พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,377 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2566/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มทุนของธนาคารพาณิชย์ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กฎหมาย เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสร่วมลงทุน การขายหุ้นโดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเป็นการฝ่าฝืน
มาตรา 24 และ 26 แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 เป็นบทบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ ที่ประสงค์จะเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นใหม่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้มิใช่เป็นเรื่องให้สิทธิธนาคารพาณิชย์ ที่จะเลือกปฏิบัติ การที่ธนาคารจำเลยขายหุ้นที่เพิ่มทุนโดยมิได้ออกหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนทราบและมีโอกาสเข้าซื้อหุ้น จึงมีความผิดตามมาตรา 26
โจทก์ร่วมเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลย ไม่ปรากฏว่าได้รับความเสียหาโดยตรงจากการที่จำเลยไม่ได้ออกหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนซื้อหุ้นที่ออกในการเพิ่มทุน โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้
โจทก์ร่วมเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลย ไม่ปรากฏว่าได้รับความเสียหาโดยตรงจากการที่จำเลยไม่ได้ออกหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนซื้อหุ้นที่ออกในการเพิ่มทุน โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2566/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มทุนของธนาคารพาณิชย์ต้องออกหนังสือชี้ชวนเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสซื้อหุ้น มิฉะนั้นมีความผิดตามกฎหมาย
มาตรา 24 และ 26 แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 เป็นบทบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ ที่ประสงค์จะเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นใหม่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้มิใช่เป็นเรื่องให้สิทธิธนาคารพาณิชย์ ที่จะเลือกปฏิบัติ การที่ธนาคารจำเลยขายหุ้นที่เพิ่มทุนโดยมิได้ออกหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนทราบและมีโอกาสเข้าซื้อหุ้น จึงมีความผิดตามมาตรา 26 โจทก์ร่วมเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลย ไม่ปรากฏว่าได้รับความเสียหาโดยตรงจากการที่จำเลยไม่ได้ออกหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนซื้อหุ้นที่ออกในการเพิ่มทุน โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาใหม่นอกระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เหตุสุดวิสัยต้องระบุชัดเจน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก กำหนดระยะเวลาแก่คู่ความในการใช้สิทธิขอให้พิจารณาใหม่ไว้เป็น2 ประการ กล่าวคือ ประการแรก จะต้องยื่นคำขอต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลยแต่ถ้าศาลได้กำหนดการอย่างใด ๆ เพื่อส่งคำบังคับโดยวิธีส่งหมายธรรมดาหรือโดยวิธีอื่นแทน ก็ให้นับแต่เมื่อการส่งคำบังคับมีผลใช้ได้ และประการหลังหากมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้จนเป็นเหตุให้คู่ความฝ่ายที่ขาดนัดไม่อาจยื่นคำขอภายในเวลาที่กำหนดไว้ในประการแรกแล้ว คู่ความฝ่ายนั้นมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง ส่วนข้อความตอนท้ายของบทบัญญัติดังกล่าวซึ่งห้ามมิให้ยื่นคำขอเมื่อพ้นกำหนด6 เดือน นับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น มีความหมายว่า ห้ามมิให้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อพ้นหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือมีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น แม้จะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้จนทำให้การยื่นคำขอต้องล่าช้าเกิน 6 เดือนก็ตาม จำเลยที่ 3 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ล่าช้าเกิน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับ โดยมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้แต่คำขอนั้นมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุแห่งการยื่นคำขอล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคแรก ซึ่งวรรคสองของมาตรา 208 บังคับให้ต้องกล่าวแม้เป็นชั้นตรวจคำขอ ศาลก็ชอบที่จะสั่งยกคำขอให้พิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อเมื่อศาลมิได้รวมสำนวนคดีทุจริต และโทษรวมเกินกำหนดตามกฎหมาย
คดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อโจทก์อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ ถ้าโจทก์ยกฟ้องและศาลสั่งให้พิจารณารวมกันศาลลงโษได้ไม่เกินกำหนดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 หากศาลมิได้สั่งให้พิจารณารวมกันและลงโทษทุกกรรมเต็มตามกำหนดในมาตราดังกล่าวทั้งสองสำนวน ศาลก็จะนับโทษต่อไม่ได้ เมื่อคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลจำคุก 20 ปีเต็มตามกำหนดในมาตรา91 คดีถึงที่สุดแล้ว และคดีนี้ศาลก็จำคุก 20 ปี ดังนี้ นับโทษต่อไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการรักษาทรัพย์ที่ยึดตามคำพิพากษา
จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่ ส. ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์แต่ ส. ไม่ได้เป็นตัวเจ้าหนี้และไม่เป็นผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ นอกจากนี้ ส. ไม่ได้อยู่ร่วมกับโจทก์ และในวันที่ ส. รับชำระหนี้โจทก์ก็ไม่ได้รู้เห็นด้วย จึงหาเป็นการแสดงว่าโจทก์ให้ ส.รับชำระหนี้แทนและเป็นการให้สัตยาบันในการชำระหนี้ไม่ดังนี้ การชำระหนี้ไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 315.
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมอบทรัพย์สินที่ยึดให้ผู้ดรักษาเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานบังคับคดี.
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมอบทรัพย์สินที่ยึดให้ผู้ดรักษาเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานบังคับคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษาเป็นอันยกเลิก หากโจทก์ไม่ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดตามกฎหมาย
ศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ต่อมาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับคำบังคับ พนักงานเดินหมายรายงานว่าได้ปิดคำบังคับไว้ที่บ้านของจำเลยตามคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 29มิถุนายน 2526 ต้องถือว่าจำเลยรับคำบังคับภายหลังปิดคำบังคับ 15วัน คือวันที่ 14 กรกฎาคม 2526 จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาภายในวันที่ 13 สิงหาคม 2526 โจทก์จึงต้องขอหมายบังคับคดีภายในวันที่28 สิงหาคม 2526 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 260(2) เมื่อโจทก์มาขอให้ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีในวันที่ 28 กันยายน 2526 จึงเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายบังคับไว้ไปถึง 1 เดือน คำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาจึงเป็นอันยกเลิก การที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ติดตามผลของการส่งคำบังคับตลอดมา แต่พนักงานเดินหมายไม่รายงานผลของการส่งคำบังคับต่อศาลทำให้โจทก์ขอหมายบังคับคดีล่าช้านั้น ไม่เป็นข้อแก้ตัวที่จะยกเว้นบทบังคับของมาตรา 260(2) เพราะโจทก์อาจขอหมายบังคับคดีไว้ก่อนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2342/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพผูกพัน-โทษจำกัดตามกฎหมาย: ศาลฎีกาไม่ปรับโทษลดลง
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง คดีต้อง ฟังตามคำรับสารภาพของจำเลยว่า จำเลยมีเจตนากระทำผิดดัง โจทก์ฟ้อง จำเลยจะฎีกาโต้เถียง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่าง ต้องห้าม ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐาน นำเงินตราไทยออกไปนอกราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัตศุลกากร พ.ศ. 2469 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีบทลงโทษหนักกว่าพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ. 2485 ซึ่งตามฟ้องของโจทก์ต้องด้วย พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 โดย กฎหมายมาตรานี้บัญญัติเกี่ยวกับโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำผิดว่า...สำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ ให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่ง ได้ รวมค่าอากรด้วย แล้ว หรือจำคุกไม่เกินสิบปีหรือทั้งปรับทั้งจำ คดีนี้ศาลชั้นต้นปรับจำเลยเป็นเงินสี่เท่าของจำนวน เงินตรา ที่นำออกไปนอกราชอาณาจักรตาม กฎหมายแล้ว ซึ่ง บทกฎหมายดังกล่าวมิได้ให้ดุลพินิจ ศาลที่จะใช้ อำนาจปรับให้น้อยกว่านั้นหรือเป็นอย่างอื่นได้ ศาลฎีกาไม่อาจปรับให้น้อยลง หรือลงโทษสถานเบากว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2333/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย และการชำระหนี้จำนองแทนเจ้าหนี้
เช็ค พิพาทที่สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้เดิม ซึ่ง จำเลยกู้เงินโจทก์โดย มี ดอกเบี้ย ร้อยละ 3 ต่อเดือน รวมอยู่ในจำนวนเงินที่ลงไว้ในเช็ค ด้วย นั้น ดอกเบี้ย ทั้งหมดย่อมตก เป็นโมฆะเพราะวัตถุประสงค์ในการเรียกดอกเบี้ย เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตาม พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเฉพาะ ต้นเงินเท่านั้น แม้จำเลยจะให้การและนำสืบว่าได้ นำเงิน 110,000 บาท ไปเข้าบัญชีโจทก์เพื่อชำระหนี้จำนองแทนโจทก์ ก็จะถือว่าจำเลยชำระเงินกู้ยืมต่อ โจทก์เป็นเงิน 110,000 บาท แล้วจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์อีกหาได้ไม่ เพราะจำเลยมิได้กล่าวในคำให้การขอให้ศาลหักกลบลบหนี้ให้จำเลยหรือโดยการฟ้องแย้ง จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีที่ศาลจะบังคับให้เป็นไปตาม ที่จำเลยให้การเช่นนั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2308/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เยาว์เป็นผู้จัดการมรดกไม่ได้ แม้มีผู้แทน
ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718(1) ผู้ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะเป็นผู้จัดการมรดกไม่ได้ เมื่อผู้คัดค้านยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้จะมีมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมดำเนินการแทนตาม กฎหมาย ศาลก็ไม่อาจตั้ง ผู้คัดค้านซึ่ง เป็นบุคคลที่ต้องห้ามตาม กฎหมายเป็นผู้จัดการมรดกได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2275/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการท่าอากาศยานในการจัดเก็บค่าบริการลานจอดรถ
คณะกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแล โดย ทั่วไปซึ่ง กิจการของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยตาม พระราชบัญญัติการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 มาตรา 18 ซึ่ง รวมถึงอำนาจในการออกข้อบังคับหรือระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรา 5 และมาตรา 18 โดย ไม่จำต้องออกกฎกระทรวงก่อน จำเลยซึ่ง เป็นคณะกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยจัดให้มีลานจอดรถของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยแล้วเรียกเก็บค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมจากผู้นำรถมาจอด เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 มาตรา 8(2)(3)การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502มาตรา 11.