คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,377 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ไม่รอการลงโทษ: พฤติการณ์ร้ายแรงและไม่เกรงกลัวกฎหมาย
จำเลยอายุ 25 ปี กระทำการลักทรัพย์พระเลี่ยมทอง 7 องค์ราคา 2,000 บาท ในเวลากลางคืนโดย ล้วงลักทรัพย์ของผู้เสียหายขณะที่ไม่ รู้สึก ตัว เป็นการกระทำโดย ไม่ยำเกรงต่อ กฎหมาย ตามพฤติการณ์ แห่งคดีไม่ควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ให้ทนายโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจ ไม่ถือเป็นการชำระหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทนายโจทก์ซึ่งไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินแทนไม่มีอำนาจรับเงินที่จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษานอกศาลแทนโจทก์การที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315 ย่อมไม่ผูกพันโจทก์โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งได้
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ ว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยกู้เงินโจทก์ และจำเลยทั้งสองไม่เคยทำสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันกับโจทก์ตาม ฟ้อง โจทก์จะต้อง อ้างสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐานในคดี เมื่อสัญญากู้ที่โจทก์อ้างจำนวนเงิน 55,816 บาทซึ่ง ตาม ป.รัษฎากรจะต้อง ปิด อากรแสตมป์ 28 บาท แต่ ปิดมาเพียง 20บาท ขาดไป 8 บาท ส่วนสัญญาค้ำประกันซึ่ง ค้ำประกันสัญญากู้ ซึ่ง ตามป.รัษฎากรต้อง ปิด อากรแสตมป์ 10 บาท แต่ ไม่ได้ปิด อากรแสตมป์เลยจึงถือ ได้ ว่าเป็นตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ และไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 118 ดังนี้ ถือ ว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือที่มีลายมือชื่อผู้กู้และ ผู้ค้ำประกัน จึงไม่อาจฟ้องคดีให้จำเลยที่ 1 รับผิดตาม สัญญากู้ จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือยนต์ที่ใช้ทำประมงผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.การประมง เนื่องจากเข้าข่ายเครื่องมือทำการประมงที่ถูกห้าม
พ.ร.บ. การประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 4(3) บัญญัติให้เรือที่ใช้ทำการประมงเป็นเครื่องมือทำการประมง และได้มีประกาศกระทรวงเกษตร กำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุน ที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในเขตที่ระบุไว้ เมื่อจำเลยใช้เรือยนต์ของกลางทำการประมงในเขตดังกล่าวโดยใช้กับอวนรุน เรือยนต์ดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงตาม พ.ร.บ.การประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 32(2) ซึ่งต้องริบตามมาตรา 70.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล เนื่องจากคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามกฎหมาย
กรณีผิดสัญญาประกันต่อ ศาล เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยอย่างใดแล้ว คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ป.วิ.อ.มาตรา 119 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.อ.(ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 4 ผู้ประกันยื่นฎีกาเมื่อเวลาที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้ บังคับแล้ว ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2142/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิวาททำร้ายร่างกายและการป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยกับผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่ง กันและกันการกระทำของจำเลยมิใช่เป็นเรื่องป้องกันโดย ชอบด้วย กฎหมายตามป.อ. มาตรา 68.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2078/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจพิจารณาคดีแรงงาน: การวินิจฉัยอำนาจของศาลแรงงานกลางต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย
เมื่อมีประเด็นข้อพิพาทในเรื่องอำนาจพิจารณาของศาลแรงงานกลางและผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด แสดงว่าเกิดปัญหาแล้วว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานกลางหรือไม่ ต้องตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคท้าย ที่บัญญัติให้อำนาจแก่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเท่านั้นเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัย ผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางไม่มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาด การที่ศาลแรงงานกลางได้พิจารณาพิพากษาคดีไปก่อนมีคำวินิจฉัยชี้ขาดของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงต้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางส่งสำนวนให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ที่ดินปลอดจากภาระจำนองต้องมีกฎหมายให้อำนาจ ยื่นฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาทได้หากมีผู้โต้แย้ง
การยื่นคำร้องขอต่อ ศาลโดย ทำเป็นคำร้องขอฝ่ายเดียว เป็นคดีไม่มีข้อพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินของผู้ร้องที่ผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยปลอดจากภาระจำนองโดยมีการชำระหนี้จำนองแล้ว แต่ผู้รับจำนองถึงแก่กรรมไปก่อนจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและไม่มีทายาท ซึ่งกรณีนี้ไม่มีกฎหมายใด สนับสนุนให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้ หากมีผู้โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้องเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวประการใด ผู้ร้องก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้ โดย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้นั้นเป็นจำเลยอย่างคดีที่มีข้อพิพาท ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอให้ศาลสั่งให้ที่ดินปลอดภาระจำนองโดยไม่มีกฎหมายรองรับ เป็นคดีไม่มีข้อพิพาทไม่ได้
การยื่นคำร้องขอต่อศาลโดยทำเป็นคำร้องขอฝ่ายเดียว เป็นคดีไม่มีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินของผู้ร้องที่ผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยปลอดจากภาระจำนองโดยอ้างว่ามีการชำระหนี้จำนองแล้ว แต่ผู้รับจำนองถึงแก่กรรมไปก่อนจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและไม่มีทายาทนั้นไม่มีกฎหมายใดสนับสนุนให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้ หากมีผู้โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้องเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวประการใด ผู้ร้องก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้ โดยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้นั้นเป็นจำเลยอย่างคดีที่มีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้ศาลมีคำสั่งให้ที่ดินปลอดภาระจำนองโดยไม่มีกฎหมายรองรับ ต้องฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาท
การยื่นคำร้องขอต่อ ศาลโดย ทำเป็นคำร้องขอฝ่ายเดียว เป็นคดีไม่มีข้อพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินของผู้ร้องที่ผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยปลอดจากภาระจำนองโดยมีการชำระหนี้จำนองแล้ว แต่ผู้รับจำนองถึงแก่กรรมไปก่อนจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและไม่มีทายาท ซึ่งกรณีนี้ไม่มีกฎหมายใด สนับสนุนให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้ หากมีผู้โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้องเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวประการใด ผู้ร้องก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้ โดย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้นั้นเป็นจำเลยอย่างคดีที่มีข้อพิพาท ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55.
of 238