พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,083 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติ: การหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่า และสิทธิการครอบครองของเทศบาล
คำว่าที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ใน พระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 ตรงกันกับคำว่า "ที่ดินรกร้างว่างเปล่า " ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(1)เมื่อทางการต้องการหวงห้ามที่ดินที่ยังรกร้างว่างเปล่า เพื่อจะใช้เป็นสาธารณประโยชน์ใด ก็ต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาตามพระราชบัญญัตินี้
ที่ดินที่พลเมืองได้ใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304(2) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าที่เหล่านั้นเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในตัว แม้ภายหลังจะเปลี่ยนการใช้ประโยชน์จากอย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ด้วย
ที่ฌาปนสถานซึ่งประชาชนใช้ฝังและเผาศพอยู่ ภายหลังได้ล้างป่าช้า และได้ปลูกโรงเรียนเทศบาลขึ้น ที่ดังกล่าวนั้นก็ยังเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามเดิม
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า บริเวณโดยรอบซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่านั้นโจทก์มุ่งหมายให้เข้าใจเพียงว่าเป็นที่ส่วนประกอบของที่สาธารณตามสภาพของลักษณะที่ดินที่เช่นนั้นไม่เกี่ยวกับที่ว่างเปล่าตามมาตรา 1304(1)แต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์(เทศบาล)ได้เข้าครอบครองโดยได้รับมอบให้ดูแลจัดตั้งสถานที่ศึกษาเล่าเรียนอันเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐตามอำนาจและหน้าที่ จำเลยได้เข้ามาบุกรุกอันเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ที่ดินที่พลเมืองได้ใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304(2) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าที่เหล่านั้นเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในตัว แม้ภายหลังจะเปลี่ยนการใช้ประโยชน์จากอย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ด้วย
ที่ฌาปนสถานซึ่งประชาชนใช้ฝังและเผาศพอยู่ ภายหลังได้ล้างป่าช้า และได้ปลูกโรงเรียนเทศบาลขึ้น ที่ดังกล่าวนั้นก็ยังเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามเดิม
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า บริเวณโดยรอบซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่านั้นโจทก์มุ่งหมายให้เข้าใจเพียงว่าเป็นที่ส่วนประกอบของที่สาธารณตามสภาพของลักษณะที่ดินที่เช่นนั้นไม่เกี่ยวกับที่ว่างเปล่าตามมาตรา 1304(1)แต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์(เทศบาล)ได้เข้าครอบครองโดยได้รับมอบให้ดูแลจัดตั้งสถานที่ศึกษาเล่าเรียนอันเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐตามอำนาจและหน้าที่ จำเลยได้เข้ามาบุกรุกอันเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินเพื่อแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของ แม้จะมอบให้ผู้อื่นดูแลรักษา ก็ยังถือเป็นการใช้สิทธิครอบครอง
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท โจทก์และบุตรครอบครองตลอดมา แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า
โจทก์ให้บุตรเขยดูแลรักษาครอบครองที่พิพาท ก็ถือเท่ากับโจทก์เป็นผู้ใช้สิทธิครอบครองอันได้สิทธิเป็นเจ้าของที่
พิพาทนั่นเอง ไม่เป็นการแตกต่างกับฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้./
โจทก์ให้บุตรเขยดูแลรักษาครอบครองที่พิพาท ก็ถือเท่ากับโจทก์เป็นผู้ใช้สิทธิครอบครองอันได้สิทธิเป็นเจ้าของที่
พิพาทนั่นเอง ไม่เป็นการแตกต่างกับฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินมรดก: คำสั่งศาลแสดงสิทธิครอบครองไม่ตัดสิทธิทายาท
ไปร้องต่อศาลขอให้แสดงสิทธิครอบครองในที่ดินมีโฉนดอ้างว่าเจ้าของที่ดินขายให้คนนั้นแม้ศาลจะมีคำสั่งแสดง ว่าผู้นั้นได้สิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ก็ตามเมื่อความจริงปรากฎว่า เจ้าจองที่ดินนั้นมิได้ขาย เป็นแต่ให้เช่าดังนี้ คำสั่งของศาลดังกล่าวย่อมไม่เป็นการตัดสิทธิเจ้าของที่ดินหรือทายาทที่จะฟ้องเรียกร้องเอาที่ดินนั้นคืนมา./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินที่ได้มาจากการอ้างซื้อ เมื่อความจริงเป็นสัญญาเช่า สิทธิครอบครองย่อมไม่สมบูรณ์
ไปร้องต่อศาลขอให้แสดงสิทธิครอบครองในที่ดินมีโฉนดอ้างว่าเจ้าของที่ดินขายให้ตนนั้น แม้ศาลจะมีคำสั่งแสดงว่าผู้นั้นได้สิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ก็ตาม เมื่อความจริงปรากฏว่าเจ้าของที่ดินนั้นมิได้ขาย เป็นแต่ให้เช่า ดังนี้ คำสั่งของศาลดังกล่าวย่อมไม่เป็นการตัดสิทธิเจ้าของที่ดินหรือทายาทที่จะฟ้องเรียกร้องเอาที่ดินนั้นคืนมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองบนที่ดินเช่า: การขับไล่จำเลยที่ 1 และสิทธิการอยู่อาศัยของผู้เช่าเรือน
จำเลยที่ 1 เช่าที่ดินของโจทก์ซึ่งมีเรือนปลูกอยู่ แต่ปรากฎว่าเรือนที่ปลูกไม่ใช่ของจำเลยที่ 1 เป็นของผู้มีชื่อ และจำ เลยที่ 2 - 3 เป็นผู้เช่าเรือนพิพาทอยู่จากเจ้าของเรือน ครั้นหมดสัญญาเช่าที่ดินแล้ว โจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลย ที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 - 3 ออกจากที่ และรื้อเรือนพิพาทไป ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษาขับไล่ตัวจำเลยที่ 1 ออก จากที่พิพาทไปได้ แต่จะรื้อเรือนพิพาทออกไปด้วยย่อมไม่ได้ เพราะเป็นเรือนของผู้อื่น ซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องผู้นั้นด้วย จึงยังไม่มีใครชี้ว่าเจ้าของเรือนพิพาทมีอนาจที่จะคงปลูกเรือนพิพาทอยู่ในที่ของโจทก์หรือไม่ และจะบังคับให้จำเลย ที่ 2 - 3 ซึ่งเป็นผู้เช่าเรือนพิพาทจากเจ้าของเรือนให้ออกไปจากเรือน ก็ไม่ได้ด้วย./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองเรือนในที่ดินเช่าสิ้นสุดเมื่อสัญญาเช่าที่ดินสิ้นสุด ผู้เช่าเรือนไม่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ปลูกเรือนอยู่ในที่ผู้อื่นเขาโดยอาศัยสิทธิการเช่าที่ดินของน้องภรรยา เมื่อน้องภรรยาบอกเลิกการเช่าที่ดินกับเจ้า ของที่ดินแล้ว คนย่อมไม่มีสิทธิอันใดที่จะให้เรือนตนคงปลูกอยู่ในที่ดินของเขาค่อไปได้แม้ผู้เช่าเรือนนั้นอยู่อาศัย ก็ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินไม่ผูกพันกับความเป็นทายาท การเพิกถอนคำสั่งศาลเรื่องสถานะบุตร
ผู้ที่อ้างว่าได้ที่ดินของผู้ตายมาโดยทางครอบครอง หาใช้เพราะเป็นทายาทผู้รับมรดกของผู้ตายไม่การที่ผู้ใดจะเป็นทายาทของผู้ตายหรือไม่ ย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิครอบครองของผู้นั้น ฉะนั้นการที่ศาลสั่งว่าผู้ใดผู้หนึ่งเป็นบุตรของผู้ตาย จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ที่อ้างว่าครอบครองที่ดินนั้นตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 55 ผู้นั้นจึงย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องศาลขอให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าผู้ใดเป็นบุตรผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่สาธารณะประโยชน์: สิทธิครอบครองในลำราง และการฟ้องขับไล่
ที่ในลำรางสาธารณะเรือเดินได้นั้น ย่อมเป็นทางน้ำอันราษฎรใช้ร่วมกันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน แม้ผู้ใดจะเคยเข้าไปทำนาในลำรางนั้นมาก่อน ผู้นั้นก็หามีสิทธิครอบครองอันชอบด้วยกฎหมายไม่ จะขอให้ศาลแสดงว่าที่นั้นเป็นของผู้นั้นไม่ได้ และเมื่อมีราษฎรอื่นมาทำนาในที่นั้นบ้าง ผู้ที่เคยทำนาอยู่ก่อนจะหาว่าผู้เข้าทำใหม่ละเมิดก็ไม่ได้ เพราะผู้เข้าทำใหม่หาได้ทำละเมิดต่อข้าวที่คนเดิมทำไว้ก่อนแล้วไม่ และเมื่อปรากฎว่าผู้เข้าทำใหม่มีที่นามีโฉนดอยู่ติดต่อกับที่สาธารณะนี้ ส่วนผู้เคยทำคนเดิมหามีนาอยู่แถวนั้นไม่ ดังนี้ ผู้เคยทำนามาเดิม ย่อมไม่มีสิทธิอะไรจะมาฟ้องขับไล่ ผู้เข้าทำใหม่นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่สาธารณะประโยชน์: สิทธิครอบครองในลำรางและการฟ้องขับไล่
ที่ในลำรางสาธารณะเรือเดินได้นั้น ย่อมเป็นทางน้ำอันราษฎรใช้ร่วมกันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน แม้ผู้ใดจะเคยเข้าไปทำนาในลำรางนั้นมาก่อน ผู้นั้นก็หามีสิทธิครอบครองอันชอบด้วยกฎหมายไม่ จะขอให้ศาลแสดงว่าที่นั้นเป็นของผู้นั้นไม่ได้ และเมื่อมีราษฎรอื่นมาทำนาในที่นั้นบ้าง ผู้ที่เคยทำนาอยู่ก่อนจะหาว่าผู้เข้าทำใหม่ละเมิดก็ไม่ได้ เพราะผู้เข้าทำใหม่หาได้ทำละเมิดต่อข้าวที่คนเดิมทำไว้ก่อนแล้วไม่ และเมื่อปรากฏว่าผู้เข้าทำใหม่มีที่นามีโฉนดอยู่ติดต่อกับที่สาธารณะนี้ ส่วนผู้เคยทำคนเดิมหามีนาอยู่แถวนั้นไม่ ดังนี้ ผู้เคยทำนามาเดิมย่อมไม่มีสิทธิอะไรจะมาฟ้องขับไล่ ผู้เข้าทำใหม่นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่า การซื้อขายที่ดิน และสิทธิการครอบครอง
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญ ซึ่งโจทก์ได้สิทธิครอบครองโดยซื้อมาจากผู้มีชื่อ และโจทก์ได้เข้าครอบครองในที่นั้นแล้ว จำเลยให้การว่าจำเลยได้เข้าไปบุกร้างถางป่า ตรงที่พิพาททำมรรคผล กับปลูกเรือนอยู่ และทำการล้อมรั้วเป็นเขตต์คันทั้ง 4 ด้าน มาจนบัดนี้เป็นเวลาประมาณ 30 ปีแล้วนั้นจะถือว่าคำให้การจำเลยเช่นนี้เป็นคำให้การที่ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนหาได้ไม่ เพราะมิได้แสดงไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การจำเลย ตามนัยแห่ง ป.วิ.แพ่ง มาตรา 177 ฉะนั้นจึงต้องถือว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า
ขายที่ดินมือเปล่าให้แก่เขาไปโดยรับเงินค่าที่ดินครบถ้วนแล้วและมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้วก็ย่อมถือได้ว่าผู้ขายเจตนาสละการครอบครอง และไม่ยึดถือที่ดินต่อไป
ขายที่ดินมือเปล่าให้แก่เขาไปโดยรับเงินค่าที่ดินครบถ้วนแล้วและมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้วก็ย่อมถือได้ว่าผู้ขายเจตนาสละการครอบครอง และไม่ยึดถือที่ดินต่อไป