คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ละเมิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3409/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีละเมิด: การรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้กระทำละเมิดเป็นจุดเริ่มต้นนับอายุความ
ฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความที่จะพึงเห็นได้ว่าโจทก์หาว่าจำเลยกระทำการมิชอบไม่สอบสวนพยานบุคคลที่โจทก์อ้าง จำเลยเสนอรายงานสรุปผลการสอบสวนอันเป็นเท็จและไขข่าวแพร่หลายผลการสอบสวนทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นความผิดทางอาญาต่อโจทก์ กรณีของโจทก์จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ใช้อายุความคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา51 แต่ต้องใช้อายุความ 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก
โจทก์ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า โจทก์ทราบเหตุคดีนี้เมื่อวันที่ 25 เมษายน2528 เพราะอธิการวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราชให้โจทก์ดูสำเนาหนังสือซึ่งกองทัพภาคที่ 4 ส่งมาโจทก์ได้อ่านข้อความในรายงานข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยเป็นผู้ส่งมาด้วย จึงน่าเชื่อว่าโจทก์รู้ถึงการกระทำของจำเลยตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2528 โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2529คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3406/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการถมดินทำลายบ่อปลา แม้ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นเจ้าของที่ดิน แต่กระทำการละเมิดต่อผู้เลี้ยงปลาได้
แม้บริษัท บ.กับพวกเป็นผู้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกับ อ.ซึ่งโจทก์อาศัยทำกินอยู่มิใช่จำเลยที่ 1 กับพวกเป็นผู้ซื้อ แต่โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้บังอาจให้ให้บุคคลอื่นนำรถยนต์บรรทุกดินขนาดใหญ่หลายคันนำดินเข้ามาเทถมลงไปในที่เลี้ยงปลาและกุ้งในที่ดินแปลงที่ติดกับที่ดินพิพาท ทำให้ปลาและกุ้งที่โจทก์เลี้ยงไว้ไม่เติบโตและตายในที่สุด มิได้กล่าวอ้างว่าผู้จะซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวทำละเมิดต่อโจทก์ ทั้งโจทก์ก็ได้นำสืบว่ารถยนต์ที่บรรทุกดินมาถมที่ดังกล่าวติดป้ายชื่อห้างจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ได้
แม้โจทก์จะเลี้ยงปลาและกุ้งอยู่ในที่ดินพิพาทหลังจากวันที่โจทก์ยอมรับว่าจะออกไปจากที่ดินแปลงดังกล่าว และโจทก์ก็ได้รับเงินจาก อ.ผู้มีสิทธิในที่ดินเป็นค่าขนย้ายไปแล้วก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับ อ.ที่จะว่ากล่าวกันต่อไป การที่จำเลยทั้งสองเอาดินไปถมบ่อปลาและกุ้งของโจทก์จนเป็นเหตุทำให้ปลาและกุ้งของโจทก์ตายจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
โจทก์เคยรับปากว่าจะออกไปจากที่พิพาทภายในวันที่ 31 สิงหาคม2527 และรับเงินค่าขนย้ายไปแล้ว แต่ไม่ยอมออกไป จึงถือได้ว่าโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดเหตุอันเป็นมูลละเมิดในคดีนี้อยู่ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3406/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการถมดินทำลายบ่อปลา/กุ้ง แม้ผู้กระทำไม่ใช่เจ้าของที่ดิน แต่เป็นการกระทำโดยเจตนา
แม้บริษัท บ. กับพวกเป็นผู้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกับ อ. ซึ่งโจทก์อาศัยทำกินอยู่มิใช่จำเลยที่ 1 กับพวกเป็นผู้ซื้อ แต่โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้บังอาจใช้ให้บุคคลอื่นนำรถยนต์บรรทุกดินขนาดใหญ่หลายคันนำดินเข้ามาเทถมลงไปในที่เลี้ยงปลาและกุ้งในที่ดินแปลงที่ติดกับที่ดินพิพาท ทำให้ปลาและกุ้งที่โจทก์เลี้ยงไว้ไม่เติบโตและตายในที่สุด มิได้กล่าวอ้างว่าผู้จะซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวทำละเมิดต่อโจทก์ ทั้งโจทก์ก็ได้นำสืบว่ารถยนต์ที่บรรทุกดินมาถมที่ดังกล่าวติดป้ายชื่อห้างจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ได้ แม้โจทก์จะเลี้ยงปลาและกุ้งอยู่ในที่ดินพิพาทหลังจากวันที่โจทก์ยอมรับว่าจะออกไปจากที่ดินแปลงดังกล่าว และโจทก์ก็ได้รับเงินจาก อ. ผู้มีสิทธิในที่ดินเป็นค่าขนย้ายไปแล้วก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับ อ. ที่จะว่ากล่าวกันต่อไป การที่จำเลยทั้งสองเอาดินไปถมบ่อปลาและกุ้งของโจทก์จนเป็นเหตุทำให้ปลาและกุ้งของโจทก์ตายจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์เคยรับปากว่าจะออกไปจากที่พิพาทภายในวันที่ 31 สิงหาคม2527 และรับเงินค่าขนย้ายไปแล้ว แต่ไม่ยอมออกไป จึงถือได้ว่าโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดเหตุอันเป็นมูลละเมิดในคดีนี้อยู่ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3367/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเรื่องคำพิพากษาคดีอาญาต่อธนาคารและเบิกความต่อศาล ไม่ถือเป็นการละเมิด
การที่จำเลยที่ 1 ทำหนังสือร้องเรียนต่อธนาคารออมสินให้ลงโทษโจทก์ เนื่องจากโจทก์ถูกลงโทษจำคุกนั้น เป็นการแจ้งให้ธนาคารออมสินทราบเท่านั้น ธนาคารออมสินจะพิจารณาและมีคำสั่งลงโทษโจทก์หรือไม่เป็นเรื่องของธนาคารออมสิน แม้การกระทำดังกล่าวจะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย แต่ก็เป็นการใช้สิทธิในฐานะประชาชนที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ได้ ส่วนการที่จำเลยที่ 1และที่ 3 เบิกความต่อศาลถึงคำพิพากษาที่โจทก์ถูกลงโทษ ก็เป็นการกระทำตามหน้าที่ในฐานะพยาน อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย มิใช่เป็นการใช้สิทธิโดยเจตนาให้โจทก์เสียหายฝ่ายเดียวอีกทั้งเป็นการไขข่าวตามความจริง จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3367/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเรื่องคำพิพากษาคดีอาญาต่อบุคคลที่สาม และการเบิกความต่อศาล ไม่ถือเป็นการละเมิด
เหตุที่โจทก์ถูกออกจากงานเนื่องจากจำเลยที่ 1 ทำหนังสือร้องเรียนต่อธนาคารให้พิจารณาลงโทษโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของธนาคาร เนื่องจากโจทก์ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก แต่การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการแจ้งให้ธนาคารทราบเท่านั้น ธนาคารจะพิจารณาและมีคำสั่งลงโทษโจทก์หรือไม่เป็นเรื่องของธนาคาร แม้การที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงธนาคารเป็นการกระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่ก็เป็นการใช้สิทธิในฐานะประชาชนที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ได้ส่วนการที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 เบิกความต่อศาลในคดีอาญาที่โจทก์ฟ้อง ร. โดยกล่าวถึงคำพิพากษาที่โจทก์ถูกลงโทษจำคุก ก็เป็นการกระทำตามหน้าที่ในฐานะพยาน อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายมิใช่เป็นการใช้สิทธิของจำเลยโดยเจตนาแกล้งให้โจทก์เสียหายฝ่ายเดียวทั้งเป็นการไขข่าวตามความเป็นจริง จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3238/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องต้องมีข้อเท็จจริงสนับสนุนการกระทำละเมิดของจำเลย หากไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าจำเลยเคลื่อนย้ายหลักเขตจริง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินจากที่ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินปักไว้เดิมไปปิดกั้นที่ดินของโจทก์ขอให้ย้ายกลับที่เดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้เคลื่อนย้ายหลักเขตดังกล่าวเมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยเป็นผู้เคลื่อนย้ายหรือใช้ให้ผู้อื่นเคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินจำเลยจึงมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 และเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตตัวแทนของกรมและการนับอายุความละเมิด
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 เรื่องระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ข้อ 32 วรรคสอง บัญญัติว่า กรมมีอธิบดีเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรม ฯลฯ เช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์มีอธิบดีคนเดียวเท่านั้นเป็นผู้แทน จะถือว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนของโจทก์เป็นผู้แทนของโจทก์ด้วยหาได้ไม่ เมื่อปรากฏว่าอธิบดีโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2528 นับถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2529 ซึ่งเป็นวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนด 1 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีละเมิด: การนับระยะเวลาจากวันที่ผู้แทนของนิติบุคคลทราบถึงการละเมิด
โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทกรมในรัฐบาลมี จ. เป็นอธิบดี และตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 เรื่องระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ข้อ 32 วรรคสอง บัญญัติว่า กรมมีอธิบดีเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรม ฯลฯ เช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์มี จ. อธิบดีคนเดียวเท่านั้นเป็นผู้แทน จะถือว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนของโจทก์เป็นผู้แทนของโจทก์ด้วยหาได้ไม่ เมื่อ จ. รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2528 นับถึงวันที่18 กุมภาพันธ์ 2529 ซึ่งเป็นวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนด 1 ปี คดีจึงไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีละเมิด: ผู้แทนโจทก์คืออธิบดีกรมเท่านั้น การนับอายุความเริ่มเมื่ออธิบดีทราบเรื่อง
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 เรื่องระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ข้อ 32 วรรคสอง บัญญัติว่า กรมมีอธิบดีเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรม ฯลฯ เช่นนี้ ต้องถือว่าโจทก์มีอธิบดีคนเดียวเท่านั้นเป็นผู้แทน จะถือว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนของโจทก์เป็นผู้แทนของโจทก์ด้วยหาได้ไม่ เมื่อปรากฏว่าอธิบดีโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนวันที่ 18กุมภาพันธ์ 2528 นับถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2529 ซึ่งเป็นวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนด 1 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3091/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีละเมิดและการรับผิดของลูกหนี้ร่วม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 426 บัญญัติให้นายจ้างได้รับการชดใช้จากลูกจ้างเฉพาะค่าสินไหมทดแทนที่นายจ้างได้ชดใช้ให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำไว้เท่านั้นค่าฤชาธรรมเนียมในคดีก่อนที่ผู้เสียหายฟ้องนายจ้างและลูกจ้างให้ร่วมกันรับผิดในละเมิดที่ศาลพิพากษาให้คู่ความชดใช้แก่กันนั้นเป็นการใช้ดุลพินิจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161ส่วนค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดนั้นศาลวินิจฉัยให้รับผิดชดใช้กันตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 428 ถึง 447 ซึ่งมิได้กล่าวถึงค่าฤชาธรรมเนียมที่คู่ความจะต้องชดใช้กันในคดีละเมิดไว้ ดังนั้นจะถือว่าค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลพิพากษาให้นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันชดใช้ให้ผู้เสียหายในคดีก่อนเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดไม่ได้ นายจ้างจึงฟ้องขอให้ลูกจ้างชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลพิพากษาให้นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายเป็นจำนวนทั้งหมดไม่ได้ แต่คำพิพากษาในคดีดังกล่าวมีผลทำให้นายจ้างและลูกจ้างเป็นลูกหนี้ร่วมของผู้เสียหาย ความรับผิดในระหว่างลูกหนี้ร่วมจะต้องเป็นไปตามมาตรา 296 ซึ่งบัญญัติให้ต่างคนต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กันในกรณีนี้นายจ้างจึงมีสิทธิให้ลูกจ้างชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ชำระเกินไปกว่าความรับผิดคืนจากลูกจ้างได้ตามส่วน.
of 278