พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,439 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356-1521/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมคดีหลายสำนวนเพื่อลงโทษและการคำนวณโทษจำคุกที่ถูกต้อง
การกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกันถึง 166 ครั้ง นั้นเพื่อความสะดวกศาลแขวงจะรวมคดีทั้ง 166 สำนวนพิจารณาพิพากษารวมกันก็ได้และเมื่อศาลแขวงลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละสำนวนโดยมีกำหนดโทษซึ่งอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะลงแล้ว แม้ในที่สุดจำเลยจะต้องรับโทษถึง 2490 วัน ก็ย่อมทำได้
การลงโทษเรียงสำนวนทั้ง 166 สำนวน พึงให้นับโทษติดต่อกันไปไม่จำต้องรวมโทษทุกสำนวนเข้าด้วยกันแล้วคิดทอนจากวันเป็นปีเดือน เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษจริงเกินกว่าโทษที่จะต้องรับโดยการนับโทษติดต่อ
การลงโทษเรียงสำนวนทั้ง 166 สำนวน พึงให้นับโทษติดต่อกันไปไม่จำต้องรวมโทษทุกสำนวนเข้าด้วยกันแล้วคิดทอนจากวันเป็นปีเดือน เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษจริงเกินกว่าโทษที่จะต้องรับโดยการนับโทษติดต่อ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1037/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดได้หลายฐาน: สิทธิฟ้องระงับเมื่อศาลตัดสินลงโทษไปแล้ว
บุตรผู้ตายเป็นผู้เสียหายฟ้องจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาไว้ก่อนแล้วอัยการฟ้องจำเลยฐานฆ่าคนโดยประมาทในมูลกรณีเดียวกัน ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปตามฟ้องอัยการ คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิของผู้เสียหายที่ได้ฟ้องไว้แล้วย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1037/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดได้หลายฐาน: สิทธิฟ้องระงับเมื่อศาลพิพากษาลงโทษในความผิดฐานหนึ่งแล้ว
บุตรผู้ตายเป็นผู้เสียหายฟ้องจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาไว้ก่อนแล้วอัยการฟ้องจำเลยฐานฆ่าคนโดยประมาทในมูลกรณีเดียวกัน ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปตามฟ้องอัยการ คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิของผู้เสียหายที่ได้ฟ้องไว้แล้วย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย: เงื่อนไขการลงโทษและอำนาจฟ้องแยก
โจทก์ฟ้องขอให้กักกันจำเลยในฐานเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายโดยจำเลยเคยทำผิดต้องโทษจำคุกอันมิใช่ประมาทหรือลหุโทษมา 4 ครั้ง และมาทำผิดฐานชิงทรัพย์อีกโจทก์จึงฟ้องขอให้กักกันจำเลยฐานเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายเมื่อคดีมาสู่ศาลฎีกาเมื่อใช้ประมวลกฎหมายอาญาแล้วศาลฎีกาเห็นว่าการลงโทษผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479นั้น มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ศาลฎีกาจึงยกบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญาอันมีมาตรา 43,41 เป็นต้นมาใช้แทนและชี้ว่าตาม มาตรา43 โจทก์มีอำนาจแยกฟ้องได้แต่ตาม มาตรา 41 จะลงโทษกักกันได้ต่อเมื่อจำเลยเคยต้องโทษกักกันมาแล้ว หรือเคยถูกศาลพิพากษาให้จำคุกมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนไม่น้อยกว่า 2 ครั้งและมาทำผิด จำเลยนี้เคยต้องโทษเกิน 6เดือนครั้งเดียว จึงยังฟ้องให้ลงโทษกักกันจำเลยไม่ได้ ให้ยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จต้องพิสูจน์การสาบานตนของพยาน การอ้างแบบพิมพ์ไม่เพียงพอต่อการลงโทษ
ในคดีฟ้องหาว่าเบิกความเท็จนั้นถึงแม้โจทก์จะอ้างคำเบิกความของจำเลยในคดีที่เป็นเหตุให้จำเลยถูกฟ้องฐานเบิกความเท็จ และปรากฏมีข้อความในคำเบิกความนั้นว่า'ข้าพเจ้าพยานได้สาบานตนแล้ว' ก็ตาม ข้อความดังกล่าวก็เป็นแต่เพียงแบบพิมพ์ซึ่งได้ตีพิมพ์ไว้ก่อนและเพราะในการเบิกความเป็นพยานในศาลก็หามีกฎหมายบังคับให้พยานทุกคนต้องสาบานหรือปฏิญาณตัวก่อนเบิกความไม่ฉะนั้นเมื่อจำเลยปฏิเสธและโจทก์ไม่ได้นำสืบพยานบุคคลถึงความข้อนี้เลย ก็ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องคดีพนันต้องชัดเจน หากฟ้องลักษณะหนึ่งแล้ว ศาลไม่อาจลงโทษฐานอื่นได้
เมื่อในฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏว่าได้บรรยายไว้ในที่ใดเลยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478
บัญชีก. หมายเลข 8 นอกจากนี้ในตอนท้ายฟ้องของโจทก์ยังยืนยันว่า 'ซึ่งการพนันดังกล่าวนี้ เป็นการพนันนอกจากที่ระบุไว้ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 และมิใช่การพนันที่ระบุชื่อและเงื่อนไขไว้ในกฎกระทรวงมหาดไทย' ดังนี้โจทก์ประสงค์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานเล่นการพนันฝ่าฝืน พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4 ทวิ จะลงโทษจำเลยตามบัญชีก. หมายเลข8 ไม่ได้
บัญชีก. หมายเลข 8 นอกจากนี้ในตอนท้ายฟ้องของโจทก์ยังยืนยันว่า 'ซึ่งการพนันดังกล่าวนี้ เป็นการพนันนอกจากที่ระบุไว้ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 และมิใช่การพนันที่ระบุชื่อและเงื่อนไขไว้ในกฎกระทรวงมหาดไทย' ดังนี้โจทก์ประสงค์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานเล่นการพนันฝ่าฝืน พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4 ทวิ จะลงโทษจำเลยตามบัญชีก. หมายเลข8 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2007/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างบทมาตราความผิดในฟ้องอาญา หากโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราในท้ายฟ้อง แม้ข้อเท็จจริงสอดคล้อง ศาลก็ลงโทษตามบทนั้นไม่ได้
ถึงแม้ในคำบรรยายฟ้องอาญา โจทก์จะได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดแล้วก็ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158 (6) ก็ยังมีความประสงค์ให้โจทก์อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในท้ายฟ้องด้วย
เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในฟ้องเพราะความพลั้งเผลอ จะวินิจฉัยว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดตาม ป.วิ.อาญา ม.192 วรรค 4 หาได้ไม่ และดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์จะสืบสม ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ไม่ได้อ้างไม่ได้.
( ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1 )
เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในฟ้องเพราะความพลั้งเผลอ จะวินิจฉัยว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดตาม ป.วิ.อาญา ม.192 วรรค 4 หาได้ไม่ และดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์จะสืบสม ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ไม่ได้อ้างไม่ได้.
( ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2007/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างบทมาตราความผิดในฟ้องอาญา หากโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตรา ศาลไม่สามารถลงโทษตามบทมาตราที่ไม่ได้อ้างได้ แม้มีพยานหลักฐาน
ถึงแม้ในคำบรรยายฟ้องอาญา โจทก์จะได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดแล้วก็ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6)ก็ยังมีความประสงค์ให้โจทก์อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในท้ายฟ้องด้วย
เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในฟ้องเพราะความพลั้งเผลอ จะวินิจฉัยว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ หาได้ไม่ และดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์จะสืบสมศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ไม่ได้อ้างไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1)
เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในฟ้องเพราะความพลั้งเผลอ จะวินิจฉัยว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ หาได้ไม่ และดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์จะสืบสมศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ไม่ได้อ้างไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน โดยพิจารณาจากบาดแผล และการระบุบทกฎหมายในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่า จำเลยทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ในท้องถนนหลวงถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม. 254 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า บาดแผลที่จำเลยกระทำร้ายคู่วิวาทอีกฝ่ายหนึ่งไม่ถึงบาดเจ็บ เมื่อโจทก์ไม่ได้ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.335 (6) มาด้วย จะลงโทษตามมาตรานี้ไม่ได้ เพราะเป็นความผิดคนละประเภทและบทบัญญัติความผิดก็คนละหมวดหมู่กัน ถือได้ว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
รายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องย่อมเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง เมื่อจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดดังฟ้องโจทก์ทุกข้อหา แต่รายงานชันสูตรบาดแผลผู้ถูกทำร้ายเพียงฟกช้ำเท่านั้น ยังไม่ถึงเกณฑ์บาดเจ็บ จะลงโทษตาม ม.254 ไม่ได้.
รายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องย่อมเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง เมื่อจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดดังฟ้องโจทก์ทุกข้อหา แต่รายงานชันสูตรบาดแผลผู้ถูกทำร้ายเพียงฟกช้ำเท่านั้น ยังไม่ถึงเกณฑ์บาดเจ็บ จะลงโทษตาม ม.254 ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินบาดแผลเพื่อลงโทษอาญา: ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย vs. วิวาท และการมิได้ขอลงโทษตามบทบัญญัติที่ต่างกัน
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าจำเลยทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันในท้องถนนหลวงถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 254 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าบาดแผลที่จำเลยกระทำร้ายคู่วิวาทอีกฝ่ายหนึ่งไม่ถึงบาดเจ็บ เมื่อโจทก์ไม่ได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 335(6) มาด้วยจะลงโทษตามมาตรานี้ไม่ได้ เพราะเป็นความผิดคนละประเภทและบทบัญญัติความผิดก็คนละหมวดหมู่กัน ถือได้ว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
รายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องย่อมเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องเมื่อจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดดังฟ้องโจทก์ทุกข้อหา แต่รายงานชันสูตรบาดแผลผู้ถูกทำร้ายเพียงฟกช้ำเท่านั้น ยังไม่ถึงเกณฑ์บาดเจ็บจะลงโทษตาม มาตรา 254 ไม่ได้
รายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องย่อมเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องเมื่อจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดดังฟ้องโจทก์ทุกข้อหา แต่รายงานชันสูตรบาดแผลผู้ถูกทำร้ายเพียงฟกช้ำเท่านั้น ยังไม่ถึงเกณฑ์บาดเจ็บจะลงโทษตาม มาตรา 254 ไม่ได้