารถตั้งบริษัทโจทก์ได้นั้น ย่อมเป็นพยานพฤติเหตุประการหนึ่ง เหตุนี้ แม้หนังสือแต่งตั้งจะระบุชื่อบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโจทก์ ตลอดจนระบุที่ตั้งสำนักงานบริษัทโจทก์ด้วย ย่อมแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างประเทศมิได้ตั้งกรรมการบริษัทโจทก์เป็นส่วนตัว แต่ตั้งในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทำการค้าแทนบริษัทโจทก์จึงเป็นตัวแทนซึ่งต้องรับผิดเสียภาษีในส่วนเงินได้ และภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ และมาตรา 78 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจและการเป็นตัวแทน: การพิจารณาเจตนาของผู้มอบอำนาจเพื่อผูกพันบริษัท
บริษัทในต่างประเทศทำหนังสือมอบอำนาจระบุชื่อผู้รับมอบอำนาจตำบลบ้าน และมีข้อความต่อไปว่า กรรมการบริษัทโจทก์ รวมทั้งระบุที่ตั้งสำนักงานของโจทก์ด้วย เพียงเท่านี้ยังไม่ชัดแจ้งว่าตั้งบุคคลนั้นเป็นส่วนตัวหรือในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ อันจะผูกพันโจทก์ในฐานะที่ผู้รับมอบอำนาจนั้นเป็นกรรมการผู้แทนนิติบุคคล จึงจำต้องพิจารณาพฤติการณ์อื่นๆประกอบด้วย
การที่บริษัทโจทก์เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทในต่างประเทศแต่ผู้เดียวในประเทศไทย เมื่อมีเหตุที่จะต้องตั้งผู้รับมอบอำนาจในประเทศไทย บริษัทต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ขายคงไม่ตั้งผู้อื่น ถ้าสามารถตั้งบริษัทโจทก์ได้นั้น ย่อมเป็นพยานพฤติเหตุประการหนึ่ง เหตุนี้ แม้หนังสือแต่งตั้งจะระบุชื่อบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโจทก์ด้วย ย่อมแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างประเทศมิได้ตั้งกรรมการบริษัทโจทก์เป็นส่วนตัว แต่ตั้งในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทำการค้าแทนบริษัทโจทก์จึงเป็นตัวแทนซึ่งต้องรับผิดเสียภาษีในส่วนเงินได้และภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ และมาตรา 78 ด้วย
การที่บริษัทโจทก์เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทในต่างประเทศแต่ผู้เดียวในประเทศไทย เมื่อมีเหตุที่จะต้องตั้งผู้รับมอบอำนาจในประเทศไทย บริษัทต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ขายคงไม่ตั้งผู้อื่น ถ้าสามารถตั้งบริษัทโจทก์ได้นั้น ย่อมเป็นพยานพฤติเหตุประการหนึ่ง เหตุนี้ แม้หนังสือแต่งตั้งจะระบุชื่อบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโจทก์ด้วย ย่อมแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างประเทศมิได้ตั้งกรรมการบริษัทโจทก์เป็นส่วนตัว แต่ตั้งในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทำการค้าแทนบริษัทโจทก์จึงเป็นตัวแทนซึ่งต้องรับผิดเสียภาษีในส่วนเงินได้และภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ และมาตรา 78 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1457/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นตัวแทนต้องมีหลักฐานแสดงการมอบหมาย หรือการกระทำที่แสดงเจตนาชัดเจน มิได้เกิดจากการเป็นข้าราชการเท่านั้น
จำเลยที่ 1 เป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนช่างกลปทุมวัน ซึ่งสังกัดอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ 2,3 ได้สั่งซื้อสีจากโจทก์ในนามของโรงเรียน แต่โจทก์นำสืบมิได้ว่า จำเลยที่ 2,3 ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนหรือเชิดหรือยอมให้จำเลยที่ 1 เชิดตัวเองเป็นตัวแทน ทั้งจำเลยที่ 2,3 ก็มิได้ตกลงยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซื้อสีรายนี้โดยตรงหรือโดยปริยายด้วย จำเลยที่ 2 และ 3 จึงมิต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1
การที่เพียงแต่ผู้ใดเป็นข้าราชการกรมใด จะถือว่าผู้นั้นเป็นผู้แทนหรือตัวแทนของกรมนั้นในการทำนิติกรรมต่างๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เสมอไปนั้นหาได้ไม่ ต้องแล้วแต่ว่าได้มีการแต่งตั้งหรือการปฏิบัติระหว่างกรมกับข้าราชการผู้นั้นว่าจะเข้าลักษณะเป็นตัวแทนหรือไม่
การที่เพียงแต่ผู้ใดเป็นข้าราชการกรมใด จะถือว่าผู้นั้นเป็นผู้แทนหรือตัวแทนของกรมนั้นในการทำนิติกรรมต่างๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เสมอไปนั้นหาได้ไม่ ต้องแล้วแต่ว่าได้มีการแต่งตั้งหรือการปฏิบัติระหว่างกรมกับข้าราชการผู้นั้นว่าจะเข้าลักษณะเป็นตัวแทนหรือไม่