พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,104 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1089/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อการละเมิดของลูกจ้างขณะปฏิบัติงาน แม้จะเกิดจากความประมาทเลินเล่อ และไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
ลูกจ้างจุดไม้ขีดไฟเพื่อสูบบุหรี่ในขณะขนปี๊ปหน่อไม้จากฉางขึ้นรถยนต์ตามคำสั่งของนายจ้าง หัวไม้ขีดที่กำลังติดไฟกระเด็นไปถูกปุยนุ่นและปอในฉางทำให้เกิดไฟไหม้ฉางและลามไปไหม้บ้านราษฎรเสียหายขณะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างกำลังมีอยู่ ต้องถือว่าการละเมิดเกิดขึ้นขณะปฏิบัติงานในทางการที่จ้าง ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของลูกจ้างและไม่ไกลเกินกว่าเหตุ นายจ้างต้องรับผิด
กรณีดังกล่าว หากลูกจ้างใช้ความระมัดระวัง โดยพิเคราะห์ดูว่าปุยนุ่นและปอเป็นวัตถุที่ไวต่อการลุกไหม้แล้วเหตุก็จะไม่เกิดขึ้นได้ กรณีจึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรืออุบัติเหตุอันจะไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างไม่ได้อุทธรณ์ว่าผู้ทำละเมิดมิใช่ลูกจ้างของตนปัญหาข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
กรณีดังกล่าว หากลูกจ้างใช้ความระมัดระวัง โดยพิเคราะห์ดูว่าปุยนุ่นและปอเป็นวัตถุที่ไวต่อการลุกไหม้แล้วเหตุก็จะไม่เกิดขึ้นได้ กรณีจึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรืออุบัติเหตุอันจะไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างไม่ได้อุทธรณ์ว่าผู้ทำละเมิดมิใช่ลูกจ้างของตนปัญหาข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2538/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในละเมิดของนายจ้างจากการใช้รถของกรมทางหลวงฯตามคำขอ
ลูกจ้างกรมทางหลวงฯ ขับรถยนต์ของกรมทางหลวงฯไปรับเสด็จตามคำขอของนายอำเภอ ซึ่งนายช่างโครงการหัวหน้าศูนย์ของกรมทางหลวงฯอนุมัติ และผู้ขับรถประจำยอมให้ขับและนั่งไปด้วย ถือได้ว่าได้ใช้รถในทางการที่กรมทางหลวงฯจ้างนายจ้างต้องรับผิดในละเมิดของลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในความเสียหายจากละเมิดที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่
ว.ลูกจ้างจำเลยทำการจำหน่ายน้ำมันเบนซินโดยสูบน้ำมันจากถังน้ำมันเอาใส่ถังน้ำมันรถยนต์เก๋งคันหนึ่งในบริเวณปั๊มน้ำมันเพื่อขายให้แก่ลูกค้า ขณะที่กำลังสูบน้ำมันอยู่นั้น ว.เห็นชายคนหนึ่งเดินผ่านมาและทิ้งก้นบุหรี่ซึ่งติดไปอยู่ลงที่พื้นข้างทางห่างจากที่ ว.กำลังสูบน้ำมันอยู่ประมาณ 1 ศอก ว.ไม่หยุดสูบน้ำมันเสียก่อนแล้วจัดการดับก้นบุหรี่หรือเก็บก้นบุหรี่นั้นไปทิ้งให้ไกลออกไปเพื่อความปลอดภัย เพลิงได้ลุกไหม้จากก้นบุหรี่แล้วลุกลามอย่างรวดเร็วไหม้ถังน้ำมันที่ ว.สูบอยู่และบริเวณปั๊ม เป็นเหตุให้รถยนต์ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ถูกไฟไหม้หมดทั้งคัน ดังนี้ เหตุที่เกิดเพลิงไหม้เป็นเพราะ ว.ลูกจ้างจำเลยกระทำโดยประมาทเลินเล่ออันเป็นการละเมิดในทางการที่จ้าง จำเลยจะต้องร่วมรับผิดด้วย
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวโจทก์ได้ซ่อมให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทนและวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกลูกจ้างจำเลย โจทก์ผู้รับประกันภัยย่อมรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอก จำเลยผู้ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ปัญหาที่ว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดยังมิได้รับการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพราะศาลล่างทั้งสองเห็นว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องรับผิดและคู่ความได้นำสืบมาสิ้นกระแสความแล้ว ก็เห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปทีเดียวโดยไม่ต้องส่งสำนวนคืนไปยังศาลล่างเพื่อให้พิพากษาใหม่
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวโจทก์ได้ซ่อมให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทนและวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกลูกจ้างจำเลย โจทก์ผู้รับประกันภัยย่อมรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอก จำเลยผู้ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ปัญหาที่ว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดยังมิได้รับการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพราะศาลล่างทั้งสองเห็นว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องรับผิดและคู่ความได้นำสืบมาสิ้นกระแสความแล้ว ก็เห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปทีเดียวโดยไม่ต้องส่งสำนวนคืนไปยังศาลล่างเพื่อให้พิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในความเสียหายจากละเมิดที่เกิดจากการปฏิบัติงาน
ว. ลูกจ้างจำเลยทำการจำหน่ายน้ำมันเบนซินโดยสูบน้ำมันจากถังน้ำมันเอาใส่ถังน้ำมันรถยนต์เก๋งคันหนึ่งในบริเวณปั๊มน้ำมันเพื่อขายให้แก่ลูกค้า ขณะที่กำลังสูบน้ำมันอยู่นั้น ว. เห็นชายคนหนึ่งเดินผ่านมาและทิ้งก้นบุหรี่ซึ่งติดไฟอยู่ลงที่พื้นข้างทางห่างจากที่ ว.กำลังสูบน้ำมันอยู่ประมาณ 1 ศอก ว. ไม่หยุดสูบน้ำมันเสียก่อนแล้วจัดการดับก้นบุหรี่หรือเก็บก้นบุหรี่นั้นไปทิ้งให้ไกลออกไปเพื่อความปลอดภัย เพลิงได้ลุกไหม้จากก้นบุหรี่แล้วลุกลามอย่างรวดเร็วไหม้ถังน้ำมันที่ ว. สูบอยู่และบริเวณปั๊ม เป็นเหตุให้รถยนต์ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ถูกไฟไหม้หมดทั้งคัน ดังนี้ เหตุที่เกิดเพลิงไหม้เป็นเพราะ ว. ลูกจ้างจำเลยกระทำโดยประมาทเลินเล่ออันเป็นการละเมิดในทางการที่จ้าง จำเลยจะต้องร่วมรับผิดด้วย
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวโจทก์ได้ซ่อมให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทนและวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกลูกจ้างจำเลย โจทก์ผู้รับประกันภัยย่อมรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอก จำเลยผู้ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ปัญหาที่ว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดยังมิได้รับการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพราะศาลล่างทั้งสองเห็นว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องรับผิดและคู่ความได้นำสืบมาสิ้นกระแสความแล้ว ก็เห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปทีเดียวโดยไม่ต้องส่งสำนวนคืนไปยังศาลล่างเพื่อให้พิพากษาใหม่
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวโจทก์ได้ซ่อมให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทนและวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกลูกจ้างจำเลย โจทก์ผู้รับประกันภัยย่อมรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอก จำเลยผู้ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ปัญหาที่ว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดยังมิได้รับการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพราะศาลล่างทั้งสองเห็นว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องรับผิดและคู่ความได้นำสืบมาสิ้นกระแสความแล้ว ก็เห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปทีเดียวโดยไม่ต้องส่งสำนวนคืนไปยังศาลล่างเพื่อให้พิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง และความชัดเจนของฟ้องที่ไม่ต้องระบุชื่อลูกจ้าง
ฟ้องบรรยายว่า ลูกจ้างของจำเลยคนหนึ่งซึ่งหลบหนีไปได้ขับรถประจำทางของจำเลยในทางการที่จ้างรับส่งคนโดยสารตามเส้นทาง ได้ชนผู้ตาย ขณะเดินข้ามถนนด้วยความประมาท ดังนี้ ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้ที่ขับรถยนต์ชนผู้ตายคือลูกจ้างของจำเลยมิใช่คนอื่นไม่จำเป็นต้องระบุชื่อก็ได้ฟ้องดังกล่าวจึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การขับรถแทนลูกจ้างและหน้าที่ควบคุมของนายจ้าง
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างทำหน้าที่สารบรรณของจำเลยที่ 3 ไม่มีหน้าที่ขับรถ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ขับรถคันเกิดเหตุของจำเลยที่ 3 โดย น.ลูกจ้างขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ยินยอมโดยปริยายให้จำเลยที่ 1 ขับ และนั่งมาด้วย กรณีเช่นนี้ย่อมเป็นหน้าที่ของ น.ลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ต้องควบคุมให้จำเลยที่ 1 ขับรถนั้นมิให้เกิดเหตุร้าย เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุแทน น.ด้วยความประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์เสียหาย น.ต้องรับผิดในการละเมิดที่เกิดขึ้น การละเมิดนี้ย่อมนับได้ว่าอยู่ในกรอบแห่งการที่จำเลยที่ 3 จ้าง จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย
คำฟ้องเดิมของโจทก์ระบุหมายเลขทะเบียนรถยนต์จำเลยที่ชนท้ายรถยนต์โจทก์ โดยถือตามบันทึกหมายเลข ทะเบียนรถของพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุซึ่งผิดพลาดต่อมาโจทก์จึงยึ่นคำร้องขอแก้ไขฟ้อง โดยขอแก้หมายเลขทะเบียนรถของจำเลยเฉพาะเลขตัวหน้าตัวเดียวให้ถูกต้องตามความจริงดังนี้ เป็นเรื่องแก้ไขความผิดพลาดเล็กน้อยที่โจทก์เพิ่งทราบหลังจากการชี้สองสถานแม้ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตไปโดยไม่ ฟังข้อคัดค้านของจำเลยก็ตาม ก็ถือว่าชอบด้วยวิธีพิจารณาแล้ว
คำฟ้องเดิมของโจทก์ระบุหมายเลขทะเบียนรถยนต์ของจำเลยว่า "ก.ท.พ 2077" ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องเป็นว่า "ก.ท.พ 2077 หรือ ก.ท.พ 3077" ดังนี้ ย่อมเป็นการขอแก้หมายเลขทะเบียนรถคันเกิดเหตุที่แท้จริงว่าเป็น ก.ท.พ 3077 นั่นเอง ทั้งคำฟ้องและคำร้องขอแก้ไขฟ้องของโจทก์ดังกล่าวชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 และไม่เคลือบคลุม
ภาพถ่ายรถยนต์ของโจทก์ที่โจทก์อ้างประกอบคดีนั้นเป็นภาพจำลองวัตถุ ไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยาน
คำฟ้องเดิมของโจทก์ระบุหมายเลขทะเบียนรถยนต์จำเลยที่ชนท้ายรถยนต์โจทก์ โดยถือตามบันทึกหมายเลข ทะเบียนรถของพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุซึ่งผิดพลาดต่อมาโจทก์จึงยึ่นคำร้องขอแก้ไขฟ้อง โดยขอแก้หมายเลขทะเบียนรถของจำเลยเฉพาะเลขตัวหน้าตัวเดียวให้ถูกต้องตามความจริงดังนี้ เป็นเรื่องแก้ไขความผิดพลาดเล็กน้อยที่โจทก์เพิ่งทราบหลังจากการชี้สองสถานแม้ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตไปโดยไม่ ฟังข้อคัดค้านของจำเลยก็ตาม ก็ถือว่าชอบด้วยวิธีพิจารณาแล้ว
คำฟ้องเดิมของโจทก์ระบุหมายเลขทะเบียนรถยนต์ของจำเลยว่า "ก.ท.พ 2077" ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องเป็นว่า "ก.ท.พ 2077 หรือ ก.ท.พ 3077" ดังนี้ ย่อมเป็นการขอแก้หมายเลขทะเบียนรถคันเกิดเหตุที่แท้จริงว่าเป็น ก.ท.พ 3077 นั่นเอง ทั้งคำฟ้องและคำร้องขอแก้ไขฟ้องของโจทก์ดังกล่าวชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 และไม่เคลือบคลุม
ภาพถ่ายรถยนต์ของโจทก์ที่โจทก์อ้างประกอบคดีนั้นเป็นภาพจำลองวัตถุ ไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากการละเมิด: เริ่มนับแต่รู้ตัวผู้กระทำละเมิดและนายจ้าง
การที่รถที่จำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2 ขับชนกับรถผู้อื่นก่อน แล้วแฉลบไปชนบุตรสาวโจทก์ถึงแก่ความตายนั้น โจทก์ย่อมรู้แล้วว่า ผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนต้องเป็นจำเลยที่ 1 หรือผู้ขับรถคันอื่นนั้นคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคน โดยไม่จำต้องรอฟังชี้ขาดของศาลว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำผิดเสียก่อน เมื่อคดีฟังได้ว่าโจทก์ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2513 อันเป็นวันเกิดเหตุนั้นเอง อายุความเฉพาะตัวจำเลยที่ 2ต้องเริ่มนับแต่วันนั้น นับถึงวันฟ้องเกิน 1 ปีคดีโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้างที่ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต แม้จะไม่มีส่วนรู้เห็น
จำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยร่วมซึ่งเป็นลูกจ้างของตนขับรถบรรทุกดินไปส่ง ในระหว่างทางจำเลยร่วมใช้และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถแทนโดยจำเลยร่วมนั่งไปด้วย จำเลยที่ 1 ได้ขับไปชนรถยนต์ของโจทก์โดยละเมิด ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยร่วมทำละเมิดด้วย เพราะเป็นความประมาทของจำเลยร่วมที่ใช้และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถแทนตนและถือว่า จำเลยร่วมได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จะไม่รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยร่วมใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถแทนจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างของจำเลยร่วมก็ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยร่วมได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 852/2495 และ 41/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้างที่ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต แม้จะไม่ได้สั่งการโดยตรง
จำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยร่วมซึ่งเป็นลูกจ้างของตนขับรถบรรทุกดินไปส่ง ในระหว่างทางจำเลยร่วมใช้และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถแทนโดยจำเลยร่วมนั่งไปด้วย จำเลยที่ 1ได้ขับไปชนรถยนต์ของโจทก์โดยละเมิด ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยร่วมทำละเมิดด้วย เพราะเป็นความประมาทของจำเลยร่วมที่ใช้และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถแทนตน และถือว่าจำเลยร่วมได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จะไม่รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยร่วมใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถแทนจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างของจำเลยร่วมก็ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิด ซึ่งจำเลยร่วมได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 852/2495และ 41/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501-504/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดในผลละเมิดของลูกจ้าง แม้ลูกจ้างจะออกนอกเส้นทางที่กำหนด เพราะยังอยู่ในทางการที่จ้าง
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถของจำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งจากจำเลยที่ 1 ให้ขับรถบรรทุกน้ำมันไปส่งที่เวียงจันทน์ ประเทศลาวโดยใช้เส้นทางถนนพหลโยธินและถนนมิตรภาพไปถึงจังหวัดหนองคาย แต่หลังจากส่งน้ำมันเสร็จ ขากลับจำเลยที่ 2 ขับรถมาถึงจังหวัดนครราชสีมาแล้วก็แยกเข้าถนนสายนครราชสีมา-กบินทร์บุรี เพื่อจะกลับมายังบางนางเกรง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นที่จอดรถโดยไม่ใช้เส้นทางเดิมอันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งและระเบียบของจำเลยที่ 1แล้วเกิดเหตุชนกับรถยนต์อื่นที่อำเภอเมืองชลบุรี แม้จำเลยที่ 2จะขับรถออกนอกเส้นทาง ก็ยังถือได้ว่าการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 2ที่ได้กระทำไปนั้นอยู่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ผู้เป็นนายจ้างจำเลยที่ 1 จะอ้างคำสั่งหรือระเบียบภายในขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกหาได้ไม่ จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในผลแห่งละเมิดด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1716 -1717/2503)