คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์แม้ยังไม่ได้เคลื่อนย้าย ถือเป็นความพยายามลักทรัพย์
จำเลยมีเจตนาลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย แต่จำเลยเพียงแต่นั่งคร่อม ยังไม่ได้เอารถออก จึงเป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว หากแต่กระทำไปไม่ตลอดเพราะผู้เสียหายเข้ามากอดเอวไว้ ทำให้จำเลยเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปไม่ได้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามลักทรัพย์: การกระทำความผิดสำเร็จหรือไม่เมื่อผู้เสียหายขัดขวาง
จำเลยมีเจตนาลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย แต่จำเลยเพียงแต่นั่งคร่อม ยังไม่ได้เอารถออก จึงเป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว หากแต่กระทำไปไม่ตลอดเพราะผู้เสียหายเข้ามากอดเอาไว้ ทำให้จำเลยเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปไม่ได้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์นั่งคร่อมรถและบิดกุญแจถือเป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว แม้จะยังไม่ได้เคลื่อนย้ายรถออกไป
จำเลยเพียงแต่นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ยังไม่ได้เอารถออกเป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว เมื่อกระทำไปไม่ตลอดเพราะผู้เสียหายเข้ามากอด เอาไว้ทำให้จำเลยเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปไม่ได้ เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายบุคคลหลายคนเป็นกรรมเดียว และสิทธิการเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญา
จำเลยทั้งสี่ได้ทำร้ายผู้ตาย โจทก์ร่วมที่ 2 ที่ 3 และส.โดยมีเจตนาที่จะทำร้ายบุคคลดังกล่าวทุกคนไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นใครลักษณะของเจตนากระทำความผิดจึงเป็นอันเดียวเกิดขึ้นในวาระเดียวกันและต่อเนื่องกันตลอด แม้กระทำหลายครั้งต่อหลายบุคคลก็อยู่ภายในเจตนาเดียวกันนั้น มิใช่หลายเจตนา การกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน จำเลยทั้งสี่ฝ่ายหนึ่ง ผู้ตายและโจทก์ร่วมที่ 2 ที่ 3 กับ ส.อีกฝ่ายหนึ่งสมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน ผู้ตายจึงมิใช่ผู้เสียหาย ว.ภริยาผู้ตาย จึงมิใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายด้วยดังนั้น ว.และโจทก์ร่วมที่ 2 ที่ 3 จึงไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในสัญญาประกันตัว: การกระทำทั้งในฐานะตนเองและตัวแทน
ในการประกันตัว ต.ผู้ต้องหานั้น มีผู้ค้ำประกัน 2 คน คือจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลค้ำประกัน กับจำเลยที่ 1 นำที่ดินมาวางเป็นประกันโดยมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 มาดำเนินการแทน จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อในสัญญาประกัน2 ฐานะ คือในฐานะนายประกันและในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 เหตุที่อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ประกันตัว ต.ผู้ต้องหาไปเพราะเชื่อถือตัวบุคคลที่ขอประกันคือจำเลยที่ 2 และเชื่อถือหลักทรัพย์ที่นำมาวางเป็นประกันของจำเลยที่ 1 ตามคำร้องขอประกันก็ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ยื่นคำร้อง โดยได้รับความยินยอมจาก ร.ภริยาของจำเลยที่ 2 ด้วย ทั้งตามสัญญาประกันตอนท้ายจำเลยที่ 2 ก็ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ประกัน มีรายละเอียดระบุว่าจำเลยที่ 2 ได้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 20738 มาเป็นหลักประกันโดยจำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2นำที่ดินโฉนดดังกล่าวมาเป็นหลักประกันได้ เมื่อถึงกำหนดส่งตัว ต.ผู้ต้องหา จำเลยที่ 2 ก็ได้มีหนังสือขอเลื่อนส่งตัวผู้ต้องหา แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาเข้าทำสัญญาประกันตัว ต.ผู้ต้องหาในนามของจำเลยที่ 2 เองด้วย หาใช่เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 1 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวหรือหลายกรรม: เจตนาของผู้กระทำเป็นสำคัญ แม้กระทำผิดหลายฐานในคราวเดียว
การพิจารณาว่าการกระทำเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันมิใช่จะพิจารณาแต่เพียงว่าถ้าเป็นการกระทำความผิดหลายฐานในครั้งเดียวคราวเดียวแล้วจะต้องเป็นกรรมเดียวเสมอไป การกระทำผิดหลายฐานในครั้งเดียวคราวเดียวอาจเป็นหลายกรรมต่างกันได้ หากผู้กระทำมีเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกันหรือประสงค์จะให้เกิดผลเป็นความผิดหลายฐาน จำเลยพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและพรากผู้เสียหายไปจากมารดาของผู้เสียหาย ซึ่งได้กระทำในคราวเดียวกัน อันเป็นความผิดต่อผู้เสียหายกับเป็นความผิดต่อมารดาผู้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลในกรรมในความผิดต่างฐานต่างหากจากกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในสัญญาประกันตัว: เจตนาในการทำสัญญาและดุลพินิจศาลในการลดค่าปรับ
ในการประกันตัว ต. ผู้ต้องหานั้น มีผู้ค้ำประกัน2 คน คือ จำเลยที่ 2 เป็นบุคคลค้ำประกัน กับจำเลยที่ 1นำที่ดินมาวางเป็นประกันโดยมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 มาดำเนินการแทน จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อในสัญญาประกัน 2 ฐานะคือในฐานะนายประกันและในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 เหตุที่อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ประกันตัว ต. ผู้ต้องหาไปเพราะเชื่อถือตัวบุคคลที่ขอประกันคือจำเลยที่ 2 และเชื่อถือหลักทรัพย์ที่นำมาวางเป็นประกันของจำเลยที่ 1 ตามคำร้องขอประกันก็ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ยื่นคำร้อง โดยได้รับความยินยอมจาก ร. ภริยาของจำเลยที่ 2ด้วย ทั้งตามสัญญาประกันตอนท้ายจำเลยที่ 2 ก็ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ประกัน มีรายละเอียดระบุว่าจำเลยที่ 2 ได้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 20738 มาเป็นหลักประกันโดยจำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 นำที่ดินโฉนดดังกล่าวมาเป็นหลักประกันได้เมื่อถึงกำหนดส่งตัว ต. ผู้ต้องหา จำเลยที่ 2 ก็ได้มีหนังสือขอเลื่อนส่งตัวผู้ต้องหา แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2มีเจตนาเข้าทำสัญญาประกันตัว ต. ผู้ต้องหาในนามของจำเลยที่ 2 เองด้วย หาใช่เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 1 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: การพิจารณาความผิดของจำเลยแต่ละคน, เจตนา, และขอบเขตความรับผิดชอบ
หัวข้อข่าวที่ว่า แอมบาสเดอร์เบี้ยวค่าเฟอร์นิเจอร์เจ้าของร้านฟ้องศาลเรียกหนี้ 1 ล้าน หมายถึงแอมบาสเดอร์ไม่จ่ายค่าเฟอร์นิเจอร์ เพราะไม่ซื่อตรงหรือโกง เจ้าของร้านฟ้องศาลเรียกหนี้ 1 ล้านบาท และหัวข้อข่าวดังกล่าวเป็นถ้อยคำของหนังสือพิมพ์เอง ประกอบกับข้อความในเนื้อข่าวเป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ทั้งปรากฏว่าโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3เคยให้จำเลยที่ 1 ลงโฆษณา ต่อมาโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3 ยกเลิกจำเลยที่ 1 ได้ลงข่าวเกี่ยวกับฝ่ายโจทก์ในทางเสียหายตลอดมาก่อนคดีนี้โจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3 เคยฟ้องจำเลยทั้งห้าในความผิดฐานหมิ่นประมาทแล้ว 3 คดี ดังนั้นจึงถือไม่ได้ว่าการลงข่าวดังกล่าวเป็นการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาล จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(4) จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์แนวหน้าตามฟ้องหมิ่นประมาทโจทก์ที่ 1 และที่ 2 โดยในเนื้อข่าวระบุชื่อโจทก์ที่ 3 ว่าเป็นกรรมการของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 นอกจากจะเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ที่ 1 และที่ 2 แล้ว ยังเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ที่ 3 ผู้ถูกระบุชื่อว่าเป็นกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนดำเนินหรือปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 โจทก์ที่ 3 จึงเป็นผู้เสียหายด้วย จำเลยที่ 3 เป็นผู้อำนวยการรับผิดชอบภาคปฏิบัติการ มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการตลาดและมีอำนาจสั่งการเกี่ยวกับนโยบายของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 5 เป็นกรรมการเป็นผู้จัดการทั่วไปของจำเลยที่ 1มีหน้าที่ให้นโยบายในการบริหารของจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 3เป็นผู้คัดเลือกหรือสั่งให้ลงพิมพ์หัวข้อข่าวและเนื้อหาหมิ่นประมาทโจทก์ ที่จำเลยที่ 3 และที่ 5 มีอำนาจในการให้นโยบายในการบริหารก็เป็นการบริหารของบริษัทจำเลยที่ 1 โดยทั่ว ๆ ไปไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 และที่ 5 ให้นโยบายว่า จะเสนอข่าวเกี่ยวกับหัวข้อข่าวและเนื้อข่าวหมิ่นประมาทโจทก์ คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3และที่ 5 ได้ร่วมกระทำผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำขอรับชำระหนี้จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกัน: เจตนาและหลักฐาน
ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกันด้วยความพลั้งเผลอ ไม่ได้มีเจตนาปกปิดเรื่องการจำนองเพื่อเอาเปรียบเจ้าหนี้อื่นเนื่องจากผู้ร้องได้ระบุหมายเลขคดีที่ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำนองมาในช่องหลักฐานประกอบหนี้ของคำขอรับชำระหนี้ ซึ่งปรากฏรายการจำนองทรัพย์ในคำพิพากษาดังกล่าว และผู้ที่ผู้ร้องมอบหมายก็ได้ให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในชั้น-สอบสวนว่า หนี้ของผู้ร้องเป็นหนี้มีประกัน และอ้างส่งต้นฉบับหนังสือรับรองการทำประโยชน์และสัญญาจำนองต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สมควรอนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้เป็นขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้มีประกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้จากการขายที่ดิน: พิจารณาเจตนาและพฤติการณ์ในการซื้อขาย
ก่อนส่งหมายเรียกโจทก์และภรรยากับบุตรมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 261/6-8 ตลอดมา โดยโจทก์มีสถานภาพเป็นหัวหน้าโจทก์และครอบครัวแจ้งย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่บ้านเลขที่ 496/8-9หลังจากมีการส่งหมายเรียกเกือบ 1 ปี การส่งหมายเรียกให้โจทก์ณ บ้านเลขที่ 261/6-8 ถือว่าเป็นการส่งให้โจทก์ ณ บ้านของผู้รับเมื่อผู้ที่บรรลุนิติภาวะ และอยู่ในบ้านนั้นรับหมายไว้แทนโจทก์จึงเป็นการส่งหมายที่ชอบแล้ว โจทก์ซื้อที่ดินเนื้อที่รวมประมาณ 30 ไร่ อ้างว่าจะทำสวนกล้วยไม้ เป็นการกล่าวอ้างเพียงลอย ๆ ไม่มีพยานอื่นมาประกอบข้ออ้างดังกล่าวนี้จึงฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โจทก์อ้างว่าต้องขายที่เพื่อชำระหนี้ธนาคารนั้น ลูกหนี้ธนาคารมิใช่ตัวโจทก์และธนาคารก็มิได้ฟ้องเร่งรัดหนี้ ทั้งที่ดินที่ขายก็มิได้ติดจำนองธนาคารโจทก์ขายที่ดินภายหลังจากซื้อมาในระยะเวลาอันสั้น ส่อแสดงว่าโจทก์ขายที่ดินโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้.
of 408