คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทรัพย์สิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,615 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3227/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์ก่อนล้มละลาย แม้ผู้รับโอนไม่ใช่เจ้าหนี้ แต่เป็นการซื้อขายตามปกติ
จำเลยโอนขายทรัพย์พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านภายในระยะเวลา3 เดือนก่อนมีการฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย แม้ผู้คัดค้านไม่ได้เป็นหรือไม่เคยเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยมาก่อน แต่การโอนทรัพย์พิพาทเกิดจากการซื้อขายซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทนทันทีที่คู่กรณีตกลงทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งสองฝ่ายต่างมีหนี้ที่จะต้องปฏิบัติต่อกัน ผู้คัดค้านในฐานะผู้ซื้อมีหนี้ที่จะต้องชำระราคาแก่จำเลยผู้ขาย และจำเลยมีหนี้ที่จะต้องชำระคือโอนทรัพย์สินที่ตกลงซื้อขายกันนั้นแก่ผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านจึงอยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่ได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 115 ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนการโอนทรัพย์พิพาทระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านได้ และถ้าหากผู้คัดค้านไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทมาเป็นของจำเลยได้ ผู้คัดค้านก็ต้องชดใช้ราคาแทน ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเรียกบุคคลภายนอกผู้รับโอนทรัพย์พิพาทต่อจากผู้คัดค้านเข้ามาในคดีหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผลในทางกฎหมายที่มีต่อผู้คัดค้านเปลี่ยนแปลงไป การเพิกถอนการโอนทรัพย์พิพาทเป็นไปโดยผลของกฎหมายตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอนก็ยังถือว่าเป็นการโอนโดยชอบอยู่ จึงถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้อง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันยื่นคำร้อง กรณีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้เพิกถอนการโอนตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 115 มิใช่เป็นการขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อายุความจึงมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3172/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนเครื่องหมายการค้าและจำหน่ายสินค้าปลอม ศาลมีอำนาจริบทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยทั้งสองร่วมกันทำเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นแล้วนำไปติดประทับไว้ที่กระสอบซึ่งมีข้าวสารเจ้าบรรจุอยู่ และร่วมกันเสนอจำหน่ายและจำหน่ายข้าวสารเจ้านั้นแก่ผู้ซื้อข้าวสารเจ้าทั้งหมดจึงเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่จำเลยทั้งสองใช้ในการกระทำความผิดตามฟ้อง ศาลมีอำนาจสั่งริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้สินสมรส: สิทธิเรียกร้องเงินจากการขายทรัพย์สินเมื่อสามีภรรยาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน
จำเลยกู้เงินโจทก์ไปไถ่จำนองที่ดินและบ้านอันเป็นสินสมรสหนี้รายนี้จึงเป็นหนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรสอันเป็นหนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1490(2) ผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาจำเลยไม่มีสิทธิร้องขอกันส่วนของตน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3107/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทรัพย์สินระหว่างคดีแพ่ง: ไม่ถือเป็นโกงเจ้าหนี้ หากมูลหนี้ไม่แน่นอนและทรัพย์สินจำเลยมีมูลค่าสูงกว่าหนี้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายต้นยางพารา โดยให้โจทก์เข้าตัดโค่นไม้ยางพาราหรือให้จำเลยคืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาและฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์คดีแพ่งดังกล่าวจึงยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าโจทก์จะเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยหรือไม่ และแม้หากจะฟังว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิเข้าตัดโค่นต้นยางพาราตามสัญญาก็ตาม โจทก์ก็ต้องชำระราคาที่เหลือให้จำเลย โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้เพียงไม่เกินค่าเสียหายตามคำขอท้ายฟ้องกับเงินมัดจำที่จะได้คืน ซึ่งน้อยกว่าทรัพย์สินที่จำเลยมีอยู่มากการที่ภายหลังจำเลยขายที่ดินและต้นยางพาราให้บุคคลอื่นจึงยังไม่ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนอันจะมีมูลความผิดฐานโกงเจ้าหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อเท็จจริงเรื่องที่มาของทรัพย์สินก่อนสมรส ไม่ถือเป็นการนำสืบนอกคำให้การ
จำเลยให้การว่า ที่ดินตามฟ้องไม่ใช่สินสมรสระหว่าง ป. กับ ล. ซึ่งเป็นบิดามารดาโจทก์และจำเลย แต่เป็นสินเดิมของ ล.มาก่อนสมรส ในชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกของ ป. มารดาของ ล. ตกได้แก่ ล. ดังนี้ ข้อนำสืบของจำเลยเป็นการนำสืบถึงที่มาของที่ดินที่ ล. ได้มาก่อนทำการสมรสกับ บ.อยู่นั่นเอง จึงมิใช่เป็นการนำสืบนอกคำให้การแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่มาของทรัพย์สินก่อนสมรส ไม่ถือเป็นการนำสืบนอกคำให้การ
จำเลยให้การว่า ที่ดินตามฟ้องไม่ใช่สินสมรสระหว่าง บ.กับ ล. ซึ่งเป็นบิดามารดาโจทก์และจำเลย แต่เป็นสินเดิมของ ล.มาก่อนสมรส ในชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกของ ป. มารดาของ ล. ตกได้แก่ ล. ดังนี้ ข้อนำสืบของจำเลยเป็นการนำสืบถึงที่มาของที่ดินที่ ล. ได้มาก่อนทำการสมรสกับ บ.อยู่นั่นเอง จึงมิใช่เป็นการนำสืบนอกคำให้การแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2829/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานวางเพลิงเผาโรงเรือนต้องมีการลุกไหม้ของโรงเรือนจริง การเผาเฉพาะทรัพย์สินภายในไม่ถือเป็นความผิดสำเร็จ
การกระทำที่จะเป็นความผิดสำเร็จฐานวางเพลิงเผาโรงเรือนไม่หมายความเพียงว่าเอาเพลิงไปวางเท่านั้น หากต้องเป็นการเผาทำให้เกิดเพลิงไหม้โรงเรือนนั้นลุกติดไฟขึ้นด้วย เพียงแต่ฝาผนังบ้านอันเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือนมีรอยเขม่าดำแต่ยังไม่ไหม้ไฟยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จ แม้จะมีทรัพย์สินอื่นหลายรายการเช่นเครื่องเรือนถูกไฟลุกไหม้ไป ก็ถือไม่ได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยได้ถูกไฟไหม้ไปด้วย อันจะทำให้เป็นความผิดสำเร็จ การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาโรงเรือนเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2712/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์พระพุทธรูปและทรัพย์สินอื่น การพิจารณาความเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด
การนำพระพุทธรูปซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนสืบมาแต่เดิมไปเก็บซ่อนไว้เพื่อให้พ้นจากการโจรกรรม หาทำให้พระพุทธรูปนั้นพ้นจากการเป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนสักการะบูชาไม่
จำเลยเพียงแต่ใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะไปลักและบรรทุกเอาพระพุทธรูปไปจากวัดที่เกิดเหตุ ไม่ได้ใช้ในการลักพระพุทธรูปดังกล่าวโดยตรง รถยนต์นั้นจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2620/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สามีร่วมรู้เห็นการยักยอกเงินซื้อทรัพย์สิน จึงไม่มีสิทธิขอรับส่วนแบ่งจากการยึดทรัพย์
ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีของจำเลยได้ร่วมรู้เห็นในการที่จำเลยยักยอกเงินของโจทก์แล้วนำไปซื้อที่ดิน (พร้อมสิ่งปลูกสร้าง) และเครื่องอิเล็กโทนที่โจทก์นำยึดไว้มาโดยตลอด จึงไม่อาจอ้างได้ว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์สินอันชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องตามส่วนที่พึงได้รับตามกฎหมาย และได้รับความคุ้มครองในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม เมื่อโจทก์นำยึดทรัพย์ดังกล่าว แล้วผู้ร้องมาขอกันส่วนเงินอันได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์นั้น จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2620/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สามีร่วมรู้เห็นการยักยอกเงิน-ซื้อทรัพย์สิน ย่อมไม่มีสิทธิขอรับส่วนเงินจากการขายทอดตลาด
ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีของจำเลยได้ร่วมรู้เห็นในการที่จำเลยยักยอกเงินของโจทก์แล้วนำไปซื้อที่ดิน (พร้อมสิ่งปลูกสร้าง) และเครื่องอิเล็กโทนที่โจทก์นำยึดไว้มาโดยตลอด จึงไม่อาจอ้างได้ว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์สินอันชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องตามส่วนที่พึงได้รับตามกฎหมาย และได้รับความคุ้มครองในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม เมื่อโจทก์นำยึดทรัพย์ดังกล่าว แล้วผู้ร้องมาขอกันส่วนเงินอันได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์นั้น จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วน.
of 262