คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยานหลักฐาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4755/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ การหักชำระดอกเบี้ยออกจากต้นเงิน และการนำสืบพยานหลักฐานการชำระหนี้
การนำสืบถึงการชำระเงินที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้กู้มาแสดง หรือมีการเวนคืนเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม หรือแทงเพิกถอนในเอกสารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรคสอง หมายถึงการนำสืบถึงการชำระต้นเงินเท่านั้นไม่รวมถึงการชำระดอกเบี้ยด้วย จำเลยจึงมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบถึงจำนวนดอกเบี้ยที่ชำระไปได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข) เมื่อปรากฏว่าจำนวนดอกเบี้ยที่จำเลยชำระให้โจทก์ไปแล้ว มีจำนวนสูงกว่าจำนวนดอกเบี้ยที่โจทก์มีสิทธิจะได้ตามสัญญากู้และสัญญาจำนอง จึงต้องนำส่วนที่เกินไปชำระต้นเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา329 วรรคแรก และเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องคิดยอดเงินมาให้ถูกต้อง เมื่อโจทก์คิดยอดหนี้มาไม่ถูกต้อง จึงชอบที่จะยกฟ้องแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะยื่นฟ้องใหม่ภายในอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์: ข้อเท็จจริงในฟ้องไม่สอดคล้องกับพยานหลักฐาน ศาลยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกลักไม้เต็ง57แผ่นไม้แคมปัส 21 แผ่นแต่ในทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า ไม้ที่จำเลยทั้งหกลักไปเป็นไม้ยาง47 แผ่น ดังนี้ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง จึงต้องยกฟ้อง กรณีดังกล่าว แม้จำเลยบางคนไม่ได้อุทธรณ์และฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องถึงจำเลยเหล่านั้นได้เพราะเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4540/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานนอกกำหนด – ผลกระทบต่อความยุติธรรมในกระบวนการพิจารณาคดี
จำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยาน 3 วัน แต่เพิ่งมายื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จและศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาแล้ว โจทก์ย่อมไม่ทราบถึงพยานหลักฐานของจำเลยว่ามีอย่างไรก่อนที่จะสืบพยานของตน เป็นการเสียเปรียบในทางคดีคำร้อง ของ จำเลยก็อ้างเพียงว่าเพราะทนายจำเลยลืมยื่นบัญชีระบุพยานมิได้อ้างเหตุอันสมควรว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานมาสืบหรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานได้มีอยู่ หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88วรรคสาม จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานได้ ความยุติธรรมนั้นจะต้องเป็นไปเพื่อคู่ความทั้งสองฝ่ายมิใช่เพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียว การที่จะอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แล้วอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานจะกลายเป็นข้อยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4533/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองการอาวัลโดยการให้การรับรอง ย่อมตัดปัญหาการใช้เอกมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐาน
เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับว่าเป็นผู้มอบอำนาจให้ พ.ลงชื่ออาวัลแทนแล้วก็ไม่มีกรณีที่จะต้องใช้ใบมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐาน ที่จำเลยที่ 2ที่ 3 ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า ใบมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้นั้น จึงไม่เป็นสาระแก่คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4533/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน: เมื่อจำเลยยอมรับการมอบอำนาจ ใบมอบอำนาจไม่ต้องเป็นพยาน
เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับว่าเป็นผู้มอบอำนาจให้พ. ลงชื่ออาวัลแทนแล้วก็ไม่มีกรณีที่จะต้องใช้ใบมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐาน ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าใบมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้นั้นจึงไม่เป็นสาระแก่คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำเบิกความผู้ร่วมกระทำผิดมีน้ำหนักน้อย แม้มีพยานบอกเล่าประกอบก็ไม่ทำให้หลักฐานโจทก์แน่นแฟ้นขึ้น
คำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน เป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิด มีน้ำหนักน้อย เมื่อคำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์ดังซึ่งจะต้องนำพยานบอกเล่ามาฟังประกอบมีน้ำหนักน้อยเสียแล้ว แม้จะนำคำเบิกความของพยานบอกเล่ามาฟังประกอบก็หาทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักแน่นแฟ้นขึ้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4327/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนสามัญ - การพิสูจน์ข้อเท็จจริง - กระบวนพิจารณา - ศาลต้องฟังพยานหลักฐานก่อนวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์และจำเลยได้นำเงินมาลงหุ้นเพื่อซื้อที่ดินพิพาทมาขายแบ่งกำไรกันและจำเลยได้ยึดถือที่ดินพิพาทซึ่งมีชื่อจำเลยในโฉนดที่ดินแทนส่วนของโจทก์ไว้ ต่อมาจำเลยนำที่ดินไปจำนองให้เช่าและกล่าวอ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลยโดยโจทก์ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของด้วย ขอให้จำเลยแบ่งที่ดินให้โจทก์ตามส่วน จำเลยให้การปฏิเสธทั้งในฐานะการเป็นหุ้นส่วนและการเป็นเจ้าของรวม ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์และจำเลยเข้าหุ้นเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ และตามคำขอของโจทก์โจทก์ต้องการเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญ แต่ไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1056ที่ต้องบอกเลิกเมื่อสิ้นรอบปีในทางบัญชีเงินและต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหกเดือน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องไปนั้น จึงเท่ากับศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียน ย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะในข้อนี้จำเลยยังให้การปฏิเสธอยู่ ทั้งยังปฏิเสธเรื่องการเป็นเจ้าของรวมอีกด้วย ศาลจำต้องฟังพยานหลักฐานของคู่ความเสียก่อนที่จะวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาในการพิจารณาคดีแม้มีข้อจำกัดในการฎีกา: คดีกรรโชกที่พยานหลักฐานไม่เพียงพอ
แม้ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ในส่วนจำเลยที่ 3 เพราะต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง แต่การที่พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดเป็นเหตุในลักษณะคดีและเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 3 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำเบิกความผู้ร่วมกระทำผิดมีน้ำหนักน้อย พยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ
คำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน เป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิด มีน้ำหนักน้อย เมื่อคำเบิกความของประจักษ์พยานโจกท์ดังซึ่งจะต้องนำพยานบอกเล่ามาฟังประกอบมีน้ำหนักน้อยเสียแล้ว แม้จะนำคำเบิกความของพยานบอกเล่ามาฟังประกอบก็หาทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักแน่นแฟ้นขึ้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4280/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการวินิจฉัยพยานหลักฐานและการไม่จำต้องวินิจฉัยหากไม่ส่งผลต่อผลคดี
พยานหลักฐานใดที่เกี่ยวพันกับประเด็นในคดี ศาลย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามลำดับประเด็นแห่งคดี แต่เมื่อผลคำวินิจฉัยฟังเป็นยุติโดยไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีเกี่ยวกับพยานหลักฐานนั้น หรือการวินิจฉัยถึงพยานหลักฐานนั้นไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงแล้ว ศาลก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงพยานหลักฐานเหล่านั้นต่อไปได้
การที่ศาลได้วินิจฉัยผลแห่งคดีว่า การซื้อนาฬิกาของจำเลยเป็นโมฆียะและจำเลยบอกล้างแล้ว เช็คพิพาทจึงไม่มีมูลหนี้ต่อกัน เช่นนี้ จึงหาจำต้องพิจารณาว่ามีข้อตกลงว่าหากเป็นของปลอมจะต้องคืนของหรือไม่อีก
of 259