พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีสิทธิยกข้อต่อสู้เรื่องการซื้อเรือ แม้ไม่ได้ระบุแหล่งที่มาตั้งแต่แรก หากเป็นข้อที่ให้การไว้แล้ว โจทก์มีสิทธิท้วงในชั้นชี้สองสถาน
โจทก์ฟ้องเรียกเรือจากจำเลย โดยอ้างว่าโจทก์ซื้อมาจากผู้มีชื่อ
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นเรือที่จำเลยซื้อมา แต่ไม่ได้ระบุว่าซื้อมาจากใคร ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบว่าซื้อเรือนั้นมาจากใครได้ ไม่เป็นการนอกประเด็น เพราะเป็นข้อที่จำเลยให้การไว้แล้ว หากโจทก์สงสัยว่าจำเลยซื้อเรือจากใครก็ชอบที่จะท้วงขึ้นในชั้นชี้สองสถานได้
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นเรือที่จำเลยซื้อมา แต่ไม่ได้ระบุว่าซื้อมาจากใคร ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบว่าซื้อเรือนั้นมาจากใครได้ ไม่เป็นการนอกประเด็น เพราะเป็นข้อที่จำเลยให้การไว้แล้ว หากโจทก์สงสัยว่าจำเลยซื้อเรือจากใครก็ชอบที่จะท้วงขึ้นในชั้นชี้สองสถานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จเรื่องซื้อขายร่มและค่าเสียหาย อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นได้
แจ้งความเท็จอันไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 วรรคต้น ถ้าเป็นเรื่องแจ้งความเท็จเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาต้องโทษตามวรรคที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไข พ.ศ.2477(ฉบับที่ 3)
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์ซื้อเชื่อร่มของจำเลยไปไม่ยอมใช้ราคาและฉีกร่มนั้นขาดเสียหาย ส่วนความจริงจำเลยยินยอมให้ร่มแก่โจทก์เพื่อทดแทนร่มที่จำเลยทำของโจทก์เสียหายดังนี้ ถ้าเป็นความจริงดังฟ้อง ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายและเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 วรรคต้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์ซื้อเชื่อร่มของจำเลยไปไม่ยอมใช้ราคาและฉีกร่มนั้นขาดเสียหาย ส่วนความจริงจำเลยยินยอมให้ร่มแก่โจทก์เพื่อทดแทนร่มที่จำเลยทำของโจทก์เสียหายดังนี้ ถ้าเป็นความจริงดังฟ้อง ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายและเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 วรรคต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินด้วยปากเปล่า ผู้ซื้อครอบครองไม่ครบ 10 ปี ยังไม่เกิดกรรมสิทธิ์ ผู้ขายมีสิทธิเรียกคืนได้
ซื้อขายที่สวนกันด้วยปากเปล่า ผู้ซื้อซื้อแล้วก็เข้าครอบครองถึง 6 ปี แม้ที่สวนนั้นจะไม่มีหนังสือสำคัญ ผู้ซื้อก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ เพราะครอบครองยังไม่ครบ 10 ปี ตามมาตรา 1382 ผู้ขายฟ้องเรียกคืนได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินด้วยวาจาและผลกระทบของการครอบครองไม่ครบ 10 ปีตามกฎหมาย
ซื้อขายที่สวนกันด้วยปากเปล่า ผู้ซื้อซื้อแล้วก็เข้าครอบครองถึง 6 ปีแม้ที่สวนนั้นจะไม่มีหนังสือสำคัญผู้ซื้อก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ เพราะครอบครองยังไม่ครบ 10 ปี ตามมาตรา 1382 ผู้ขายฟ้องเรียกคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการซื้อขายที่ดินโดยอ้างการครอบครองเกิน 10 ปี และความไม่สุจริตของผู้ซื้อ
ซื้อที่ดินแล้วเข้าครอบครองเป็นเจ้าของมาเกิน 10 ปี แม้จะยังไม่ได้แก้ทะเบียนโอนโฉนดกัน ผู้ซื้อก็ย่อมอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนได้ จึงมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการโอนที่ดินนั้นโดยไม่สุจริตได้ตามมาตรา 1300
ในคดีแพ่งเมื่อโจทก์ฟ้องบรรยายข้อเท็จจริงมาครบถ้วนตามมูลกรณีและมีคำขอมาถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของศาลที่จะปรับบทกฎหมายบทใด โจทก์ไม่จำเป็นต้องอ้างบทมาตราแห่งกฎหมายนั้นมาด้วย
ความข้อใดที่คู่ความฝ่ายหนึ่งรับแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งไม่จำต้องนำสืบความข้อนั้นอีก ศาลฟังได้ตามที่รับนั้น
ในคดีแพ่งเมื่อโจทก์ฟ้องบรรยายข้อเท็จจริงมาครบถ้วนตามมูลกรณีและมีคำขอมาถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของศาลที่จะปรับบทกฎหมายบทใด โจทก์ไม่จำเป็นต้องอ้างบทมาตราแห่งกฎหมายนั้นมาด้วย
ความข้อใดที่คู่ความฝ่ายหนึ่งรับแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งไม่จำต้องนำสืบความข้อนั้นอีก ศาลฟังได้ตามที่รับนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาซื้อขายเดิมไม่ลบล้างสัญญาจำนำใหม่ที่ทำโดยความตกลง ย่อมไม่เป็นนิติกรรมอำพราง
เดิมโจทก์จำเลยตั้งใจกันทำสัญญาซื้อขายนาพิพาท แต่เมื่อไปถึงกำนัน ๆ ว่าทำให้ไม่ได้ ทำได้แต่สัญญาจำนา แล้วโจทก์จำเลยก็เปลี่ยนความตั้งใจทำสัญญาจำนำ ดังนี้ จำเลยจะยกเอาความตั้งใจเดิมมาลบล้างสัญญาที่โจทก์จำเลยทำโดยความตกลงใหม่นี้ ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิจากการครอบครองโดยอายุความและการซื้อขายมีเงื่อนไข
บิดาจำเลยได้ขายนาให้แก่มารดาโจทก์เมื่อ 20 ปีเศษแล้ว โดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเอง ตกลงกันจะไปโอนโฉนดในภายหลัง ได้มอบโฉนดและการครอบครองให้แก่ผู้ซื้อทำกินเป็นเจ้าของตลอดมา ต่อมาขโมยลักโฉนดนี้ไป เลยไม่ได้โดนโฉนดกัน ดังนี้โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิในทางครอบครอง ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์สินโดยสุจจริตและกรรมสิทธิ์ในที่ดิน แม้เจ้าของเดิมมีข้อพิพาท
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เอาที่ของโจทก์ราคา 900 บาทไปขายให้จำเลยที่ 2 ขอให้พิพากษาว่าที่เป็นของโจทก์และสัญญาซื้อขายใช้ไม่ได้ ขอให้เพิกถอน ศาลชั้นต้นฟังว่าที่เป็นมฤดกตกทอดให้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2 ได้รับซื้อและรับโอนโดยสุจจริต จึงพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่ดินเป็นของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ก็รับโอนโดยสุจจริต จึงพิพากษายืนดังนี้ ถือว่าเรื่องที่ซื้อขายที่พิพาทโดยสุจจริตหรือไม่ เป็นอันยุตติแล้ว ข้อฎีกาของโจทก์ที่ขอให้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จึงไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะชี้ขาด เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเมื่อเจ้าของเดิมยกให้บางส่วนและมีการซื้อขายโดยไม่สุจริต
โจทก์ฟ้องว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งแปลง แต่เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์เป็นเจ้าของเพียงบางส่วน ศาลย่อมพิพากษาแบ่งให้ได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยการยกให้ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทโดยทางมรดก ดังนี้ ไม่ถือว่าผิดคำฟ้อง
โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่นาแปลงเดียวกันแล้วจำเลยที่ 1 เอาที่ทั้งแปลงไปขายให้แก่จำเลย ที่ 2. โจทก์จะขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายทั้งหมดไม่ได้ เพราะจำเลยย่อมมีสิทธิขายส่วนของตนได้ แต่ไม่มีสิทธิขายส่วนของโจทก์ สัญญาซื้อขายระหว่างจำเลย ไม่ผูกพันโจทก์
โจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยการยกให้ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทโดยทางมรดก ดังนี้ ไม่ถือว่าผิดคำฟ้อง
โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่นาแปลงเดียวกันแล้วจำเลยที่ 1 เอาที่ทั้งแปลงไปขายให้แก่จำเลย ที่ 2. โจทก์จะขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายทั้งหมดไม่ได้ เพราะจำเลยย่อมมีสิทธิขายส่วนของตนได้ แต่ไม่มีสิทธิขายส่วนของโจทก์ สัญญาซื้อขายระหว่างจำเลย ไม่ผูกพันโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์ในตลาด: ผู้ซื้อมีหน้าที่พิสูจน์ว่าร้านค้าอยู่ในท้องตลาดเพื่อใช้สิทธิเรียกร้อง
คำว่า "ท้องตลาด" ใน ป.พ.ม.มาตรา 1332 หมายความถึง "ที่ชุมนุมแห่งการค้า"
ผู้ที่อ้างว่าซื้อทรัพย์มาจากตลาดตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1332 นั้นมีหน้าที่นำสืบก่อน
ผู้ที่อ้างว่าซื้อทรัพย์มาจากตลาดตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1332 นั้นมีหน้าที่นำสืบก่อน