พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,659 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2577/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีจำนอง, การบอกกล่าวหนี้, ดอกเบี้ยเกินกฎหมาย, และความยินยอมในการฟ้องคดี
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้จำนอง ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 728 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า ก่อนฟ้องโจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง จำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วโจทก์ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดแล้ว ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน หนังสือของสามีโจทก์ที่ยินยอมให้โจทก์ฟ้องจำเลย มิใช่ใบมอบอำนาจที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ โจทก์คิดดอกเบี้ยเงินกู้จากจำเลยอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยเป็นโมฆะ แต่จำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2262/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทสัญญาเช่า, การคืนทรัพย์สิน, ค่าเสียหาย, และดอกเบี้ย: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นความรับผิดตามสัญญา
สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยกำหนดให้จำเลยชำระเงินเพื่อประกันความเสียหายของทรัพย์สินที่ระบุไว้ท้ายสัญญาเช่าให้แก่โจทก์ แม้โจทก์จะผิดสัญญาเพราะไม่สามารถเอาที่ดินที่ให้เช่าให้จำเลยดำเนินการร้านอาหารได้ต่อไป แต่เมื่อทรัพย์สินที่ระบุไว้ท้ายสัญญาเช่าเป็นของโจทก์ จำเลยก็ต้องคืนให้แก่โจทก์เมื่อจำเลยไม่คืนให้ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ย่อมมีสิทธิไม่คืนเงินประกันความเสียหายจนกว่าจำเลยจะคืนทรัพย์สินที่เช่าให้โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าขาดประโยชน์ในการใช้ทรัพย์สินแก่โจทก์โดยมิได้ให้จำเลยต้องรับผิดดอกเบี้ยด้วยโจทก์มิได้อุทธรณ์เกี่ยวกับดอกเบี้ยข้อพิพาทเรื่องดอกเบี้ยจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิพากษาให้จำเลยรับผิดดอกเบี้ยอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: ค่าทดแทนที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และดอกเบี้ยตามประกาศคณะปฏิวัติ
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน2515 ข้อ 23 วรรคท้าย ประกอบด้วยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 76 ที่ได้กำหนดเงินค่าทดแทนให้เท่าราคาของทรัพย์สินตามราคาธรรมดาที่ ซื้อขายในท้องตลาดนั้น หมายถึงราคาธรรมดาของที่ดินแต่ละแปลงที่อ้างซื้อขายกันในท้องตลาดตามความเป็นจริงแต่ราคาที่ดินตามบัญชีกำหนดจำนวนราคาที่ดินตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เป็นเพียงราคาปานกลางของที่ดินในแต่ละเขตท้องที่ ซึ่งที่ดินแต่ละแปลงในท้องที่เดียวกันและตามบัญชีดังกล่าวกำหนดไว้เป็นราคาเดียวกัน อาจมีราคาแตกต่างกันตามสภาพของที่ดินแต่ละแปลง และสำหรับที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนปรากฏว่าเป็นที่ดินที่อยู่ห่างจากถนนสายธนบุรี-ปากท่อ เพียงประมาณ 15 เมตร เป็นที่ดินที่ใช้สร้างโรงภาพยนตร์ มีทางเข้าออกเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กมีลานจอดรถและอาคารพาณิชย์โดยรอบ เชื่อได้ว่าที่ดินของโจทก์ดังกล่าวมีราคาธรรมดาที่อาจซื้อขายกันในท้องตลาดตามความเป็นจริงสูงกว่าราคาตามบัญชีกำหนดจำนวนราคาที่ดินตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เครื่องปรับอากาศของโจทก์เป็นเครื่องปรับอากาศใช้สำหรับโรงภาพยนตร์เชื่อได้ว่าเป็นเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ การติดตั้งและรื้อถอนต้องเสียค่าแรงงานและอาจเกิดความเสียหายได้ จำเลยต้องใช้เงินค่าทดแทน เก้าอี้นั่งชมภาพยนตร์ของโจทก์มีลักษณะที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้สำหรับโรงภาพยนตร์โดยเฉพาะ และได้ติดตั้งยึดไว้กับพื้นของโรงภาพยนตร์ ซึ่งตามปกติโรงภาพยนตร์ต้องมีเก้าอี้เพื่อ ให้ผู้ชมได้นั่งชมภาพยนตร์ การรื้อถอนเก้าอี้ออกไปจะทำให้โรงภาพยนตร์เสียสภาพจากการเป็นโรงภาพยนตร์ถือได้ว่าเก้าอี้นั่งชมภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโรงภาพยนตร์ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้าง จำเลยจึงต้องใช้เงินค่าทดแทนให้โจทก์ เมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ที่คิดว่าจะเวนคืนเพื่อสร้างทางพิเศษ และรัฐมนตรีได้รับประกาศให้ทางสายนั้นเป็นทางที่มีความจำเป็นต้องสร้างโดยเร่งด่วนแล้ว แม้จะยังไม่มีการออกพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ จำเลยก็มีหน้าที่ต้องใช้เงินค่าทดแทนหรือค่าเสียหายให้โจทก์และเมื่อนำข้อ 67 วรรคสองแห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 มาใช้บังคับโดยอนุโลม โดยอาศัยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 23 วรรคสอง แล้วมีความหมายว่าโจทก์มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขาดแรงงานในครอบครัวเป็นค่าเสียหายจากการขาดไร้อุปการะ, ค่าใช้จ่ายงานศพจำเป็น, ดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิด
การขาดแรงงานในครอบครัวเป็นการขาดไร้อุปการะอย่างหนึ่ง ก่อนตายผู้ตายและโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นสามีประกอบกิจการร้านอาหารร่วมกับ ป. โดยผู้ตายทำหน้าที่ดูแลร้านอาหาร ถือได้ว่าผู้ตายเป็นผู้ทำการงานในครัวเรือนให้แก่โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนการขาดแรงงานในครอบครัวได้ด้วย
ค่าอาหารเลี้ยงดูแขกที่มาร่วมงานศพกับค่าของและเงินถวายพระเป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการจัดการศพ
ค่าสินไหมทดแทนการขาดไร้อุปการะและค่าสินไหมทดแทนการขาดแรงงานเป็นหนี้เงินที่จะต้องชำระทันที จำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่วันกระทำละเมิดซึ่งเป็นวันผิดนัด
ค่าอาหารเลี้ยงดูแขกที่มาร่วมงานศพกับค่าของและเงินถวายพระเป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการจัดการศพ
ค่าสินไหมทดแทนการขาดไร้อุปการะและค่าสินไหมทดแทนการขาดแรงงานเป็นหนี้เงินที่จะต้องชำระทันที จำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่วันกระทำละเมิดซึ่งเป็นวันผิดนัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้ค่าสินค้าล่าช้า ดอกเบี้ยตามตกลงไม่ขัดกฎหมาย การคำนวณโทษจำคุก
จำเลยทั้งสองออกเช็คชำระหนี้ค่าสินค้าแก่โจทก์ เช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้จำเลยทั้งสองจึงออกเช็คพิพาทให้โจทก์ใหม่แทนฉบับเดิมโดยสั่งจ่ายเพิ่มขึ้นจากหนี้เดิมในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ถือว่ามูลหนี้ตามเช็คไม่ใช่หนี้กู้ยืมเงิน จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามกำหนดมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดชำระหนี้เดิม โจทก์จึงมีสิทธิคิดค่าเสียหายจากการชำระหนี้ล่าช้าได้ และจำเลยทั้งสองยินยอมโดยออกเช็คพิพาทฉบับใหม่แก่โจทก์มูลหนี้ตามเช็คพิพาทจึงสมบูรณ์ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย ในกรณีที่กำหนดโทษจำคุกเป็นเดือน เมื่อรวมถึง 12 เดือน ให้คิดเป็นจำนวนวัน 360 วัน มิใช่ถือเป็น 1 ปี เพราะจำนวนวันจำคุกจะคิดได้ถึง 365 หรือ 366 วัน ย่อมเป็นผลร้ายแก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการคิดดอกเบี้ยตามคำฟ้อง: ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้คิดดอกเบี้ยเฉพาะส่วนที่ฟ้องร้อง
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องขอคิดดอกเบี้ยจากจำเลยถึงวันฟ้องเพียง 5 ปีมิได้คิดเป็นเวลา 5 ปี 7 เดือนตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระให้โจทก์ปัญหานี้แม้ว่าในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวไว้ ซึ่งถือเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ แต่เนื่องจากเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจึงยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 โจทก์ฟ้องขอเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยถึงวันฟ้องเพียง 5 ปีเป็นเงิน 90,000 บาท แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์นับจากวันที่ 1 เมษายน 2535 จนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ ซึ่งเมื่อนับถึงวันฟ้องเป็นระยะเวลาเกินกว่า5 ปีนั้น เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1632/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองประกันหนี้เบิกเกินบัญชี แม้ลูกหนี้ล้มละลาย ผู้จำนองยังต้องรับผิดชำระหนี้และดอกเบี้ย
ที่โจทก์ฟ้องบังคับจำนองเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยซึ่งได้จำนองไว้เป็นประกันการชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของบริษัท พ.ตามสัญญาจำนองที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ แม้บริษัท พ. ถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลายและโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีที่บริษัท พ. เป็นหนี้โจทก์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในคดีล้มละลายนั้นแล้ว แต่ตราบใดที่โจทก์ยังมิได้รับชำระหนี้ดังกล่าวจากทรัพย์สินของบริษัท พ. จำเลยก็ยังคงมีความผูกพันตามสัญญาจำนองที่ได้ทำไว้กับโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องบังคับจำนองแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 728 จำเลยทำสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันกับโจทก์ยอมรับผิดใช้ต้นเงินที่บริษัท พ. เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ไม่เกินจำนวนเงิน3,670,000 บาท แต่บริษัท พ. ได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ยอมให้ดอกเบี้ยแก่โจทก์สำหรับจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชีไปและหนังสือสัญญาจำนองก็มีข้อความระบุเช่นเดียวกันว่า จำเลยตกลงให้ดอกเบี้ยแก่โจทก์ในการจำนองที่ดินเป็นประกันการกู้เงินเบิกเงินเกินบัญชีของบริษัท พ. และถ้าผู้จำนองหรือลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้เป็นเหตุให้ผู้รับจำนองได้รับความเสียหาย ผู้จำนองยอมรับผิดชอบชดใช้เงินต้นพร้อมทั้งดอกเบี้ย ดังนั้นเมื่อบริษัทพ.ซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ จำเลยซึ่งเป็นผู้จำนองเป็นประกันก็จะต้องรับผิดชำระเงินต้น 3,670,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมเงิน, การนำสืบผู้ให้กู้, และการคิดดอกเบี้ยผิดนัด
หลักฐานแห่งการกู้ยืมตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 ต้องมีสาระสำคัญให้เห็นว่า มีการกู้ยืมเงินกันก็เพียงพอ ไม่ได้บังคับว่าต้องระบุชื่อของผู้ให้กู้ไว้ด้วยหรือหากไม่ระบุลงไว้จะต้องถือว่าไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม เมื่อเอกสารพิพาทระบุว่าจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้ยืมเงินจำนวนเงินและวันเดือนปี แม้มิได้ระบุชื่อผู้ให้กู้ก็ตาม ถือว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินแล้ว และโจทก์มีสิทธินำสืบได้ว่าผู้ให้กู้คือโจทก์ได้ไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมเอกสารตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94(ข) หนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้โจทก์มีสิทธิทวงถามได้โดยพลันตามป.พ.พ. มาตรา 203 แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ทวงถามเมื่อใดจึงถือว่าจำเลยผิดนัดในวันฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเวนคืนที่ดิน: เริ่มนับแต่วันพระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับ ไม่ใช่วันเข้าครอบครอง
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในแนวทางที่จะสร้างทางหลวงพิเศษมี สิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืน อสังหาริมทรัพย์ได้ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 76วรรคสอง ซึ่งบัญญัติให้เรียกดอกเบี้ย ได้ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากยอดเงินที่จะต้องชำระเพิ่มขึ้น นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ใช้บังคับ หาใช่นับแต่วันที่จำเลยเข้าครอบครองที่ดินของโจทก์ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบรายละเอียดการรับเงินกู้ไม่เป็นการนอกฟ้อง และอายุความดอกเบี้ยเริ่มนับจากเวลาที่อาจฟ้องเรียกได้
ในคำฟ้องและสัญญากู้ระบุว่าจำเลยที่ 1 รับเงินจำนวน1,500,000 บาท ไปจากโจทก์ครบถ้วนในวันทำสัญญากู้ และประเด็นข้อพิพาทมีว่าจำเลยที่ 1 รับเงินตามสัญญากู้ไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้วหรือไม่ดังนี้ การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 1 รับเงินไปจากโจทก์ก่อนวันทำสัญญากู้บ้าง ในวันทำสัญญากู้บ้าง และหลังวันทำสัญญากู้บ้างนั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาหรือรายละเอียดในการที่จำเลยที่ 1รับเงินไปจากโจทก์ ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น และไม่เป็นการนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร การฟ้องเรียกดอกเบี้ยค้างส่งภายใน 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 166นั้น อายุความ 5 ปี ต้องนับตั้งแต่เวลาที่อาจฟ้องเรียกเอาดอกเบี้ยได้ ไม่ใช่นับตั้งแต่วันที่ผู้กู้รับเงินกู้ไปจากผู้ให้กู้.