พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,178 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1768/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าพยานผู้เชี่ยวชาญลายมือชื่อ: ศาลรับฟังความเห็นผู้เชี่ยวชาญเป็นเหตุแพ้ชนะ
1. เมื่อคู่ความท้ากันให้ส่งสัญญากู้เงินที่พิพาทไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายเซ็นใน+ผู้กู้เปรียบเทียบกับลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลยในเอกสารซึ่งโจทก์จำเลยรับกันย่อมเป็นที่เข้าใจว่าได้ให้ผู้เชี่ยวชาญคนใดคนหนึ่งของกองวิทยาการกรมตำรวจ เป็นผู้ตรวจพิสูจน์
2. และเมื่อคู่ความท้ากันไว้ว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าเป็นลายเซ็นคน ๆ เดียวกัน จำเลยยอมแพ้ แต่ถ้าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกัน โจทก์ย่อมแพ้ดังนี้ คดีย่อมไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้ระบุพยานอ้างผู้เชี่ยวชาญและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ และศาลได้กำหนดตัวผู้เชี่ยวชาญแล้วหรือไม่
ดังนั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจแล้วมีความเห็นว่าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกัน โจทก์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามที่ท้ากันไว้
2. และเมื่อคู่ความท้ากันไว้ว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าเป็นลายเซ็นคน ๆ เดียวกัน จำเลยยอมแพ้ แต่ถ้าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกัน โจทก์ย่อมแพ้ดังนี้ คดีย่อมไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้ระบุพยานอ้างผู้เชี่ยวชาญและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ และศาลได้กำหนดตัวผู้เชี่ยวชาญแล้วหรือไม่
ดังนั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจแล้วมีความเห็นว่าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกัน โจทก์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามที่ท้ากันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1768/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าพยานผู้เชี่ยวชาญลายมือชื่อ: ศาลรับฟังความเห็นผู้เชี่ยวชาญเป็นเหตุแพ้ชนะได้
1. เมื่อคู่ความท้ากันให้ส่งสัญญากู้เงินที่พิพาทไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายเซ็นในช่องผู้กู้เปรียบเทียบกับลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลยในเอกสารซึ่งโจทก์จำเลยรับกัน ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าได้ให้ผู้เชี่ยวชาญคนใดคนหนึ่งของกองวิทยาการกรมตำรวจเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ 2. และเมื่อคู่ความท้ากันไว้ว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าเป็นลายเซ็นคนๆเดียวกัน จำเลยยอมแพ้ แต่ถ้าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคนๆเดียวกัน โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้ คดีย่อมไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมิได้ระบุพยานอ้างผู้เชี่ยวชาญและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและศาลได้กำหนดตัวผู้เชี่ยวชาญแล้วหรือไม่
ดังนั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจแล้วมีความเห็นว่าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคนๆ เดียวกัน โจทก์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามที่ท้ากันไว้
ดังนั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจแล้วมีความเห็นว่าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคนๆ เดียวกัน โจทก์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามที่ท้ากันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดประกันภัย: การพิสูจน์ผู้รับพัสดุและข้อตกลงการส่งมอบสินค้า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับประกันพลอยของโจทก์ซึ่งประสงค์จะส่งไปยังธนาคาร น. เพื่อส่งต่อ และเรียกเก็บเงินจากห้าง จ. โดยโจทก์ได้ส่งพลอยนั้นทางพัสดุไปรษณีย์ในวันเดียวกันนั้น ปรากฏว่าไปรษณีย์ส่งพลอยนั้นให้แก่ห้างจ. โดยตรง ไม่ส่งให้ธนาคารดังที่โจทก์จ่าหน้า ขอให้จำเลยใช้เงินตามมูลค่าแห่งกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยให้การว่าโจทก์ขอประกันภัยต่อจำเลยโดยระบุนามผู้รับไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ 2357 ว่าบริษัท จ. พัสดุภัณฑ์นี้ได้ส่งไปถึงบริษัท จ. ผู้รับถูกต้องแล้ว และโจทก์แปลคำว่า NON-DELIVERY ในสัญญากรมธรรม์ผิด ที่ถูกต้องแปลว่า "ไม่มีการส่งของ" ไม่ใช่ส่งไม่ถึงที่หรือส่งผิด แม้ส่งผิดจำเลยก็ไม่ต้องรับผิด บริษัท จ. ก็ได้ยืนยันมายังโจทก์ว่าได้รับไปรษณีย์ภัณฑ์นั้นแล้ว โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยใช้หนี้แทนลูกหนี้ของโจทก์ไม่ได้ดังนี้ ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าพัสดุภัณฑ์ที่โจทก์ส่งไปนั้นจ่าหน้าถึงใครเป็นผู้รับกันแน่ คู่ความยังโต้แย้งกันอยู่ และต่างมีเอกสารหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างของตน และยังโต้เถียงการแปลคำว่า NON-DELIVERY ในกรมธรรม์กันด้วย ต่างยังมิได้รับรองเอกสารหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อสืบพยานโจทก์ได้เพียงคนเดียวแล้วศาลจะสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วฟังว่าไปรษณีย์ส่งพัสดุภัณฑ์นั้นให้บริษัท จ. ผิดไปจากจ่าหน้า แต่บริษัท จ. ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าได้รับของแล้ว ชอบที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่บริษัท จ. ผู้ซื้อโดยตรงให้ชำระราคาได้ก็ดี ศาลแปลคำว่า NON-DELIVERY ดังที่จำเลยให้การ แล้วเห็นว่าเมื่อของนี้ได้ส่งถึงมือผู้ซื้อแล้ว ความรับผิดของจำเลยจึงหมดไปก็ดี หรือฟังว่าในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งและหลักฐานเท่าที่มีในสำนวนก็ไม่มีว่าจำเลยทราบหรือมีข้อตกลงกันว่าจะต้องส่งพัสดุภัณฑ์นั้นแก่ธนาคารน. จึงพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีก็ดี ดังนี้ ยังไม่เป็นการที่ชอบ สมควรฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาที่แท้จริงของการเช่าสำคัญกว่าข้อตกลงในสัญญา หากผู้เช่าได้เช่าเพื่ออยู่อาศัยตั้งแต่แรก สัญญาเช่าเพื่อค้าจึงไม่ผูกพัน
แม้จะระบุในสัญญาเช่าว่า จำเลยเช่าห้องพิพาทของโจทก์เพื่อประกอบการค้าก็ดี จำเลยก็นำสืบว่าจำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัยอย่างเดียวตลอดมาได้ เพราะเป็นการนำสืบถึงเจตนาอันแท้จริง และความจริงที่จำเลยปฏิบัติ ซึ่งหากได้ความว่าจำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัยแล้ว จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323-1324/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงสัญญาเช่าโดยการตกลงกันใหม่เป็นลายลักษณ์อักษร และการนำสืบหลักฐานใบรับเงินค่าเช่าเพื่อพิสูจน์ข้อตกลง
โจทก์ทำสัญญาให้จำเลยเช่าโรงสี 3 ปี กำหนดค่าเช่าไว้เดือนละ 3,000 บาทจำเลยอ้างว่าโจทก์จำเลยตกลงกันไว้ว่า ชั้นแรกคิดค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท แต่ต่อไปโจทก์จะลดให้เป็นเดือนละ 2,000 บาท และ 1,000 บาทตามลำดับ แล้วจำเลยนำสืบใบรับเงินค่าเช่าอันแสดงว่าในระยะหลังๆ นี้โจทก์เก็บค่าเช่าเพียงเดือนละ 2,000 บาท และ 1,000 บาท ดังนี้เป็นเรื่องจำเลยนำสืบว่าคู่สัญญาตกลงทำสัญญากันใหม่เป็นหนังสือแก้ไขหนังสือสัญญาเช่าเดิมเฉพาะเรื่องอัตราค่าเช่าอย่างเดียวจำเลยจึงนำพยานบุคคลมาสืบอธิบายถึงที่มาของใบรับเงินนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าจ้างทนาย: ศาลกำหนดตามความเหมาะสม หากไม่มีข้อตกลง ชดใช้แทนกันได้ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
อัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เป็นอัตราสำหรับศาลจะพิพากษาให้คู่ความชดใช้แทนกันเท่านั้น ส่วนการกำหนดจำนวนค่าจ้างว่าความย่อมเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ และในกรณีที่ไม่ปรากฎการตกลงค่าจ้างกันโดยชัดแจ้ง ศาลก็กำหนดให้ตามที่เห็นสมควร แล้วแต่งานที่ทำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิหักเงินเดือนชำระหนี้ - การหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้จากการยืมเงินที่มีข้อตกลง
โจทก์พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี ฟ้องบังคับให้เทศบาลจำเลยจ่ายเงินเดือน ฯลฯ ซึ่งโจทก์มีสิทธิจะได้รับจำเลยให้การและแถลงว่า การที่ไม่จ่ายเงินตามฟ้อง เพราะโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ตามใบยืมโดยมีข้อสัญญากันไว้ในการยืมเงินว่า ถ้าไม่ใช้ก็ยอมให้หักเงินเดือนหรือเงินอื่นใดของผู้ยืมใช้จนครบได้โจทก์แถลงว่าได้มีข้อสัญญาระบุความตกลงยินยอมไว้เช่นนั้นจริง แต่เถียงว่าได้ชำระแก่จำเลยหมดแล้วดังนี้ถ้าหากโจทก์ยังมีหนี้สินติดอยู่จริง ดังจำเลยต่อสู้ จำเลยย่อมมีสิทธิตามสัญญาที่จะหักเงินตามฟ้อง เพื่อชำระหนี้ได้ หาจำต้องฟ้องแย้งขอหักหนี้เข้ามาอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดิน-เรือน: สิทธิจากการยกให้และข้อตกลงการอยู่อาศัย
เมื่อคดีไม่มีประเด็นหรือไม่ได้นำสืบกันมาว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ ศาลจะยกคำให้การของผู้ตายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินรายนี้ในคดีก่อนมาฟังว่า เป็นที่บ้าน ที่สวนโดยคู่ความคดีนี้มิได้อ้างเป็นพยาน และไม่ใช่พยานของศาลด้วย ไม่ได้
ในกรณีเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นที่มือเปล่าธรรมดา ต้องบังคับกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ยึดถือมีแต่สิทธิครอบครองเมื่อสละและโอนการครอบครองให้ผู้รับยกให้แล้ว ย่อมขาดสิทธิ แม้การยกให้จะทำไม่ถูกแบบตามมาตรา 525 ผู้รับก็ได้สิทธิครอบครองแล้ว
การยกไม้ 3 ต้น ให้เขาออกทุนปลูกเรือนขึ้นโดยตกลงกันให้เจ้าของไม้ได้อยู่อาศัยด้วยจนตลอดชีวิตนั้น เป็นเรื่องยกไม้ให้เขา ไม่ใช่ยกเรือนให้เรือนจึงเป็นของผู้ออกทุนปลูกสร้างฝ่ายเดียว
ในกรณีเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นที่มือเปล่าธรรมดา ต้องบังคับกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ยึดถือมีแต่สิทธิครอบครองเมื่อสละและโอนการครอบครองให้ผู้รับยกให้แล้ว ย่อมขาดสิทธิ แม้การยกให้จะทำไม่ถูกแบบตามมาตรา 525 ผู้รับก็ได้สิทธิครอบครองแล้ว
การยกไม้ 3 ต้น ให้เขาออกทุนปลูกเรือนขึ้นโดยตกลงกันให้เจ้าของไม้ได้อยู่อาศัยด้วยจนตลอดชีวิตนั้น เป็นเรื่องยกไม้ให้เขา ไม่ใช่ยกเรือนให้เรือนจึงเป็นของผู้ออกทุนปลูกสร้างฝ่ายเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเกิดความผูกพันค่าบำเหน็จนายหน้า: ต้องมีข้อตกลงหรือมอบหมายกิจการเพื่อให้เกิดหน้าที่
บุคคลผู้ที่จะต้องรับผิดให้ค่าบำเหน็จนายหน้าแก่ผู้ใดก็ต่อเมื่อได้ตกลงไว้กับผู้นั้นโดยชัดแจ้งหรือถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้โดยชัดแจ้งก็จะต้องรับผิดต่อเมื่อกิจการอันได้มอบหมายแก่ผู้นั้นเป็นที่คาดหมายได้ว่าผู้นั้นย่อมทำให้ก็แต่เพื่อจะเอาค่าบำเหน็จเท่านั้นถ้าไม่มีการตกลงกันหรือไม่มีการมอบหมายกิจการแก่กันดุจกล่าวมาแล้วก็ไม่จำต้องรับผิดให้ค่าบำเหน็จนายหน้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินหลังหย่ามีผลอย่างไร? ข้อตกลงไม่ใช่คำมั่นสัญญาแต่เป็นการโอนสิทธิ
สามีภริยาได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกันและทำบันทึกแบ่งทรัพย์สินให้ภริยาด้วยนั้น การแบ่งทรัพย์นี้ไม่ใช่คำนั่นว่าจะให้ แต่เป็นสัญญาแบ่งทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1512