พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3412/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากทนายความมีนัดอื่น ศาลถือว่าโจทก์ขาดนัดได้หากไม่แจ้งเหตุขัดข้อง
แม้ในวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายความโจทก์จะมีนัดว่าความที่ศาลชั้นต้นและศาลแขวงพระนครเหนือรวม 2 เรื่องก็ตาม ทนายความโจทก์ก็มีทางแก้ไขโดยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีใดคดีหนึ่ง ซึ่งอาจทำได้ก่อนหรือในวันนัดพิจารณาโดยจะนำคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาไปยื่นเองหรือมอบฉันทะให้ผู้อื่นไปยื่นแทนก็ได้หรือในกรณีที่ไม่ต้องการเลื่อนคดี ทนายโจทก์ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องหรือคำแถลงแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบได้ว่าทนายโจทก์มีนัดว่าความ 2 เรื่อง คือ ที่ศาลชั้นต้นและศาลแขวงพระนครเหนือ และทนายโจทก์ขอไปไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาที่ศาลแขวงพระนครเหนือก่อนก็ย่อมจะทำได้ การที่โจทก์ไม่ได้ขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบก่อนเช่นนี้ เป็นกรณีโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานและมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาให้ศาลทราบก่อน จึงถือได้ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3197/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำฟ้อง: ศาลไม่อาจพิพากษาเกินกว่าที่ระบุในฟ้อง แม้มีข้อเท็จจริงสนับสนุน
ฟ้องโจทก์กล่าวอ้างชัดแจ้งว่าจำเลยเช่าที่ดินโจทก์เนื้อที่ 30 ตารางวา และปลูกบ้านเลขที่ 16/4 บนที่ดินดังกล่าวอยู่อาศัยตลอดมาโดยขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 16/4 ออกไปจากที่ดินโจทก์ที่จำเลยทำสัญญาเช่ามา มิได้ขอให้บังคับขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์เนื้อที่เกินกว่า 30 ตารางวาแม้จะกล่าวอ้างด้วยว่าที่ดินที่จำเลยเช่าเป็นแปลงเดียวกับที่ดินเนื้อที่ 11 ไร่เศษ และจำเลยให้การว่าที่ดินตามฟ้องจำเลยมีสิทธิครอบครองอยู่ 4 ไร่ โดยโจทก์มอบให้เพื่อชำระราคาที่ดินที่จำเลยขายให้แก่โจทก์ แต่จำเลยมิได้ฟ้องแย้งไว้ คดีจึงไม่มีประเด็นพิพาทว่า จำเลยครอบครองที่ดินในส่วนที่เกินกว่า 30 ตารางวา คงพิพาทและบังคับกันได้เฉพาะที่พิพาทตามฟ้องเนื้อที่ 30 ตารางวา ศาลย่อมไม่มีอำนาจวินิจฉัยเลยไปถึงว่าให้จำเลยออกไปจากที่ดินเนื้อที่ 3 ไร่เศษของโจทก์ได้เพราะเป็นการพิพากษาเกินกว่าที่ปรากฎในคำฟ้องต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3120-3121/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมศาลกับการรับคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ศาลชอบที่จะให้โอกาสชำระค่าธรรมเนียมที่ขาดก่อนยกคำร้อง
การร้องคัดค้านการขายทอดตลาดเป็นคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนพิจารณาวิธีการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ต้องทำเป็นคำร้องและเสียค่าธรรมเนียมศาลตามตาราง 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ข้อ (3)และ (7) โดยชำระเมื่อยื่นคำขอต่อศาล จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นโดยเสียค่าธรรมเนียมศาล50 บาท ตามที่พนักงานศาลเรียกให้เสีย ไม่ได้จงใจขัดขืนไม่ยอมเสียค่าธรรมเนียมศาลซึ่งขาดอยู่เพียง 20 บาท ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งให้เสียให้ครบถ้วนภายในเวลาอันสมควร ไม่ควรด่วนยกคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3120-3121/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมศาลกับการยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ศาลควรให้โอกาสชำระค่าธรรมเนียมที่ขาดก่อนยกคำร้อง
การร้องคัดค้านการขายทอดตลาดเป็นคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนพิจารณาวิธีการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองต้องทำเป็นคำร้องและเสียค่าธรรมเนียมศาลตามตาราง2ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งข้อ(3)และ(7)โดยชำระเมื่อยื่นคำขอต่อศาล จำเลยที่2ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นโดยเสียค่าธรรมเนียมศาล50บาทตามที่พนักงานศาลเรียกให้เสียไม่ได้จงใจขัดขืนไม่ยอมเสียค่าธรรมเนียมศาลซึ่งขาดอยู่เพียง20บาทศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งให้เสียให้ครบถ้วนภายในเวลาอันสมควรไม่ควรด่วนยกคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3120-3121/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมศาลกับการยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ศาลควรให้โอกาสชำระค่าธรรมเนียมก่อนยกคำร้อง
การร้องคัดค้านการขายทอดตลาดเป็นคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนพิจารณาวิธีการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองต้องทำเป็นคำร้องและเสียค่าธรรมเนียมศาลตามตาราง2ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งข้อ(3)และ(7)โดยชำระเมื่อยื่นคำขอต่อศาล จำเลยที่2ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นโดยเสียค่าธรรมเนียมศาล50บาทตามที่พนักงานศาลเรียกให้เสียไม่ได้จงใจขัดขืนไม่ยอมเสียค่าธรรมเนียมศาลซึ่งขาดอยู่เพียง20บาทศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งให้เสียให้ครบถ้วนภายในเวลาอันสมควรไม่ควรด่วนยกคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมเพื่อขออุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ แม้ไม่ตรงตามมาตรา 234 แต่แสดงเจตนาดี จึงรับอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลหรือนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันไว้ต่อศาลภายใน15วันอันเป็นการให้จำเลยเลือกปฏิบัติทางใดทางหนึ่งซึ่งแม้จะไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา234เมื่อจำเลยปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นโดยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางภายในกำหนดจึงมีเหตุน่าเชื่อว่าจำเลยไม่มีเจตนาฝ่าฝืนไม่นำเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลการที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3098/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับผู้จัดการมรดกหลังพ้นจากตำแหน่ง: ศาลไม่อาจบังคับได้เมื่อไม่มีอำนาจหน้าที่
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกให้ปฏิบัติตามหน้าที่เมื่อระหว่างพิจารณาจำเลยถูกถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกจำเลยย่อมไม่มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดการทรัพย์มรดกต่อไปศาลย่อมไม่อาจบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำขอบังคับของโจทก์ได้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยและมีคำพิพากษาตามคำขอบังคับของโจทก์ต่อไปให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3084/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดที่ดินตาม ป.ที่ดิน มาตรา 83 ยังมีผลจนกว่าศาลจะมีคำสั่งถอนหรือมีคำพิพากษาถึงที่สุด แม้มีการฟ้องคดี
การที่ พนักงานเจ้าหน้าที่รับอายัดที่ดินตามป.ที่ดินมาตรา83ไว้แล้วและผู้ขออายัดไปดำเนินคดีทางศาลภายในกำหนดเวลาการอายัดก็ยังคงมีผลอยู่ต่อไปจนกว่าศาลจะสั่งให้ถอนการอายัดหรือมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งถึงที่สุดเมื่อคดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาและไม่มีคำสั่งศาลให้ถอนการอายัดการอายัดจึงยังคงมีอยู่ตามมาตรา83วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2995/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นข้อพิพาทใหม่ที่ไม่เคยมีคำวินิจฉัยชี้ขาด
โจทก์และจำเลยในคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกันกับโจทก์และจำเลยในคดีก่อน คดีก่อนศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทและวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิไถ่ถอนการขายฝากภายในระยะเวลาหรือไม่ ส่วนคดีนี้ ประเด็นในคดีมีว่า บันทึกข้อตกลงที่ว่าถ้าโจทก์ชำระหนี้ให้แก่จำเลยครบตามจำนวนหนี้ จำเลยยินยอมโอนที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์ ถือว่าเป็นคำมั่นจะขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์หรือไม่อันไม่ใช่ประเด็นเดียวกันกับประเด็นในคดีก่อน แม้ศาลชั้นต้นจะกล่าวอ้างถึงบันทึกดังกล่าวด้วย แต่ไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ และแม้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาว่าบันทึกดังกล่าวจะถือว่าเป็นคำมั่นจะขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์หรือไม่ด้วยก็ตาม แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าปัญหาดังกล่าวมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทมาแต่ศาลชั้นต้น จึงไม่รับวินิจฉัยให้ ดังนั้นประเด็นในคดีนี้จึงเป็นประเด็นที่ยังไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาล คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แต่พิพากษากลับนั้นไม่ถูกต้อง ต้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (2)
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แต่พิพากษากลับนั้นไม่ถูกต้อง ต้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2902/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การ และอำนาจดุลพินิจศาลในการไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ
พนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่1ที่2โดยวิธีปิดหมายจำเลยที่1ที่2มีสิทธิยื่นคำให้การภายใน23วันแต่จำเลยที่1ที่2เพิ่งนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปให้ทนายความในวันสุดท้ายที่ต้องยื่นคำให้การแสดงว่าจำเลยที่1ที่2ไม่สนใจเกี่ยวกับการถูกฟ้องและไม่สนใจที่จะต่อสู้คดีทนายจำเลยที่1ที่2เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่1ที่2จะอ้างเหตุที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นทนายความไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายละเอียดว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23ไม่ได้ถือได้ว่าจำเลยที่1ที่2จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ไม่ยื่นคำขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่1ที่2ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน15วันนับแต่วันครบกำหนดยื่นคำให้การแม้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา198วรรคสองใช้คำว่า"ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี"ก็ไม่ใช่เป็นบทบังคับศาลคงให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ก็ได้ การที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลต้องไต่สวนคำร้องดังกล่าวก่อนศาลจึงมีอำนาจใช้ดุลพินิจว่าจะทำการไต่สวนคำร้องดังกล่าวหรือไม่สำหรับบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา21(4)ไม่ได้เป็นบทบังคับศาลที่จะต้องทำการไต่สวนคำร้องดังกล่าวเสมอไป