คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทรัพย์สิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,615 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2421/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จ แม้จะยังไม่ได้ครอบครองทรัพย์สิน
จำเลยใช้มือล้วงเข้าไปในช่องลมแผงลอยของผู้เสียหายแล้วปลดเอาพวงผงชูรสซึ่งแขวนไว้ที่ตะปูใต้ช่องลม แม้จำเลยจะเอาผงชูรสไปไม่ได้เนื่องจากถูกพวกของผู้เสียหายใช้มีดฟันถูกนิ้วมือของจำเลยเป็นเหตุให้จำเลยต้องปล่อยผงชูรสนั้นก็ตาม การกระทำของจำเลยก็ถือว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2191/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลชี้ขาดการรวม/แยกทรัพย์สินบังคับคดีต้องเป็นไปตามขั้นตอน ม.309 หากไม่เป็นไปตามขั้นตอน คำสั่งนั้นยังไม่ถึงที่สุด
คำสั่งของศาลที่จะเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 จะต้อง เป็นกรณีที่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีรวมหรือแยกทรัพย์สิน หรือขอให้ขายทรัพย์สินนั้นตาม ลำดับที่กำหนดไว้ หรือร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่สั่งให้ขายทอดตลาดทรัพย์สินตาม มาตรา309(1)(2) และ (3) และเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ยอมปฏิบัติตามคำร้องหรือคำคัดค้านเช่นว่านั้น ผู้ร้องได้ ยื่นคำขอต่อ ศาลโดยทำเป็นคำร้องภายใน 2 วันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิเสธเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งชี้ขาดในเรื่องนั้น คำสั่งชี้ขาดของศาลจึงจะเป็นที่สุด แต่ ข้อเท็จจริงในคดีนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ขายที่ดินโฉนด เลขที่ 972 รวมกับที่ดินแปลงอื่นรวม10 โฉนด ในคราวเดียวกันต่อ ศาลชั้นต้นโดยตรงก่อนการขายทอดตลาดกรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม ที่ระบุไว้ในมาตรา 309 ดังกล่าวคำสั่งศาลชั้นต้น ที่สั่งคำร้อง ของ โจทก์จึงยังไม่เป็นที่สุด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2135/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดทรัพย์สิน: ราคาต่ำที่สมเหตุสมผลและการสมบูรณ์ของธุรกรรม
ทรัพย์พิพาทได้ประกาศขายทอดตลาด 6 ครั้ง โดยครั้งแรกและครั้งที่หกเป็นเวลานานห่างกัน 7 เดือน ครั้งสุดท้ายจำเลยคัดค้านว่าเป็นราคาต่ำ เมื่อผู้ที่ให้ราคาสูงสุดตลอดมามีแต่โจทก์ และเป็นเวลาที่ นาน พอที่ผู้ซื้อมีโอกาสเข้าสู้ราคา แต่ไม่มีบุคคลอื่นสนใจสู้ราคา ถึงแม้จะเลื่อนการขายทอดตลาดต่อไปอีก ก็ไม่แน่ว่าจะมีผู้ให้ราคาสูงกว่าโจทก์ ทั้งราคาที่โจทก์ให้สูงสุดไว้ในครั้งสุดท้ายต่ำกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคาไว้ในครั้งแรกไม่มากแม้จะต่ำกว่าราคาประเมินครั้งหลังเกือบเท่าตัว ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นราคาต่ำที่ผิดปกติ เพราะราคาดังกล่าวเพียงแต่กะประมาณไว้เท่านั้นและไม่มีพฤติการณ์ใดที่จะแสดงว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่สุจริต เมื่อการขายทอดตลาดทรัพย์สมบูรณ์แล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดครั้งที่หกและขอให้ขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2117/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าจากการกรรโชกทรัพย์: เจตนาต่อเนื่องและทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยกับพวกร่วมกันมีจดหมายขู่ผู้เสียหายให้นำเงิน 1 ล้านบาทมอบให้จำเลยกับพวก มิฉะนั้นจะฆ่าผู้เสียหายกับบุตรและภริยาผู้เสียหาย ผู้เสียหายแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจทราบ และได้วางแผนจับกุมโดย ให้ผู้เสียหายขับรถไปบริเวณที่จำเลยกับพวกนัดหมายไว้ เมื่อผู้เสียหายขับรถไปถึง พบจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มาติดต่อเพื่อขอรับเงิน จึงถูก เจ้าพนักงานตำรวจที่ติดตาม มาจับกุมได้หลังจากนั้นเกิดการยิงต่อสู้ ระหว่างพวกจำเลยกับผู้เสียหายและเจ้าพนักงานตำรวจ เช่นนี้ แม้จำเลยจะมิได้เป็นผู้ใช้ อาวุธปืนยิงผู้เสียหายกับพวก แต่ ก็เป็นเวลาต่อเนื่องและเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่จำเลยร่วมกันกระทำยังไม่ขาดตอน โดย จำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันมาแต่ต้น ในข้อที่ว่าหากผู้เสียหายไม่ยอมมอบเงินให้ก็จะฆ่าผู้เสียหายเสีย พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมเล็งเห็นได้ ว่าอาจเกิดการกระทำความผิดฐาน ฆ่าหรือพยายามฆ่าผู้อื่นขึ้นได้ถือได้ว่าเป็นความผิดที่อยู่ในขอบเขตที่จำเลยกับพวกตกลง ร่วมกันจะกระทำมาแต่ต้น จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 จึงต้อง รับโทษในความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นด้วย จำเลยที่ 3 ใช้ รถจักรยานยนต์ขับขี่ติดตาม รถยนต์ ของผู้เสียหายเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อ รับเงินจากการกระทำความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ ถือได้ว่ารถจักรยานยนต์เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงให้ริบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จและให้ถ้อยคำเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้ผู้อื่นได้ทรัพย์สินไปโดยมิชอบ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์โดยนำโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่ 2 มาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน ต่อมาจำเลยที่ 1 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า โฉนดที่ดินดังกล่าวถูกไฟไหม้หายไป แล้วจำเลยที่ 1ได้คัดรายงานประจำวันไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกใบแทนโฉนด และจำเลยทั้งสี่ให้ถ้อยคำยืนยันต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าโฉนดที่ดินถูกไฟไหม้สูญหายไปซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงโฉนดดังกล่าวอยู่ที่โจทก์ ดังนี้ การแจ้งความเท็จดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสี่กระทำต่อเจ้าพนักงาน และตามคำแจ้งความก็มิได้แจ้งเจาะจงกล่าวถึงโจทก์อันจะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรงอีกทั้งโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะบังคับเอากับโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ตามกฎหมายโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1789/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย และสิทธิเรียกร้องค่าใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่ถูกครอบครอง
จำเลยทำสัญญาจะซื้อตึกแถวพร้อมที่ดินกับโจทก์ โดยผ่อนชำระราคาเป็นงวด การที่โจทก์ส่งมอบตึกแถวและที่ดินให้จำเลยเข้าครอบครองตั้งแต่วันสัญญาเป็นการชำระหนี้บางส่วนแก่จำเลย ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายและเป็นผลให้จำเลยได้ใช้ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาอันได้แก่การที่โจทก์ยอมให้จำเลยใช้ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสาม เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยจะต้องให้โจทก์กลับคืนสู่ฐานะเดิมด้วยการใช้เงินตามควรค่าแห่งการใช้ตึกแถวและที่ดินนั้น แม้โจทก์จะฟ้องเรียกเป็นค่าเสียหาย แต่ตามสภาพเป็นการชดใช้ค่าที่ยอมให้ใช้ทรัพย์ ศาลก็พิพากษาให้โจทก์ได้รับการชดใช้ได้ ส่วนโจทก์ก็จะต้องคืนเงินค่าตึกแถวและที่ดินที่ได้รับชำระไว้แล้ว ซึ่งเป็นหนี้ต่างตอบแทนและเข้าเกณฑ์ที่จะหักกลบลบกันได้ตามที่โจทก์ขอมาในคำฟ้อง จึงให้จำเลยชดใช้ค่าใช้ตึกแถวนับแต่วันที่จำเลยเข้าครอบครอง โดยหักกลบลบหนี้กับเงินที่จำเลยได้ชำระให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1789/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญาสร้างซื้อขายและการชดใช้ค่าใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินหลังเลิกสัญญา
การที่โจทก์ผู้จะขายได้มอบตึกแถวและที่ดินที่จะขายให้แก่จำเลยผู้จะซื้อตั้งแต่วันทำสัญญาจะซื้อจะขายนั้นเป็นการชำระหนี้บางส่วนแก่จำเลย ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายและเป็นผลให้จำเลยได้ใช้ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญา อันได้แก่การที่โจทก์ยอมให้ใช้ทรัพย์ตามป.พ.พ. มาตรา 391 วรรคสาม เมื่อสัญญาเลิกกันจำเลยจะต้องให้โจทก์กลับคืนสู่ฐานะเดิมด้วยการใช้เงินตามควรค่าแห่งการใช้ตึกแถวและที่ดินนั้นแม้โจทก์จะฟ้องเรียกเป็นค่าเสียหายแต่ตามสภาพเป็นการชดใช้ค่าที่ยอมให้ใช้ทรัพย์ ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษาให้โจทก์ได้รับการชดใช้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1789/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญาจะซื้อจะขายและการชดใช้ค่าใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่โอนให้ครอบครองก่อนชำระราคาครบถ้วน
การที่โจทก์ผู้จะขายได้มอบตึกแถวและที่ดินที่จะขายให้แก่จำเลย ผู้จะซื้อตั้งแต่วันทำสัญญาจะซื้อจะขายนั้น เป็นการชำระหนี้บางส่วนแก่จำเลย ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายและเป็นผลให้จำเลยได้ใช้ทรัพย์ซึ่งเป็นวัตถุแห่งสัญญา อันได้แก่การที่โจทก์ยอมให้ใช้ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสามเมื่อสัญญาเลิกกันจำเลยจะต้องให้โจทก์กลับคืนสู่ฐานะเดิมด้วยการใช้เงินตามควรค่าแห่งการใช้ตึกแถวและที่ดินนั้น แม้โจทก์จะฟ้องเรียกเป็นค่าเสียหาย แต่ตามสภาพเป็นการชดใช้ค่าที่ยอมให้ใช้ทรัพย์ศาลชอบที่จะพิพากษาให้โจทก์ได้รับการชดใช้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์บรรทุกที่ใช้ในการกระทำความผิด แม้กฎหมายเฉพาะไม่ได้บัญญัติไว้
แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 จะมิได้บัญญัติถึงการริบของกลางไว้ แต่ก็มิได้บัญญัติถึงเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น ดังนั้นเมื่อจำเลยใช้รถยนต์บรรทุกบรรทุกน้ำหนักเกินอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย รถยนต์บรรทุกจึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด ศาลมีอำนาจริบรถยนต์บรรทุกนั้นได้ตาม ป.อ. มาตรา 33 ประกอบด้วยมาตรา 17
การที่ศาลพิพากษาให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางซึ่งโจทก์ขอให้ริบตาม ป.อ. มาตรา 33 นั้น ศาลย่อมเห็นแล้วว่ารถยนต์บรรทุกของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดแม้จะมิได้ระบุบทกฎหมาย ก็มิใช่กรณีศาลพิพากษาไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพิเศษโกงเจ้าหนี้: ขายทรัพย์เพื่อชำระหนี้ แม้มีข้อพิพาทเรื่องหนี้ ก็ไม่เป็นความผิด
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ผู้ที่จะมีความผิดจะต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือผู้อื่นได้ รับชำระหนี้จำเลยเป็นหนี้จำนองผู้มีชื่อ 3,000,000 บาท จึงขายทรัพย์จำนองพร้อมสิทธิการเช่า โทรศัพท์เป็นเงิน 3,500,000 บาทเพื่อชำระหนี้จำนองตาม ปกติ แม้จะเป็นการขายหลังจากทราบว่าโจทก์จะใช้ สิทธิเรียกร้องทางศาลเพื่อให้ชำระหนี้ ก็ยังเป็นการขายเพื่อชำระหนี้จำนอง ทั้งเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้จำเลยก็ต่อสู้ ว่ามิได้เป็นหนี้โจทก์ คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลโจทก์จะเป็นเจ้าหนี้หรือไม่ ยังโต้เถียง กันอยู่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐาน โกงเจ้าหนี้
of 262