คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 325/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่เชื่อถือได้ คำเบิกความของผู้เสียหายที่ไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์จริงและพฤติการณ์แห่งคดีถือเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้
ชั้นสอบสวนผู้เสียหายให้การเพียงว่าจำหน้าคนร้ายได้เท่านั้นโดยไม่ได้ระบุว่าคนร้ายนั้นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร เป็นการให้การลอย ๆ ชั้นพิจารณาผู้เสียหายเบิกความว่าจำคนร้ายไม่ได้ แม้ผู้เสียหายจะถูกดำเนินคดีฐานเบิกความเท็จ และผู้เสียหายให้การรับสารภาพ คดีถึงที่สุดไปแล้วก็ตาม ก็จะนำมายืนยันในคดีนี้ว่าคำเบิกความของผู้เสียหายเป็นการเบิกความเท็จด้วยไม่ได้เพราะขัดต่อข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดี เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดพอที่จะให้เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายลำพังแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นพิจารณา ยังไม่เพียงพอฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวทำให้สิทธิฟ้องระงับ
(คำสั่งศาลฎีกาที่ 2573/2534) คดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวและยังไม่ถึงที่สุด ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์เสียเมื่อใดก็ได้ เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องคดีอาญาและการนับโทษต่อเนื่อง จำเป็นต้องบรรยายฟ้องระบุตัวบุคคลให้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต่อมาได้ขอแก้ไขคำฟ้องว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอื่นหลายคดีรวมทั้งคดีหมายเลขแดงที่2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรี ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว แต่ภายหลังโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขคดีที่ขอให้นับโทษต่ออีก ซึ่งหลังจากศาลอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องครั้งหลังแล้ว คำฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความระบุว่า จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรี คงมีแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว ถือว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนี้ ศาลจะนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีดังกล่าวตามคำขอท้ายฟ้องโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในคำบรรยายฟ้องไม่ได้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาต่าง ๆ ตามที่โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขคำฟ้อง ก็หมายความเพียงว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำบรรยายฟ้องเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: การพิจารณาคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับทหาร การเปลี่ยนแปลงสถานะทางทหารหลังฟ้อง
แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองซึ่งมีอาชีพรับราชการทหารกับพวกคือสิบเอก ส. ร่วมกันกระทำผิดฆ่าผู้ตาย ผู้ตายได้ใช้อาวุธปืนยิงสิบเอก ส. ถึงแก่ความตาย ก็ยังไม่เพียงพอที่จะถือว่าตามฟ้องสิบเอก ส. เป็นนายทหารประทานประจำการ เป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498มาตรา 16(3) เพราะยศทหารมิได้ใช้เฉพาะทหารประจำการเท่านั้น และการที่ผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงสิบเอก ส. อาจเป็นการป้องกันโดยชอบไม่มีความผิดก็ได้ จึงถือว่าผู้ตายกระทำผิดด้วยกันกับจำเลยทั้งสองไม่ได้ แม้ต่อมาโจทก์นำสืบได้ความว่าขณะถูกโจทก์กล่าวหาว่ากระทำผิด สิบเอก ส. รับราชการทหาร เป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ก็เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาในภายหลังจากเมื่อศาลพลเรือนได้สั่งรับประทับฟ้องไว้แล้วว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ซึ่งพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498มาตรา 15 วรรคสอง ให้ศาลพลเรือนมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ แม้โจทก์จะมิได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับสิบเอก ส. ขึ้นฎีกา แต่ปัญหานี้เป็นเรื่องอำนาจศาลซึ่งเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2304/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวและการระงับสิทธินำคดีอาญา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคแรก และให้จำเลยคืนทรัพย์ตามบัญชีเอกสารท้ายฟ้องแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา จำเลยฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยไม่คัดค้าน จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกา โจทก์ไม่คัดค้าน ซึ่งในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว โจทก์จะถอนฟ้องในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ เมื่อจำเลยไม่คัดค้าน ศาลฎีกาจึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและให้จำเลยถอนฎีกาได้ กับคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้แก่จำเลย และเมื่อโจทก์ถอนฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) จึงให้จำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2304/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว และการระงับสิทธิในการฟ้อง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคแรก และให้จำเลยคืนทรัพย์ตามบัญชีเอกสารท้ายฟ้องแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา จำเลยฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยไม่คัดค้าน จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกา โจทก์ไม่คัดค้าน ซึ่งในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวโจทก์จะถอนฟ้องในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ เมื่อจำเลยไม่คัดค้านศาลฎีกาจึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและให้จำเลยถอนฎีกาได้ กับคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้แก่จำเลย และเมื่อโจทก์ถอนฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2) จึงให้จำหน่ายคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2176/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนคดีอาญาที่ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว แม้ผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์โดยตรง
คดีอาญาซึ่งมิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความกันได้ แม้ไม่มีการร้องทุกข์ พนักงานสอบสวน ก็ มีอำนาจสอบสวนได้โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 121 วรรคหนึ่ง เมื่อทำการสืบสวน หรือสอบสวนไปทั้งหมดหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนได้แล้ว พนักงานสอบสวนไม่จัดให้มีการร้องทุกข์ตามระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 123,124,125 ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้การสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้นเสียไป พนักงานอัยการโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1957/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการประมาทของลูกจ้าง: จำเลยที่ 2 ไม่ผูกพันคำพิพากษาในคดีอาญา หากโจทก์พิสูจน์ความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้างไม่ได้
คำพิพากษาคดีอาญาที่พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ประมาททำให้ ส.บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ในคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในฐานะนายจ้างเมื่อโจทก์นำสืบพยานอื่นรับฟังไม่ได้สมคำฟ้อง จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาคดีอาญา แม้คดีที่ให้นับโทษต่อยังไม่สิ้นสุด
จำเลยถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีอื่นแล้ว แม้จะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ยังต้องถูกบังคับตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จึงไม่ใช่เหตุที่จะนับโทษต่อไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องทุกข์ในนามบริษัท vs. นามส่วนตัว: ผลกระทบต่อคดีอาญา
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า บริษัทโจทก์ร่วมได้ร้องทุกข์โดยชอบแล้วปัญหาว่า ส. ผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทโจทก์ร่วม ได้ร้องทุกข์ในนามส่วนตัวหรือไม่ ย่อมไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างไร ดังนั้นที่จำเลยฎีกาโต้แย้งว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ส. มอบอำนาจให้ร้องทุกข์ในนามส่วนตัวเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกสำนวน และผิดจากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนนั้น แม้จะเป็นปัญหาข้อกฎหมายแต่ก็ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
of 312