คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้ายร่างกาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรอง: การทำร้ายร่างกายภรรยาด้วยอาวุธอันตรายจนบาดเจ็บสาหัสและการวางแผนล่วงหน้า
จำเลยใช้ไม้กลมโตเท่าข้อมือ ยาวราว 1 แขนตีผู้เสียหายที่บริเวณหน้าหลายครั้ง จนใบหน้าช้ำบวมเขียวตั้งแต่ขอบตาทั้งสองข้างถึงบริเวณขากรรไกรและคอ โหนกแก้มมีแผลขนาด 1.05X0.5 เซนติเมตร จมูกฉีก สมองกระเทือนอย่างแรง ขากรรไกรล่างหักและขาดออกจากกัน (เฉพาะกระดูกและฟันล่าง) สลบไปนานประมาณ 4 ชั่วโมง แพทย์ผู้ตรวจให้ความเห็นว่า ถ้ารักษาช้าไปสักวันสองวันอาจจะตายได้ เช่นนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่า
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจเมื่อจดทะเบียนแล้วในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่า ผู้เสียหายถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน กรณีจำเลยร่วมกันกระทำความผิด แต่มีบทลงโทษต่างกัน
การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยจำเลยที่ 1 ชกพลตำรวจ อ. ที่หน้าอกและจำเลยทั้งสองชกต่อยพลตำรวจ อ. กับพวก นั้น เมื่อไม่ปรากฏว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง, 83 เท่านั้น โดยไม่มีความผิดตามมาตรา 295, 296, 83 อีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและการทำร้ายร่างกาย เจ้าพนักงานได้รับอันตรายหรือไม่?
การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยจำเลยที่ 1 ชกพลตำรวจ อ. ที่หน้าอกและจำเลยทั้งสองชกต่อยพลตำรวจ อ. กับพวก นั้น. เมื่อไม่ปรากฏว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง,83 เท่านั้น โดยไม่มีความผิดตามมาตรา 295,296,83 อีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยเจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกายด้วยสุรา
จำเลยเสพสุรามึนเมา ใช้เท้าเตะผู้ตายล้มลง พอลุกขึ้นจำเลยใช้มีดแทงถูกผู้ตายตรงอกเบื้องซ้าย ซึ่งมีหัวใจเป็นอวัยวะสำคัญถือได้ว่ากระทำโดยเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า vs. ทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาวทั้งด้ามและใบมีดประมาณ 1 คืบเฉพาะตัวมีดยาวประมาณครึ่งคืบแทงผู้เสียหายที่หน้าอกอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญเพียงทีเดียวเป็นบาดแผลขนาด 1.5X1/2X1.5 เซนติเมตร แพทย์ลงความเห็นว่า แผลไม่ร้ายแรงที่จะทำให้ถึงแก่ความตายได้รักษาประมาณ 12 วันหาย ถ้าไม่มีโรคแทรก ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในข้อเท็จจริงและการป้องกันตัว: ศาลยกฟ้องคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
จำเลยได้ยินเสียงคนร้องทางฝั่งคลองตรงข้าม เข้าใจว่ามีเรื่องทะเลาะกัน จึงเดินลุยน้ำข้ามไปดู พอถึงก็ถูกคนตีที่แสกหน้าล้มลง เห็นคนตีวิ่งหนีไปทางทิศเหนือ แล้วมีคนวิ่งมาจากทางทิศเหนืออีก ซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะเข้ามาทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้มีดดาบฟันคนที่วิ่งเข้ามานั้น 1 ทีถูกศีรษะกลับปรากฏว่าเป็นนายดินผู้ตายซึ่งเป็นญาติกัน ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง กระทำป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแทงทำร้ายผู้อื่นหลังถูกตบหน้า: บันดาลโทสะ vs. ป้องกันตัว
จำเลยเกิดปากเสียง ด่าทอแล้วใช้มือผลักซึ่งกันและกันกับพวกคนหนึ่งของผู้ตาย ผู้ตายเข้าห้ามให้แยกกันและใช้มือตบหน้าจำเลยไป 1 ที โดยมิได้แสดงอาการว่าจะทำร้ายจำเลยด้วยอาวุธอะไรต่อไปอีก จำเลยได้ชักมีดออกแทงผู้ตายไปทันทีถูกผู้ตายเป็นแผลฉกรรจ์ถึง 3 แผล ถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยจะอ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึงหาได้ไม่และการที่ผู้ตายใช้มือตบหน้าจำเลยก่อนเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยแทงทำร้ายผู้ตายไปในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำความผิดด้วยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว หากผู้กระทำเริ่มลงมือทำร้ายก่อน
ผู้ตายพูดโต้ตอบกับจำเลยด้วยเรื่องที่ผู้ตายพาผู้ใหญ่บ้านกับพวกมานับต้นสาคู จำเลยโกรธจึงแทงผู้ตายก่อนแล้วผู้ตายหยิบไม้ตีและเข้ากอดปล้ำกันจนเกิดบาดแผลด้วยกันทั้งสองฝ่าย ผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกแทง ดังนี้ กรณีหาใช่เป็นการที่จำเลยกระทำโดยป้องกันตัวไม่ เพราะเรื่องเกิดขึ้นโดยจำเลยเริ่มลงมือทำร้ายก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย ไม่สามารถอ้างป้องกันตัวได้ หากผู้กระทำเริ่มลงมือทำร้ายก่อน
ผู้ตายพูดโต้ตอบกับจำเลยด้วยเรื่องที่ผู้ตายพาผู้ใหญ่บ้านกับพวกมานับต้นสาคู จำเลยโกรธจึงแทงผู้ตายก่อนแล้วผู้ตายหยิบไม้ตีและเข้ากอดปล้ำกันจนเกิดบาดแผลด้วยกันทั้งสองฝ่าย ผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกแทง ดังนี้ กรณีหาใช่เป็นการที่จำเลยกระทำโดยป้องกันตัวไม่ เพราะเรื่องเกิดขึ้นโดยจำเลยเริ่มลงมือทำร้ายก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกทำร้าย: การแทงหลังถูกตบหน้าเข้าข่ายมาตรา 72
จำเลยเกิดปากเสียง ด่าทอแล้วใช้มือผลักซึ่งกันและกันกับพวกคนหนึ่งของผู้ตาย ผู้ตายเข้าห้ามให้แยกกันและใช้มือตบหน้าจำเลยไป 1 ที โดยมิได้แสดงอาการว่าจะทำร้ายจำเลยด้วยอาวุธอะไรต่อไปอีก จำเลยได้ชักมีดออกแทงผู้ตายไปทันทีถูกผู้ตายเป็นแผลฉกรรจ์ถึง 3 แผล ถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยจะอ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึงหาได้ไม่และการที่ผู้ตายใช้มือตบหน้าจำเลยก่อนเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยแทงทำร้ายผู้ตายไปในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำความผิดด้วยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
of 184