พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,887 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4616/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ การวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2528 จำเลยจะต้องร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายใน 10 วัน และนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด 10 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2528 แต่นำเงินตามคำพิพากษามาวางต่อศาลในวันที่ 26 มิถุนายน 2528 ซึ่งพ้นกำหนดเวลาให้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งแล้ว เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4248/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาต้องรอคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดีที่ยังไม่สิ้นสุด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนหมายบังคับคดี ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวและศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวกับอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้อง คงมีคำสั่งเฉพาะคำร้องขอทุเลาการบังคับของผู้ร้องเท่านั้น คดียังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิฎีกาทั้งนี้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4248/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาเมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาในศาลอุทธรณ์: การไม่อาจฎีกาจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนหมายบังคับคดี ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวและศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวกับอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้อง คงมีคำสั่งเฉพาะคำร้องขอทุเลาการบังคับของผู้ร้องเท่านั้น คดียังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิฎีกาทั้งนี้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4106/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ไม่ถูกต้องตามคำพิพากษาเดิม ผู้ได้รับหนังสือหรือคู่กรณีมีอำนาจฟ้องร้องต่อศาลได้
ประเด็นในคดีซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้วและในชั้นศาลอุทธรณ์จำเลยก็ได้หยิบยกขึ้นโต้แย้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์อันเป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้ เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรที่จะวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้วในสำนวนก็ชอบจะทำได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวน
ตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรคท้ายในกรณีที่มีการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ถูกต้อง ผู้ได้รับหนังสือหรือคู่กรณีมีอำนาจดำเนินการฟ้องร้องยังศาลให้เพิกถอนได้ ไม่จำเป็นจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินเป็นผู้เพิกถอนทุกกรณี และเมื่อศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างไรแล้วจึงให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนด
ตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรคท้ายในกรณีที่มีการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ถูกต้อง ผู้ได้รับหนังสือหรือคู่กรณีมีอำนาจดำเนินการฟ้องร้องยังศาลให้เพิกถอนได้ ไม่จำเป็นจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินเป็นผู้เพิกถอนทุกกรณี และเมื่อศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างไรแล้วจึงให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4106/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ไม่ถูกต้องตามคำพิพากษา ผู้รับหนังสือ/คู่กรณีมีอำนาจฟ้องร้องได้โดยตรง
ประเด็นในคดีซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้วและในชั้นศาลอุทธรณ์จำเลยก็ได้หยิบยกขึ้นโต้แย้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์อันเป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้ เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรที่จะวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้วในสำนวนก็ชอบจะทำได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวน
ตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรคท้ายในกรณีที่มีการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ถูกต้อง ผู้ได้รับหนังสือหรือคู่กรณีมีอำนาจดำเนินการฟ้องร้องยังศาลให้เพิกถอนได้ ไม่จำเป็นจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินเป็นผู้เพิกถอนทุกกรณี และเมื่อศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างไรแล้วจึงให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนด
ตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรคท้ายในกรณีที่มีการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ถูกต้อง ผู้ได้รับหนังสือหรือคู่กรณีมีอำนาจดำเนินการฟ้องร้องยังศาลให้เพิกถอนได้ ไม่จำเป็นจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินเป็นผู้เพิกถอนทุกกรณี และเมื่อศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างไรแล้วจึงให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4106/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยไม่ถูกต้องตามคำพิพากษาเดิม ผู้มีสิทธิฟ้องร้องต่อศาลได้โดยตรง
ประเด็นในคดีซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้วและในชั้นศาลอุทธรณ์จำเลยก็ได้หยิบยกขึ้นโต้แย้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์อันเป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไว้ศาลฎีกาเห็นสมควรที่จะวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้วในสำนวนก็ชอบจะทำได้โดยไม่จำต้องย้อนสำนวน ตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา61วรรคท้ายในกรณีที่มีการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ถูกต้องผู้ได้รับหนังสือหรือคู่กรณีมีอำนาจดำเนินการฟ้องร้องยังศาลให้เพิกถอนได้ไม่จำเป็นจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินเป็นผู้เพิกถอนทุกกรณีและเมื่อศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างไรแล้วจึงให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา71แห่งประมวลกฎหมายที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3829/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม เนื่องจากศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีเกี่ยวกับสินค้าหนีภาษี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 284,487 บาท 60 สตางค์ คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3551/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำร้องแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การก่อนมีคำพิพากษา ศาลต้องวินิจฉัยก่อนพิพากษา
ศาลแรงงานกลางซึ่งพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดสกลนครมีคำสั่งให้งดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 14 เมษายน 2529 จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การต่อศาลจังหวัดสกลนครเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2529 ศาลจังหวัดสกลนครส่งคำร้องดังกล่าวไปยังศาลแรงงานกลางเพื่อพิจารณาสั่ง ศาลแรงงานกลางได้รับคำร้องเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2529 จึงสั่งว่า 'ศาลพิพากษาคดีแล้ว รวม' ดังนี้ คดีไม่มีการชี้สองสถานหรือสืบพยาน แม้ศาลแรงงานกลางจะมีคำสั่งงดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาแล้วก็ตาม แต่เมื่อศาลแรงงานกลางยังมิได้พิพากษา ย่อมถือว่าอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้ จึงชอบที่จะได้วินิจฉัยสั่งคำร้องดังกล่าวว่าสมควรอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การหรือไม่ ศาลแรงงานกลางพิพากษาคดีไปโดยมิได้วินิจฉัยสั่งคำร้องของจำเลย จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลย แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3530/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าจ้างและการไม่จดประเด็นข้อพิพาท: ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง
เงินเดือนของโจทก์เป็นค่าจ้างที่คนงานเรียกเอาจากนายจ้างมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (9) วรรคแรก เมื่อกำหนดจ่ายค่าจ้างเป็นวันก่อนวันสิ้นเดือนหนึ่งวัน การจ่ายค่าจ้างสำหรับวันที่ 1 ถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2523 ก่อนโจทก์ถูกสั่งพักงานจึงตกเป็นวันที่ 30 ตุลาคม 2523 โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา การถูกสั่งพักงาน ถูกข้อหาปล้นทรัพย์ถูกดำเนินคดีอาญา ไม่เป็นอุปสรรคกีดกันมิให้โจทก์สามารถบังคับตามสิทธิของตนได้ และไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง โจทก์มิได้บังคับตามสิทธิของตนภายในเวลาอันกฎหมายกำหนดไว้ ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
ศาลแรงงานกลางมิได้จดประเด็นข้อพิพาทไว้ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางจดประเด็นข้อพิพาท ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้อง ดังนี้ คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ปฏิเสธไม่ยอมจดประเด็นข้อพิพาทเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(2) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ฯ มาตรา 31
ศาลแรงงานกลางมิได้จดประเด็นข้อพิพาทไว้ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางจดประเด็นข้อพิพาท ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้อง ดังนี้ คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ปฏิเสธไม่ยอมจดประเด็นข้อพิพาทเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(2) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ฯ มาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3530/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าจ้างและการไม่จดประเด็นข้อพิพาท: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
เงินเดือนของโจทก์เป็นค่าจ้างที่คนงานเรียกเอาจากนายจ้างมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(9)วรรคแรกเมื่อกำหนดจ่ายค่าจ้างเป็นวันก่อนวันสิ้นเดือนหนึ่งวัน การจ่ายค่าจ้างสำหรับวันที่ 1ถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2523ก่อนโจทก์ถูกสั่งพักงานจึงตกเป็นวันที่ 30 ตุลาคม 2523โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา การถูกสั่งพักงาน ถูกข้อหาปล้นทรัพย์ถูกดำเนินคดีอาญา ไม่เป็นอุปสรรคกีดกันมิให้โจทก์สามารถบังคับตามสิทธิของตนได้ และไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง โจทก์มิได้บังคับตามสิทธิของตนภายในเวลาอันกฎหมายกำหนดไว้ ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
ศาลแรงงานกลางมิได้จดประเด็นข้อพิพาทไว้ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางจดประเด็นข้อพิพาท ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้องดังนี้ คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ปฏิเสธไม่ยอมจดประเด็นข้อพิพาทเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(2) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ฯมาตรา 31
ศาลแรงงานกลางมิได้จดประเด็นข้อพิพาทไว้ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางจดประเด็นข้อพิพาท ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้องดังนี้ คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ปฏิเสธไม่ยอมจดประเด็นข้อพิพาทเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(2) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ฯมาตรา 31