คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,887 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497-3501/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยชอบแล้ว และการสืบพยานเพิ่มเติมไม่จำเป็น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นซึ่งมิได้ถูกฟ้องด้วยเป็นการไม่ชอบ หาได้ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไม่ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นด้วยมิได้กระทบกระเทือนสิทธิหน้าที่จำเลยเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบที่ศาลฎีกาจะรับไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไปเมื่อปรากฏว่าหลังจากมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสิ้น และได้พิพากษาคดีใหม่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2964/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีแรงงาน: การเรียกร้องเงินบำเหน็จหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมหรือใช้ค่าเสียหายและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องศาลฎีกาพิพากษายืนคดีถึงที่สุดโจทก์มาฟ้องจำเลยเรียกเงินบำเหน็จเป็นคดีนี้ซึ่งสิทธิฟ้องเรียกเงินบำเหน็จนี้มีมูลมาจากการเลิกจ้างของจำเลยโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้จากจำเลยได้เมื่อโจทก์ฟ้องคดีก่อนอยู่แล้วแต่โจทก์มิได้ฟ้องรวมไปในคดีก่อนกลับมาฟ้องใหม่ในคดีนี้อีกโดยอาศัยเหตุการเลิกจ้างคราวเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2835/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องเกี่ยวกับประเด็นที่เคยมีคำพิพากษาแล้วเท่านั้น
การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำซึ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา144จะต้องเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว โจทก์ขอให้หมายบังคับคดีครั้งแรกมีประเด็นว่าจำเลยผิดนัดเพราะมิได้ชำระเงินงวดเดือนธันวาคม2525หรือไม่โจทก์ขอให้หมายบังคับคดีในครั้งหลังมีประเด็นว่าจำเลยผิดนัดเพราะชำระเงินไม่ตรงกับวันที่ระบุไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่จึงเป็นคนละประเด็นกันกรณีจึงไม่ใช่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา144.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2701/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์มีคำพิพากษาต้องกัน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288,289,339,340ตรี,83ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา288,339,340ตรี,80ลงโทษตามมาตรา288,80นอกนั้นให้ยกศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องข้อหาตามมาตรา288,80และมาตรา340ตรีด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้เมื่อข้อหาตามมาตรา289ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับข้อหาดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา220.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งบังคับเจ้าพนักงานที่ดิน: บุคคลภายนอก-ข้อยกเว้นผลผูกพันตามคำพิพากษา
โจทก์ของจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำพิพากษาตามยอมที่ถึงที่สุดแล้ว เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งแก่โจทก์ว่าโอนที่ดินให้ไม่ได้ เพราะจำเลยจำนองที่ดินดังกล่าวไว้แก่ธนาคารและธนาคารไม่ยอมส่งโฉนดคู่ฉบับมาให้ ดังนี้ เจ้าพนักานที่ดินเป็นบุคคลภายนอกและกรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่ให้คำพิพากษามีผลผูกพันบุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 ศาลจึงไม่อาจสั่งบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ตามที่โจทก์ประสงค์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานที่ดินไม่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตามคำพิพากษา เนื่องจากโฉนดอยู่กับธนาคารจำนอง ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
เจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมจดทะเบียนโอนโฉนดให้ตามคำพิพากษาเพราะจำเลยจำนองที่ดินพิพาทไว้กับธนาคารซึ่งไม่ยอมส่งโฉนดที่ดินมาให้เช่นนี้โจทก์จะร้องขอให้ศาลในคดีเดิมมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนให้โดยไม่ต้องมีโฉนดคู่ฉบับมาแสดงหาได้ไม่เพราะเจ้าพนักงานที่ดินเป็นบุคคลภายนอกและกรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่ให้คำพิพากษามีผลผูกพันบุคคลภายนอกได้ตามป.วิ.พ.มาตรา145หากโจทก์เห็นว่าการที่เจ้าพนักงานที่ดินไม่กระทำการตามที่โจทก์ประสงค์นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ก็ชอบที่โจทก์จะดำเนินการว่ากล่าวกับเจ้าพนักงานที่ดินตามกฎหมายต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาต่อบุคคลภายนอก: กรณีจำนองที่ดิน
โจทก์ของจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำพิพากษาตามยอมที่ถึงที่สุดแล้วเจ้าพนักงานที่ดินแจ้งแก่โจทก์ว่าโอนที่ดินให้ไม่ได้เพราะจำเลยจำนองที่ดินดังกล่าวไว้แก่ธนาคารและธนาคารไม่ยอมส่งโฉนดคู่ฉบับมาให้ดังนี้เจ้าพนักานที่ดินเป็นบุคคลภายนอกและกรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่ให้คำพิพากษามีผลผูกพันบุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145ศาลจึงไม่อาจสั่งบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ตามที่โจทก์ประสงค์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดิน: การครอบครองต่อเนื่องหลังคำพิพากษาถึงที่สุด ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
ในคดีก่อนโจทก์กับว. และบิดาจำเลยฟ้องร้องแย่งสิทธิที่ดินกันซึ่งมีที่ดินพิพาท(ในคดีนี้)รวมอยู่ในที่ดินที่ฟ้องร้องกันนั้นด้วยจำเลยเข้าอยู่ในที่พิพาทโดยเชื่อว่าเป็นส่วนที่บิดาจำเลยได้รับมรดกจึงเป็นการเข้าอยู่โดยอาศัยสิทธิของบิดาจำเลยจำเลยย่อมมีสิทธิเพียงเท่าที่บิดาจำเลยมีอยู่ดังนั้นคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีก่อนที่วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ย่อมผูกพันบิดาจำเลยและตัวจำเลยด้วยแม้จำเลยจะเข้าครอบครองที่พิพาทในระหว่างเวลาที่มีการพิจารณาคดีก่อนก็ตามก็ไม่เป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์และที่จำเลยครอบครองที่พิพาทภายหลังจากวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนก็เป็นการครอบครองสืบต่อจากการครอบครองในระหว่างพิจารณาคดีเมื่อไม่ได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการครอบครองจำเลยจะอ้างกำหนดเวลาการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามป.พ.พ.มาตรา1375มาใช้ยันโจทก์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินมรดกและการครอบครองต่อเนื่อง คำพิพากษาคดีก่อนผูกพันผู้รับมรดก การครอบครองในระหว่างความไม่ถือเป็นการแย่ง
ในคดีก่อนโจทก์กับว.และบิดาจำเลยฟ้องร้องแย่งสิทธิที่ดินกันซึ่งมีที่ดินพิพาท(ในคดีนี้)รวมอยู่ในที่ดินที่ฟ้องร้องกันนั้นด้วยจำเลยเข้าอยู่ในที่พิพาทโดยเชื่อว่าเป็นส่วนที่บิดาจำเลยได้รับมรดกจึงเป็นการเข้าอยู่โดยอาศัยสิทธิของบิดาจำเลยจำเลยย่อมมีสิทธิเพียงเท่าที่บิดาจำเลยมีอยู่ดังนั้นคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีก่อนที่วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ย่อมผูกพันบิดาจำเลยและตัวจำเลยด้วยแม้จำเลยจะเข้าครอบครองที่พิพาทในระหว่างเวลาที่มีการพิจารณาคดีก่อนก็ตามก็ไม่เป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์และที่จำเลยครอบครองที่พิพาทภายหลังจากวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนก็เป็นการครอบครองสืบต่อจากการครอบครองในระหว่างพิจารณาคดีเมื่อไม่ได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการครอบครองจำเลยจะอ้างกำหนดเวลาการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375มาใช้ยันโจทก์ไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทกรรมสิทธิ์ที่ดิน: ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในข้อหาบุกรุกที่พิพาทซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามฟ้องซึ่งเท่ากับฟังว่าโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทและคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งหาว่าจำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินโจทก์ขอให้ขับไล่ซึ่งมีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกันว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหรือไม่ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนี้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาตามป.วิ.อ.มาตรา46.
of 189